Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1114
บทที่ 1114 ยอมไม่ได้ที่จะให้เธอรับความลำบาก
นึกไม่ถึงว่าโน้ตบุ๊คไม่ได้ปิด แค่อยู่ในโหมดพักเท่านั้น
แค่เธอปัดมือขึ้น หน้าจอก็สว่างขึ้นมา
ฉินซีขมวดคิ้ว ก่อนที่จะพิมพ์รหัสเข้าไป
——คอมพิวเตอร์เปิดอยู่ แต่ไม่ได้อยู่ในหน้าเริ่มต้น
มีการเปิดโปรแกรมเล่นวิดีโอและเห็นได้ชัดว่ามีการหยุดวิดีโอชั่วคราว
คอมพิวเตอร์วางอยู่บนตักของฉินซี ดังนั้นพ่อบ้านจึงมองไม่เห็นว่าบนหน้าจอมีอะไร เห็นแค่เพียงใบหน้าของฉินซีเท่านั้นที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“คุณผู้หญิง” หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดพ่อบ้านก็อดไม่ได้ที่จะถาม “มีอะไรที่ผิดปกติหรือครับ?”
ในที่สุดฉินซีก็ละสายตาจากหน้าจอตรงหน้า ก่อนที่จะส่งยิ้มให้พวกเขา “ไม่มีอะไร พวกเธอออกไปก่อนเถอะ ฉันอยากคิดอะไรคนเดียวสักพัก”
“แต่ …” พ่อบ้านแย้งขึ้น “ไม่รู้ว่าใครที่แอบเข้ามา ผมต้องรักษาความปลอดภัยให้คุณผู้หญิงนะครับ”
ฉินซีส่ายหัวอย่างแน่ใจว่าเธอไม่เป็นไร “คนนั้นออกไปจากที่นี่แล้วไม่ใช่หรือไง? ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้วล่ะ”
เมื่อเห็นท่าทีแน่วแน่ของเธอ พ่อบ้านก็ทำได้แค่พยักหน้าตอบรับ และเมื่อเขากำลังจะออกไป ฉินซีกลับพูดขึ้นมาว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ต้องรายงานให้ลู่เซิ่นรู้ก่อนนะ” พ่อบ้านหันกลับมามองด้วยความประหลาดใจ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมถึงไม่บอกประธานลู่ละครับ?”
ฉินซีส่ายหน้าเบาๆ “ไม่มีอะไรหรอกน่า ลู่เซิ่นทำธุระอยู่ที่เมืองหนานก็เหนื่อยพออยู่แล้ว ฉันไม่อยากไปเพิ่มเรื่องอะไรที่ทำให้เขาไม่สบายใจอีก ฉันคุยโทรศัพท์กับเขาแล้ว ไว้วันที่เขาจะกลับมา ฉันจะคุยกับเขาต่อหน้า ดีกว่าไหมล่ะ?”
พ่อบ้านยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ฉินซีพูดด้วยความเด็ดขาด และเขาไม่สามารถแย้งต่อเธอได้ดังนั้นเขาจึงต้องทำทีเป็นเห็นด้วย
ผู้คนในห้องจึงค่อยๆทยอยกันเดินออกมา ภายในห้องจึงดูค่อยๆเงียบสงบลงทันตา
หลังจากที่เหล่าบอดี้การ์ดออกมาพร้อมกับพ่อบ้านแล้ว สีหน้าพวกเขาก็ยังคงดูกังวล “พ่อบ้าน เราจะปล่อยให้คุณผู้หญิงอยู่คนเดียวจริงๆหรือ?”
พ่อบ้านส่ายหัว พลางยิ้มอย่างกังวลใจ “นายก็เห็นว่าท่าทางเธอเป็นยังไง คอยเฝ้าอยู่ข้างนอกนี่แหละ ระวังเป็นพิเศษด้วยล่ะ”
บอดี้การ์ดอีกคนอดที่จะถามไม่ได้ว่า “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะไม่บอกประธานลู่จริงๆหรือครับ?”
พ่อบ้านยังไม่ตอบทันที เขาไตร่ตรองสักพัก ก่อนที่จะส่ายหัวอย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไร และเดินจากไป
บอดี้การ์ดสองสามคนมองไล่หลังอย่างไม่เข้าใจ
… …
ภายในห้องหนังสือยังคงเหลือฉินซีเพียงคนเดียว
เธอรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ปิดบังพิรุธได้ไม่เก่งนัก แค่คนมองมา ก็รู้แล้วว่าในโน้ตบุ๊กต้องมีอะไรที่ผิดปกติแน่นอน ว่าส่วนสำคัญของปัญหาคืออยู่ในนั้น แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงมากพอที่จะปกปิดมันแล้ว
เพราะว่ารูปพื้นหลังบนหน้าจอนั้นคือหน้าของลู่เซิ่น ข้างหลังเขาเป็นร้านอาหารโบราณและสไตล์การตกแต่งก็ค่อนข้างคล้ายกับคฤหาสน์ตระกูลลู่ที่เธอเคยอยู่
เธอเกือบจะตัดสินไปแล้วว่า ลู่เซิ่นต้องอยู่ในคฤหาสน์เก่าของตระกูลลู่ที่อยู่ในเมืองหนาน
——แล้วเขากลับไปที่คฤหาสน์เก่าทำไมกัน
ฉินซีจำคราวก่อนได้ที่ลู่เซิ่นออกไปดูงานที่เมืองหนาน เขาเคยบ่นกระปอดกระแปดเกี่ยวกับผ้าห่มของโรงแรมที่ห่มแล้วหลับไม่สบาย
เธอยังเคยถามเลย ตระกูลลู่ที่อยู่เมืองหนานควรที่จะมีคฤหาสน์ของตระกูลที่นั่น ทำไมเขาไม่กลับไป
ลู่เซิ่นส่ายหัวปฏิเสธอย่างเป็นจริงเป็นจัง “ที่แต่คนแก่ๆอยู่ที่นั่น ถ้าไม่มีเรื่องใหญ่อะไรจริงๆ ผมจะกลับไปทำไมล่ะ?”
ถ้าไม่มีอะไรสำคัญจริงๆ จะไม่กลับไป ถ้าตอนนี้กลับไป แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น
ฉินซีนึกไปถึงบันทึกที่ส่งมายังกล่องเมลบ๊อกของเธอแทบจะในทันที
ข้างในนั้นลู่เซิ่นพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและบอกว่าเขาจะแต่งงานกับคนหนึ่ง เป็นเพราะว่าคุณอยากแต่งงานก็เลยจะกลับไปอธิบายให้ “คนแก่” พวกนั้นฟัง ใช่ไหมล่ะ?
ฉินซีกัดริมฝีปากบางของตัวเอง และหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจคลิกเล่นวิดีโอ
แน่นอนว่าวิดีโอไม่ได้ถูกบันทึกโดยมืออาชีพ ภาพมีการสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเห็นภาพเหตุการณ์ได้ชัดเจน
เหมือนว่ากำลังจะแอบถ่าย คนส่วนใหญ่ในวิดีโอกำลังรับประทานอาหารกัน และเมื่อรอถึงลู่เซิ่นวางตะเกียบลง ผู้ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ซ้ายมือ โพล่งถามขึ้นมา “ลู่เซิ่น ได้ยินว่าคราวนี้แกกลับมาเพื่อต้องการแต่งงานนี่?”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกไป คนทั่วทั้งโต๊ะอาหารก็พากันเงยหน้าขึ้นมามองตรงไปยังลู่เซิ่นแทบจะทันที
ลู่เซิ่นหยิบทิชชู่ ขึ้นมาบรรจงเช็ดที่มุมปาก ก่อนพูด “ไม่ใช่แต่งงาน แต่คือขอแต่งงาน”
ชายวัยกลางคนโบกมือไปมา “แตกต่างกันตรงไหน ลู่เซิ่นจะไปขอแต่งงานยังไงก็ต้องสำเร็จอยู่แล้ว”
ลู่เซิ่นลดสายตาลง “ผม ผมไม่ค่อยแน่ใจ”
วิดีโอจบลงเท่านี้ ก่อนที่จะหยุดนิ่งอยู่ที่บนใบหน้าของลู่เซิ่น
ฉินซีที่ใช้ชีวิตอยู่กับเขามาปีกว่าๆ ไม่เคยเห็นเขาแสดงท่าทางแบบนี้มาก่อน
ดูเปราะบาง และดูเหมือนไม่มีความมั่นใจ
ฉินซีรู้ดีว่า เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่เขาปรารถนามานานแต่ไม่สามารถทำได้นั้น คนก็จะแสดงอาการระมัดระวังตัวออกมาเช่นนี้
เธอแค่ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นจะแสดงออกมา
จริงๆแล้ว…เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับคนทั่วไป เมื่อเผชิญกับสิ่งที่ตัวเองรักใคร่ แต่ไม่ได้ครอบครองเช่นนี้
เธอไม่คาดคิดว่าจะเห็นเขาในมุมนี้เท่านั้น
อาจจะ… … เป็นตัวเธอเองที่ไม่คู่ควร
เช้าวันนั้นในถังย่า เธอแน่ใจว่าไม่มีการแก้ไขบันทึกเสียงอันนั้นแน่ ฉินซีรู้สึกเหมือนมีของมีดทิ่มแทงเข้ามาภายในหัวใจ
และตอนนี้เมื่อเธอเห็นวิดีโอ ดูเหมือนว่ามีดเล่มนั้นจะถูกดึงออกไป เหลือเพียงแต่รูขนาดใหญ่ รู้สึกราวกับจะกระอักเลือด แต่ทั้งใจก็ชาไปหมดเพราะความเจ็บปวด
คนที่ทำเรื่องทั้งหมดจะต้องเป็นคนเดียวกันแน่ คงจะอยากให้เธอเห็นและรับรู้ทุกอย่าง
ฉินซีอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากออกมาด้วยความขมขื่น
ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะมีเจตนาอะไรก็ตาม ก็ควรต้องหยุดได้แล้ว
เธอเข้าใจแล้ว ลู่เซิ่นไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ และตัดสินใจที่จะไปแต่งงานกับคนอื่น
เธอไม่ใช่คนเข้มแข็งอะไร เรื่องนี้มันทำให้เธอเจ็บช้ำมาพอแล้ว ไม่ต้องให้เธอต้องทนเห็นมันซ้ำๆหรอก
ใช้วิธีการต่างๆนาๆในการเตือนเธอเกี่ยวกับข้อเท็จจริงข้อนี้
รอยยิ้มที่ขมขื่นปรากฏบนริมฝีปากบางของเธอ ดวงตาเบิกขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา
ฉินซีเอนหลังบนโซฟา สายตาทอดมองไปที่ฉลุเพดาน
โชคดีที่เธอและลู่เซิ่นได้หย่ากันเรียบร้อย จะได้ไม่มีข้อพิพาทระหว่างเขาและเธอ
โชคดีที่เธอไม่ได้นำสิ่งของมาเพิ่มในห้องมืดอีก ไม่อย่างนั้นคงต้องเก็บกันยาว
วันนี้คงได้นอนที่นี่เป็นคืนสุดท้าย รอให้พรุ่งนี้ลู่เซิ่นตื่น เธอก็คงต้องคุยเรื่องนี้กับเขาให้รู้เรื่อง
เธอรู้ทุกอย่างแล้ว และเธอเต็มใจที่จะปล่อยลู่เซิ่นให้เป็นอิสระจากเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องซ่อนและเก็บมันไว้ให้ลำบากใจอีกต่อไป
หลังจากนี้เขาอยากจะทำอะไร เขาก็ได้ทำตามใจ
เขาอยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นมาก ก็รู้ว่าคงรักมาก
รักมากขนาดนั้น ก็คงไม่อยากให้เธอต้องมาลำบากอะไร
หากไม่มีตัวเธอ ก็คงไม่ต้องหลบซ่อนอะไร และสามารถจัดงานแต่งได้โดยไม่ต้องปิดบังอะไร