Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1104
บทที่ 1104 เข้าใจดี
อาสามจึงได้โล่งใจออกมา จากนั้นถึงได้แน่ใจว่า ลู่เซิ่นนั้นจริงใจหญิงสาวคนนี้มาก แม้แต่คำพูดตัวเองได้ล่วงเกินขนาดนี้ก็ยังไม่สังเกตเห็น
ครั้นแล้วจิตใจก็กระฉับกระเฉงขึ้น รอให้ลู่เซิ่นเปิดปากพูดอย่างเงียบๆ
ครั้งนี้ลู่เซิ่นไม่เล่นแง่กับทั้งสองอีก หลังจากชะงักไปสองสามวินาทีเขาก็เริ่มพูดขึ้น : “เมื่อพูดออกมาแล้วก็ไม่กลัวว่าท่านทั้งสองจะหัวเราะแล้ว หญิงสาวคนนั้นชื่อเวินจิ้ง ขับรถไม่ทันระวังจึงเกิดอุบัติเหตุชนคนขึ้น เพราะฉะนั้นจึงถูกคุมไว้ที่เรือนจำชานเมือง
เมื่อคำพูดเขาได้เปล่งออกมา สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองถึงกับถอดสี
เวินจิ้ง?
พวกเขาทั้งสองครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็คิดไม่ตกว่าที่เมืองหนานจะมีตระกูลไหนที่แซ่เวิน
แต่เมื่อคิดไปคิดมา ถ้าเป็นลูกคุณหนูตระกูลใหญ่จริง ก็คงไม่มีทางที่จะถูกจองจำได้
จะว่าไปถ้าจะโทษก็โทษที่พวกเขาทั้งสองมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับคุณนาย และก็ไม่ชอบซุบซิบวุ่นวายเรื่องของคนในเมืองหนาน
ไม่อย่างนั้นก็คงจะนึกออกได้ทันที ว่าเวินจิ้งคนนี้ก็คือคนที่มีเรื่องจนเป็นข่าวใหญ่โตกับมู่วี่สิงแห่งบ้านตระกูลมู่จนกลายเป็นนางเอกของข่าวในเมืองหนาน
สำหรับการขับรถชนคนนั้น…..
“ลู่เซิ่น เจ้าพูดมาสิว่าเหตุการณ์การชนคนนั้นเป็นอย่างไร เสียชีวิตไหม” อารองถามด้วยความเป็นห่วง
ลู่เซิ่นแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจในความดีใจที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเขา พลางนึกถึงข้อมูลที่เขาได้เห็นเมื่อตอนกลางวัน จึงกระแอมด้วยเสียงเบาๆ
ขณะเดียวกันอารองและอาสามก็ได้สูดรับอากาศเย็นๆเข้าไป
นี่ถึงกับถูกจองจำ ยังเกิดการเสียชีวิตขึ้น…..
ขณะนี้ทั้งสามได้เดินออกจากเงาใต้ต้นไม้ แล้วมายืนอยู่ใต้ดวงไฟถนน
อารองและอาสามส่งสายตาให้แก่กัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างเข้าใจความคิดของกันและกันดี
“นี่แกคือ…..” สีหน้าอาสามเป็นกังวล “นี่ถึงกับเสียชีวิต เห็นทีจะไม่ง่ายเสียแล้ว…..”
ลู่เซิ่นยังพยายามอย่างไม่ลดละ แถมทิ้งลูกระเบิดลูกใหญ่ไว้ “คนที่เสียชีวิต ดูเหมือนจะเป็นคนบ้านหลิง
ตอนนี้อารองและอาสามไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ได้แต่มองลู่เซิ่นอย่างแข็งทื่อ ราวกับว่าเขานั้นกำลังพูดเรื่องล้อเล่น
ถ้าแค่ชนคนธรรมดาทั่วไป อาจใช้เงินในการแก้ปัญหาได้ แต่นี่กลับชนคนบ้านหลิง…..
บ้านหลิงเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆในเมืองหนาน หนำซ้ำอารองและอาสามยังมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับผู้ใหญ่ของคนบ้านหลิง
ความคิดของทั้งสองถึงกับสับสนขึ้นทันที
ว่าที่คู่หมั้นของลู่เซิ่นชนคนของบ้านหลิงเสียชีวิต ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูของคณะกรรมการบริษัทลู่ซื่อ เห็นทีว่าลู่เซิ่นคงต้องโดนถลกหนังเป็นแน่แท้ เรื่องนี้พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยได้อย่างแน่นอน
แต่ถ้าช่วยลู่เซิ่นให้ได้แต่งงานกับหญิงสาวคนนี้ อย่างนั้นความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างตระกูลลู่กับบ้านหลิงคงต้องแตกสะบั้น
ลู่เซิ่นนั้นแทบจะไม่ได้อยู่เมืองหนาน จบความสัมพันธ์กับบ้านหลิงแทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขา แต่กลับเป็นอารองและอาสามที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างใหญ่หลวง
พวกเขาทั้งสองถึงกับเงียบไปชั่วครู่ ลู่เซิ่นมีหรือที่จะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
ครั้นแล้วเขายังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียที่แผ่วเบา : “ผมรู้ครับว่าเรื่องนี้นั้นมันยุ่งยากมาก ถ้าอารองกับอาสามจะไม่ให้การช่วยเหลือ ก็คงเพราะมีเหตุผล ซึ่งผมก็เข้าใจ แล้วผมจะหาทางแก้ปัญหาเองครับ ไม่รบกวนพวกท่านทั้งสองแล้ว”
เมื่อได้ยินเจตนาของลู่เซิ่น ที่ไม่ต้องการพวกเขาเข้ามายุ่งยุ่มย่ามอีกต่อไป ทำให้พวกเขาทั้งสองกลับยิ่งกระวนกระวาย
“พวกเราทั้งสองไม่ได้หมายความว่าจะยืนนิ่งดูดาย!” อารองพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “เพียงแต่แค่ตั้งตัวไม่ทันเท่านั้นเอง ใช่ไหม”
เขาใช้ข้อศอกสะกิดอาสาม อาสามพยักหน้าด้วยสีหน้าอย่างกับเพิ่งตื่นจากฝัน : แน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าอาลู่เซิ่น แก…..มั่นใจคนนี้จริงๆแล้วใช่ไหม เจ้าก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่จะจัดการได้ง่ายๆ”
ลู่เซิ่นส่ายหน้า : “ผมมั่นใจครับว่าเป็นเธอ และต้องเป็นเธอเท่านั้น”
ใบหน้าที่แน่วแน่ของเขา ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองไม่รู้จะต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร
ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างเงียบๆอยู่สักพัก ฉับพลันอาสามราวกับว่าตัดสินใจได้ แล้วก็กัดฟัน : “แกมั่นใจขนาดนี้ ฉันก็ไม่ใช่คนหัวโบราณที่จะคอยกีดกันความรัก แต่ว่าการที่จะช่วยคนให้ออกมานั้น…..เกรงว่าจะไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย”
ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก : “ผมรู้ครับว่าเรื่องนี้จะวู่วามไม่ได้ แต่ว่าผม…..แค่ต้องการที่จะไปพบเธอจะได้ไหม”
อารองกับอาสามสบตากัน แล้วอารองก็พยักหน้า : “เรื่องนี้ไม่ยาก ฉันจะไปจัดการให้แกตอนนี้”
ลู่เซิ่นลดสายตาลงแล้วพยักหน้าให้กับอารอง : รบกวนอาทั้งสองแล้ว แต่ว่าเธอจะต้องขึ้นศาลในเร็วๆนี้ สำหรับเวลานั้นจะสามารถ…..”
เรื่องนี้สำหรับอารองแล้วเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า :“ฉันเข้าใจแล้ว รีบใช่ไหม อย่างนั้นถ้าเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม พรุ่งนี้จะให้แกไปพบเธอที่เรือนจำ”
ทำให้ลู่เซิ่นถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพยักหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ : ขอบคุณอารองและอาสามครับ”
ขณะเดียวกันใบหน้าอารองและอาสามก็เผยรอยยิ้มออกมา
ตลอดเวลามานั้นลู่เซิ่นไม่เคยแม้แต่จะให้ความเคารพในท่าทีของพวกเขา แต่ตอนนี้มาก้มหัวให้ ทำให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจอย่างไรอย่างนั้น
ลู่เซิ่นดูออกแต่ไม่พูด มีแค่รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก
อารองรีบร้อนกลับไปเพื่อติดต่อคนให้จัดการ ส่วนอาสามเมื่อได้รู้ข้อมูลที่ต้องการแล้วก็จากลาไป
เหลือลู่เซิ่นเพียงคนเดียวที่ค่อยๆเดินกลับอย่างช้าๆ
เมื่อกลับมาถึงหน้าประตูห้องตัวเอง ก็พบหลินหยังได้รออยู่หน้าห้องแล้ว
“ประธานลู่” เขาก้มลงหยิบเอกสาร “มีเรื่องบางเรื่องที่ต้องให้ท่านจัดการครับ”
ลู่เซิ่นพยักหน้า ให้สัญญาณว่าให้เขานำเอกสารเข้ามาในห้อง
หลินหยังทำตามที่บอกหยิบเอกสารแล้วเดินเข้าไป แล้วยืนรอลู่เซิ่นตรวจเอกสารอยู่ข้างๆเหมือนปกติอย่างเช่นเคย
แต่ลู่เซิ่นกลับเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า : “คุณไม่เข้าใจใช่ไหมว่าเรื่องที่ฉันสามารถจัดการเองได้ ทำไมต้องอ้อมโลกไปให้อารองอาสามไปจัดการ”
เมื่อตอนทานอาหารเย็นหลินหยังไม่ได้ไปทานด้วยตัวเอง แต่ตามลู่เซิ่นไปทานที่ห้องอาหารด้วยกัน และก็ได้ยินคำพูดที่เขาสนทนากับเหล่าผู้อาวุโส
ตามที่หลินหยังนั้นเข้าใจ เขานั้นคงมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน
ถ้าลู่เซิ่นจะต้องแต่งงานกับใครสักคน ไม่จำเป็นต้องแจกแจงรายละเอียดให้เหล่าผู้อาวุโสตระกูลลู่ทราบ หญิงสาวที่เขาต้องการจะแต่งงานด้วย ต่อให้เป็นเรือนจำเมืองหนาน ก็ไม่มีทางที่จะขัดขวางเขาได้ แล้วเขาจะร้องขอความช่วยเหลือคนอื่นทำไม
ทำไมลู่เซิ่นต้องอ้อมไปอ้อมมาอย่างนี้ ต้องมีบางอย่างผิดปกติ
คิดไม่ถึงว่าหลินหยังที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ จะถูกลู่เซิ่นอ่านความความคิดความอ่านเขาออกได้ ถ้าปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงพยักหน้ารับไปตรงๆ
ลู่เซิ่นมือไปหยิบเอกสารที่เซ็นเสร็จแล้ววางไปข้างๆ แล้วยิ้มจางๆ: “คุณไม่รู้สึกว่าการปั่นหัวพวกเขาเล่นนั้นสนุกแค่ไหน”
หลินหยังถึงกับหมดคำพูด
ถ้าหากเป็นเรื่องราวในการ์ตูน บนหน้าผากของเขาคงมีเส้นดำๆโผล่ขึ้นมาแล้ว
ลู่เซิ่นมองท่าทางหมดคำพูดของเขา ถึงกับกระหยิ่มยิ้มย่อง
แต่เขาก็หุบยิ้มนั้นลงอย่างรวดเร็ว
“เรื่องที่สามารถใช้กำลังของคนอื่นทำให้สำเร็จ ก็ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องลงมือจัดการเอง” แล้วลู่เซิ่นก็ก้มหน้าก้มตาดูเอกสารต่อ “เพียงแค่ขยับริมฝีปาก ก้มหัวเล็กน้อย ก็มีคนช่วยคุณจัดการเรื่องทุกอย่างแล้ว กำไรมากกว่าต้นทุนเป็นหลายเท่า”
หลินหยังพยักหน้าอย่างงงๆ
ลู่เซิ่นหยิบเอกสารที่เซ็นเสร็จแล้วทั้งหมดวางไว้ข้างๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองหลินหยัง : “ตรงนี้ไม่มีใครคนอื่น ผมก็จะไม่ปิดบังคุณอีก ผมก็แค่จะแต่งงานกับเวินจิ้ง”
หลินหยังค่อยๆเบิกตากว้าง