Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1121
บทที่ 1121 ตั้งใจบอกลา
น่าจะแทบไม่มีข้าวของอะไรหลงเหลือแล้วสินะ……
ฉินซีเดินดูวนรอบหนึ่ง หยิบของเล็กๆ น้อยๆ ที่วางกระจัดกระจายอีกครั้ง ก็นับว่าเก็บของครบถ้วนแล้ว
เธอผลักกระเป๋าเดินทางไปข้างประตู ส่วนตัวเองนั่งลงที่โซฟา แล้วหยิบมือถือขึ้นมา เตรียมจะส่งคลิปไปให้ลู่เซิ่นเมื่อถึงเวลา
ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะต้องพูดทุกอย่างให้ชัดเจน
ฉินซีรู้ดี ในใจลึกๆ ยังคงมีความหวังอันเลือนรางเหลือเกิน หวังว่าลู่เซิ่นจะมีคำอธิบายที่ฟังขึ้น ประสานดวงใจที่แหลกสลายของเธอให้กลับมาดีดังเดิม
แต่ทั้งสมองและสติสัมปชัญญะกลับบอกเธอว่า มันไม่มีทางเป็นไปได้
ความสงสัยเกิดขึ้นแล้ว คลิปนั่นดูแล้วช่างเหมือนจริงเหลือเกิน ฉินซีรู้ดี แทบไม่มีอะไรโน้มน้าวเธอได้แล้ว
ดังนั้นคลิปครั้งนี้ เหมือนกับเป็นการตั้งใจบอกลามากกว่า
เมื่อกล่าวคำลาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพบหน้ากันอีก
ตอนนี้ฉินซีซึ้งใจที่ตอนนั้นอานหยันเจ้ากี้เจ้าการ ลากเธอไปดูห้อง และยังทำสัญญาเช่าหลายเดือน
อย่างน้อยตอนนี้เธอจะไปจากที่นี่ ก็ไม่ถึงกับไม่มีที่ไป
ท้องฟ้านอกหน้าต่างค่อยๆ ลับแสง อารมณ์ของฉินซีกลับสงบขึ้น
เธอรู้ดี ฟังน้ำเสียงร่าเริงของลู่เซิ่นเมื่อคืนวาน วันนี้เขาตื่นนอนแล้วจะต้องโทรมาหาเธอแน่นอน
สิ่งที่เธอจะได้ เพียงแต่รอคอยเท่านั้น
หมู่นี้ท้องฟ้ามืดเร็วมาก เพิ่งจะเลยหนึ่งทุ่ม ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
ฉินซีไม่ได้เปิดไฟ ความมืดจึงปกคลุมทั้งห้อง
บรรยากาศที่มืดมิดทำให้รู้สึกง่วงนอนได้ง่าย โซฟานุ่มสบายยิ่งทำให้รู้สึกง่วง ไม่นานนัก เปลือกตาของฉินซีก็ค่อยๆ ปิดลง……
ทันใดนั้นเสียงประตูระเบียงดังขึ้น
ฉินซีสะดุ้งตื่น
มีคนมา
หรือว่าอย่างอื่นกันแน่
ตอนบ่ายเพิ่งจะมีคนแอบบุกเข้ามาในรีสอร์ทชิงหยวน เธอยังไม่รู้สึกผ่อนคลายสักเท่าไร เมื่อมีความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้เธอระแวดระวัง
เธอกำมือถือในมือแน่น พร้อมโทรขอความช่วยเหลือทุกเมื่อ
แต่ภายในห้องมืดสนิท เธอมองเห็นสถานการณ์ในห้องได้ไม่ชัด จึงไม่กล้าขยับตัว ได้แต่นั่งบนโซฟากลั้นหายใจ ตั้งใจจับทิศทางเสียงในห้อง
……มีเพียงความเงียบเท่านั้น
ฉินซีรอคอยในความมืดเนิ่นนาน นานจนเธอสงสัยว่าตัวเองคิดมากไปเองหรือเปล่า หรือที่จริงแล้วไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรดังมาจากทางระเบียง
ในที่สุดเธอทนไม่ไหว ค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟา ตัดสินใจจะไปดูที่ระเบียงสักหน่อย
แต่ขณะที่เธอเพิ่งจะยืนขึ้นนั้น
“ไม่ต้องหาแล้ว”
ทันใดนั้นมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังฉินซี
ฉินซีไม่ทันตั้งตัวตกใจ จนขาอ่อน เกือบจะล้มลงไปที่โซฟา
เธอหันกลับไป ตะโกนเสียงดัง “ใคร”
เสียงนี้คุ้นหูไม่น้อย แต่เวลานี้ฉินซีใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่อาจไตร่ตรองความทรงจำได้
เธอยังไม่ทันเปิดไฟฉาย ผู้ชายคนนั้นก็เปิดไฟฉายจากมือถือก่อน
แสงจ้าจากด้านหลังมือถือสาดแสงออกมา ถึงแม้จะไม่ส่องเข้าตาฉินซี แต่ก็ทำให้เธอทนไม่ได้จนต้องหรี่ตา
สายตาของเธอปรับตัวกับแสงจ้านั้นอย่างรวดเร็ว จนเห็นชัดว่าคนผู้นั้นคือใคร
……ไม่ถือว่าเกินความคาดหมาย คนที่บุกเข้ามา ก็คือจ้านเซิน
“คุณนั่นเอง” เมื่อเห็นชัดว่าเป็นใคร ฉินซีกลับรู้สึกสงบลง
จ้านเซินรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีนิ่งสงบของเธอ เลิกคิ้วถาม “คุณไม่แปลกใจหรือไง”
ฉินซียิ้มนิดนึง ไม่ตอบอะไร
เธอจะบอกไม่ได้ ครั้งแรกที่เจอหน้าจ้านเซินก็รู้สึกว่าเขามีบางอย่างแปลกๆ
อีกอย่าง สัญชาตญาณของฉินซีที่บอกไม่ถูก จ้านเซินไม่ใช่คนเลว
ฉินซีเงียบ จ้านเซินเดินอ้อมไปหน้าโซฟาอย่างสง่าผ่าเผย นั่งลงตรงโซฟาข้างฉินซีตามสบาย
“คุณกำลังรอโทรศัพท์ของลู่เซิ่นหรือ” เขาเงยหน้ามองฉินซี
ฉินซีหน้าตึง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณหรือเปล่าคะ”
จ้านเซินหัวเราะเบาๆ “จะไม่เกี่ยวกับผมได้ยังไง”
มีอะไรบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของฉินซี เธอขมวดคิ้ว ก้มหน้ามองจ้านเซิน“คุณเองหรือ”
เธอยังถามคำถามไม่จบ แต่เมื่อเห็นการแสดงออกของจ้านเซินเห็นชัดว่าเขารู้ว่าเธอกำลังถามอะไร
เขาพยักหน้าอย่างสุขุม “ผมทำเอง ทั้งส่งคลิปเสียงทางอีเมล์ ตอนบ่ายเข้ามาก็อปปี้คลิปในคอมพิวเตอร์ของคุณ ผมเป็นคนลงมือเอง”
สีหน้าของฉินซีเย็นชา
ใช่ว่าเธอจะไม่เคยสงสัยจ้านเซินมาก่อน แต่ถึงแม้จะรู้สึกว่าจ้านเซินแปลกๆ เธอก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีจ้านเซินทำขนาดนี้ไปเพื่ออะไร
“เพราะอะไรคะ” เธอถามเขา
จ้านเซินหัวเราะเบาๆ “ถังย่าไม่เคยบอกคุณหรือ ผมก็แค่อยากให้คุณรู้ธาตุแท้ ลู่เซิ่นเป็นคนอย่างไร”
สีหน้าของฉินซียังคงเย็นชา “ลู่เซิ่นเป็นคนอย่างไร ฉันไม่จำเป็นต้องให้คุณเป็นคนบอก”
จ้านเซินราวกับได้ฟังเรื่องตลก หัวเราะออกมา หันมามองฉินซี “ไม่ต้องให้ผมบอกงั้นหรือ แต่คุณก็เชื่อหลักฐานพวกนี้ไม่ใช่หรือ ไม่อย่างนั้นทำไมต้องเก็บของเตรียมไปจากที่นี่ล่ะ”
ฉินซีถูกพูดแทงใจ ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรไปชั่วขณะ
เสียงของจ้านเซินนุ่มนวล คล้ายกับจะสะกดจิต “คุณลองคิดสิ ถ้าผมไม่ส่งคลิปพวกนี้ให้ คุณจะถูกผู้ชายเหยียบเรือสองแคมอย่างลู่เซิ่นปิดบังไปถึงเมื่อไร หรือจะรอให้เขาแต่งงานก่อน ค่อยพาเมียใหม่กลับมา คุณเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ตรงๆ จะรับได้มากกว่าหรือไง”
ฉินซีหรี่ตา
เธอเชื่อสนิทว่าคลิปเสียงและภาพเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลังจากจ้านเซินโผล่มา เธอกลับรู้สึกสงสัย
ถ้าหาก… จ้านเซินแกล้งทำคลิปพวกนี้ขึ้นทั้งหมดล่ะ
เธอดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์ หยิบมือถือขึ้นมาทันที
เธอรอต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องโทรไปหาลู่เซิ่นเดี๋ยวนี้ ถามให้แน่ชัดเรื่องทั้งหมดเป็นยังไงกันแน่
ในห้องยังคงไม่ได้เปิดไฟ หลายนาทีนี้ทั้งสองคน สนทนากันท่ามกลางความมืด แสงสว่างเพียงอย่างเดียวคือไฟฉายจากมือถือของจ้านเซิน
เมื่อฉินซีแตะมือถือ ก็เกิดแสงสว่างอีกจุดหนึ่งทันที
แสงสว่างดึงความสนใจของจ้านเซิน หันไปมองมือถือของเธอ น้ำเสียงมีแววเยาะเบาๆ “คุณคิดจะโทรไปหาลู่เซิ่น ถามเรื่องทั้งหมดนี้จริงไหม”
ฉินซีหน้าตึง ไม่ตอบคำถาม
จ้านเซินกลับมีทีท่าผ่อนคลายเอนหลังกับโซฟา แบมือทำนองไม่แยแส “คุณอยากถาม ก็ถามสิ แต่ผมคิดว่า ตอนนี้เขาคงไม่มีเวลารับสายของคุณ”
ฉินซีขมวดคิ้วนิดๆ ไม่สนใจเขา
แต่นิ้วมือที่จะกดปุ่มโทรออก กลับหยุดชะงัก
จ้านเซินคงจะสังเกตเห็นแล้ว หรือไม่เห็นก็ตาม แต่เขายังคงเอนหลังกับโซฟาสบายๆ เห็นฉินซีนิ่งเฉยไปครู่หนึ่ง จึงพูดเร่งเธอ “คุณจะโทรไม่ใช่หรือ ทำไมไม่โทรล่ะ”
ฉินซีสูดหายใจลึก กดปุ่มโทรออก
หนึ่งนาทีแห่งการรอคอย เสียงรอสายที่ได้ยิน ราวกับทุบลงบนใจของเธอ
หลังจากหนึ่งนาทีนั้น เสียงผู้หญิงเย็นชาดังมาจากปลายสาย “หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่มีผู้รับสาย…”