Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1111
บทที่ 1111 เงียบงัน
ในเวลานี้บนท้องถนนไม่ได้มีความแน่นขนัดของการจราจรแล้ว คนขับรถใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็มาถึงหน้ารีสอร์ท ชิงหยวน
ฉินซีจัดการตบแต่งหน้าของตัวเองเพื่อกลบไม่ให้ใครสามารถเห็นความบกพร่องบนใบหน้าเธอได้
แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของพ่อบ้านไปได้ เมื่อเขาได้เห็นเธอ นอกจากร่องรอยแดงช้ำบางๆที่ขอบตา ก็ไม่ได้เห็นอะไรที่ผิดปกติมากไปกว่านั้น
“วันนี้ตื่นเช้าไปหน่อย ตอนนี้ก็เลยเพลียๆ” ฉินซีเลี่ยงที่จะอธิบาย เธอผลักจานข้าวห่างตัว ก่อนพูด “อาหารไม่ถูกปากเท่าไหร่ ฉันจะไปพักผ่อนข้างบนก่อน ตื่นแล้วจะลงมาทานแล้วกัน”
พ่อบ้านไม่รู้ว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้นอนเลยทั้งคืน แต่ก็สามารถเห็นความอ่อนล้าจากตัวของเจ้านายได้เป็นอย่างดี เขาพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นรีบไปพักผ่อนเสียเถอะครับ หรือจะให้ผมเรียกหมอมาดูอาการให้?”
ฉินซีโบกมือปฏิเสธพัลวัน “ไม่ต้องหรอกน่า ฉันแค่พักผ่อนมาเพียงพอ หลับสักตื่นก็ดีขึ้นแล้ว แต่รบกวนช่วยบอกคนอื่นให้หน่อยนะ ว่าอย่าเข้ามารบกวนตอนฉันกำลังพักผ่อน ฉันอยากจะหลับให้สนิทสักหน่อย”
พ่อบ้านไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อยู่แล้ว เมื่อฉินซีพูดจบ ก็เดินลิ่วๆขึ้นไปยังชั้นบนทันที
เป็นความจริงที่เธอง่วง แต่เรื่องจะนอนให้เต็มอิ่มกลับไม่จริงเลย
เมื่อขึ้นมาข้างบน เธอไม่ได้ตรงไปยังห้องนอน ทว่ากลับเดินไปยังห้องมืดแทน
เป็นเวลานานทีเดียวที่เธอไม่ได้เข้าไปในนั้น แต่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เธอกระทั่งรู้สึกไม่อยากให้มีที่แห่งนี้อีกแล้ว
เป็นที่ประจักษ์ว่าเธอยังคงคิดว่าเรื่องต่างๆนั้นยังคงสวยงาม
มนุษย์เป็นสิ่งที่กะล่อนปลิ้นปล้อน และคาดเดาสิ่งต่างๆได้ยากมากที่สุด
ฉินซีเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงยังห้องมืด
ก่อนที่จะผลักประตูเข้าไป ทันใดเธอกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
มีคนเข้ามาก่อนเธอ?
… …
เมืองหนาน, บ้านตระกูลลู่
ลู่เซิ่นนอนเอกเขนกทอดกายยาวอยู่บนเตียง เขากำลังจัดการเอกสารบนแท็บเล็ตที่อยู่ในมือ แต่สายตากลับเหลือบมองไปยังโทรศัพท์ของตัวเองเป็นครั้งคราว
คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย เขาคิดอยู่เสมอว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ฉินซีออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบภายในตอนเช้า ก่อนที่จะส่งข้อความมาว่าขอวิดีโอ
เป็นไปได้ไหมว่าเรื่องที่เธอออกไปตอนเช้าด้วยความเร่งรีบ จะเกี่ยวข้องกับตัวเอง?
เมื่อลู่เซิ่นคิดมาถึงตรงนี้ ภายในใจเขาพลันมีแต่ความไม่แน่ใจ
หรือถ้าจะให้พูด แค่เขาคิดถึงเรื่องของฉินซีขึ้นมา ก็เหมือนความรู้สึกที่เดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ
เรื่องของตัวเอง? จะมีเรื่องอะไรกันล่ะ? เรื่องดีหรือว่า… …ไม่ดีกัน?
ลู่เซิ่นไม่มีกระจิตกระใจกับเอกสารตรงหน้าอีกต่อไป ก่อนมองไปยังโทรศัพท์อีกครั้ง
เขาถอนหายใจอย่างยอมจำนน วางแท็บเล็ตในมือ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เพราะว่าพักผ่อน หลังจากลงมาจากเครื่องได้สักพัก ดังนั้นตอนนี้ถึงจะเป็นเวลาที่ดึกมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกสดชื่น
เขาไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป มือหนาคว้าโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกตัว
ก่อนที่จะนอนพักนั้น ลุงรองของเขาได้เข้ามาหา บอกว่าเรื่องที่จะไปหาเวินจิ้งในวันพรุ่งนี้ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เขาก็ตกปากรับคำไป
ธรรมชาติของมนุษย์เป็นอะไรที่มันซับซ้อนจริงๆ…..
เมื่อก่อนเขาคิดว่า ตัวเองตั้งใจที่จะเปิดเผยให้ลุงรองและลุงสามรู้ว่าต้องการที่จะแต่งงานกับเวินจิ้ง พวกเขาสองคนเข้าใจดีในเรื่องของเวินจิ้ง แน่นอนว่าต้องต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ถ้าในท้ายที่สุดเขากับเวินจิ้งจะได้ร่วมหอลงโลงด้วยกันคงจะเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง แต่คิดไม่ถึงว่า ลุงรองจะนำเรื่องไปพูดกับสูหยิง
โง่แค่ไหนก็คิดออก ว่าถ้านำเรื่องนี้ไปบอกสูหยิง เธอจะต้องเป็นอุปสรรคที่คอยขัดขวางเขาแน่นอน ถ้าหากเธอไม่ยอม แล้วยังคงดึงดันที่จะแต่งงานกับเวินจิ้ง จุดจบก็คงเหมือนกับฉินซี ก็จะต้องถูกเธอคอยขับไล่ให้ออกไปจากตระกูลลู่
ลุงรองทำแบบนี้… …ก็เหมือนกับกำลังคอยขัดแข้งขัดขาเขาอยู่
ลู่เซิ่นนึกย้อนกลับไปในอดีตได้ไม่นาน นึกถึงไปตอนที่กำลังรับประทานอาหารเย็น ลุงรองยังคงสงวนท่าที ส่วนลุงสามมีท่าทีกระตือรือร้นมากกว่า
ดูท่าความทะเยอทะยานของลุงสามจะเพิ่มมากขึ้น
เขาลูบคางอย่างใช้ความคิด ไม่ได้คิดพิจารณาเรื่องราวของพวกเขาสองคนต่อไปอีก แต่กลับไปคิดถึงเรื่องการพบเจอกันของเขาและเวินจิ้งในวันพรุ่งนี้แทน
ลู่เซิ่นไม่เคยเจอเวินจิ้งมาก่อน เขาไม่รู้ว่าเธอรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เคยฟังมาจากหลินยี่ ว่าเธอเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่งภายในครอบครัว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นถึงกับโค้งริมฝีปากขึ้น
ถึงขนาดหลินยี่กล้าที่จะคุยโวโอ้อวดอย่างไม่กระดากปากถามเขากลับว่า เวินจิ้งมีอะไรที่ไม่คู่ควรกับเขาบ้าง
ขนาดพี่ชายที่เลี้ยงตัวเองมากับมือยังกล้าที่จะพูดแบบนี้ เวินจิ้งก็คงที่จะนับว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง แต่ก็คงไม่ได้ถึงขนาดงามล่มเมืองเหมือนในนิยายจีนเสียหน่อย
แต่กับฉินซีมันแตกต่างออกไป
ฉินซีเป็นคนงามที่แท้จริง
ลู่เซิ่นไม่คิดว่าเขาจะเป็นพวกที่มองคนจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่มันก็อดยอมรับไม่ได้ว่า ถ้าหากครั้งแรกที่เจอกันที่หอศิลป์ ไม่ได้เจอรูปร่างที่สะดุดตาของฉินซีเข้า เขาก็คงไม่สนใจเธอ และเดินผ่านเลยไปเฉยๆ
ถึงแม้เขาจะไม่ได้รักที่รูปลักษณ์ภายนอกของฉินซี แต่มันก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าแม้ว่าฉินซีจะไม่มีความสามารถอะไรเลย แต่แค่เพียงอาศัยหน้าตาของเธอ ก็เพียงพอแล้วที่จะดึงดูดให้ผู้ชายเข้ามาสยบแทบเท้าของเธอได้ง่ายๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นขยับสายตาด้วยความไม่สบายใจเล็กหน้า
ในเวลานี้เขาก็ยุ่งกับเรื่องธุระของหลินยี่ ต้องออกไปดูงานบ่อย โอกาสที่จะเจอกับฉินซีก็น้อยเหลือเกิน จนเขาไม่ได้สนใจมัน
แล้วถ้าหากว่าฉินซีไปคุยกับใครที่ไม่ใช่เขา… …
ลู่เซิ่นสั่งตัวเองไม่ให้คิดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป แต่อารมณ์ของเขากลับไม่ฟังคำสั่งของตัวเอง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ที่เรียกว่าเป็นเจ้าของนั้นมันเป็นอย่างไร
แทบจะอดรนทนไม่ไหวที่จะบอกให้ทั้งโลกได้รู้ว่า เธอเป็นของเขา คนอื่นจะได้ไม่เข้ามายุ่งวุ่นวาย และอย่ามาคิดเพ้อเจ้ออะไรกับผู้หญิงของเขาอีก
ความคิดนี้ชั่วขณะของเขาเองทำให้ลู่เซิ่นมีความคิดที่จะอยากจะรีบกลับประเทศF เสียเดี๋ยวนี้
ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องพยายามที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้ให้ได้ แต่ความคิดนี้ก็ฝังหยั่งรากลึกฝังลงกลางใจของเขา
เขากับฉินซีแต่งงานกันไม่กี่เดือน แต่ดูเหมือนว่าทั้งเขาและเธอจะไม่ได้ออกมาพูดอะไรที่ชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกันและกัน
เขาจะมีโอกาสที่จะได้กุมมือของฉินซีและแสดงความรักของเขาและเธอให้ทุกคนเห็นไหม?
ลู่เซิ่นถูกจัดให้เข้าไปอยู่ในตระกูลลู่ตั้งแต่ย่างก้าวเข้าสู่วัยหนุ่ม รับผิดชอบทำงานของตระกูลลู่มาโดยตลอด ไม่ว่าเมื่อก่อนจะได้พบเจอผู้หญิงมากมายแค่ไหน ก็ไม่มีเวลาที่จะเข้าหาหรือไปไล่ตามได้
ตอนนี้เขาอยากโรแมนติกกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
ถ้าหากว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาดึกขนาดนี้แล้วละก็ เขาก็คงอยากที่จะไปเรียกหลินหยังแล้วมานั่งจับเข่าคุยเกี่ยวกับปัญหานี้
ลู่เซิ่นถอนหายใจเบา ก่อนที่จะพลิกดูหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง
ฉินซียังคงไม่โทรมาหาเขา
เมื่อลองดูเวลาแล้ว จริงๆก็แค่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอยังไม่ถึงบ้านก็เป็นเรื่องที่ปกติ
ลู่เซิ่นกลับคิดว่า ครึ่งชั่วโมงนี้มันยาวนานกว่าครั้งไหนๆ
เขากำลังที่จะวางโทรศัพท์ลง ทันใดหลินยี่ก็ได้ทักเข้ามาหาเขาพอดี
เนื้อหาที่เขาสนทนาพูดคุยเล่นกับหลินยี่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เป็นแค่เรื่องไม่กี่ชั่วโมงที่ลุงรองของเขาจะให้ไปพบเวินจิ้งในวันพรุ่งนี้ เขาได้บอกหลินยี่อย่างไม่ได้เป็นทางการอะไรกับเรื่องนี้ แต่หลินยี่ก็ไม่สะดวกที่จะพิมพ์ แค่ตอบกลับมาว่า อืม
ลู่เซิ่นมองไปยังชื่อของหลินยี่ ทันใดก็นึกขึ้นมาได้ ตอนที่พูดล้อเล่นกับหลินยี่เมื่อครั้งก่อน หลินยี่ได้พูดว่า “น้องสาวของฉันไม่มีงานแต่งงานก็ต้องแต่งงานไปก่อนหรอ?”
งานแต่งงานหรอ?