Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1134
บทที่ 1134 ความรู้สึกคุ้นเคยที่พูดไม่ออก
ชั่วขณะหนึ่งฉินซีถึงกลับแยกไม่ออกว่าตกลงที่มาของความเจ็บปวดแบบนี้ มันมาจากเธอที่โดนยัดเยียดความทรงจำมากมายอย่างทารุณในตอนนี้ หรือว่ามาจากเธอที่สิบขวบโดนกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องกันแน่
ความเจ็บปวดมันมากเกินไป เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าหัวสมองของตัวเองเหมือนกับเป็นลูกโปร่งลูกหนึ่ง ที่โดนเป่าจนถึงที่สุดแล้ว แต่ว่าก็ยังโดนเป่าลมเข้าไปอย่างไม่หยุดอีก จนใกล้จะระเบิดแล้ว
วินาทีที่ความเจ็บปวดมาจนถึงขีดสุดนั้น ตรงหน้าของเธอสีแสงสีขาวกะพริบขึ้น จากนั้นก็เข้าสู่ความมืดสนิทไปหมด
ในความมืดกลับไม่ได้ว่างเปล่า แต่กลับเป็นกระแสน้ำที่มองไม่เห็นเอ่อล้นขึ้นมาไม่หยุด จนสูงขึ้นมาท่วมจมูกและปากของเธอ ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก
แต่ว่าเธอกลับไม่สามารถออกจากความทรงจำของตัวเองได้อย่างราบรื่น เธอเหมือนกับว่าโดนมัดตัวเอาไว้ ไม่มีทางขยับได้ เธอรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองเหมือนกำลังโดนทำให้ค่อย ๆ สูญสลายไป แม้แต่เสียงหายใจก็ยังกลายเป็นอ่อนแอขึ้นมา
แต่ว่าสุดท้ายเธอก็ไม่ได้หมดสติไปทั้งหมด
อยู่ ๆ ก็มีสายลมเย็น ๆ ก็พัดเข้ามาในสมองของฉินซี แล้วพัดเอาความวุ่นวายที่ห้อมล้อมรอบตัวเธอจากไปด้วย
ภาพตรงหน้าเธอค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง
“ลืมตาแล้ว!” เสียงของผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งดังขึ้นที่ข้างกายฉินซี
ฉินซีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา แล้วกลอกตาไปมา มองดูรอบสี่ทิศ
เธอยังคงอยู่ในความทรงจำ ยังคงติดอยู่ในร่างกายสิบขวบของตัวเองเหมือนเดิม
ตอนนี้ส่วนใหญ่มักจะนอนอยู่ในห้องทดลองห้องใดห้องหนึ่งของหอคอยC กำแพงทั้งสี่ด้านถูกทาสีขาวสะอาดไว้ และไม่มีของตกแต่งอะไร
อยู่ ๆ ฉินซีก็รู้สึกว่าสไตล์การตกแต่งแบบนี้เหมือนจะมีความคุ้นเคยอยู่บ้าง
แต่ว่าเวลาก็ไม่อนุญาตให้เธอได้ย้อนคิดอย่างละเอียด เพราะว่าเธอรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองโดนมือคู่หนึ่งค่อย ๆ ประคองให้ลุกขึ้น
“เมื่อกี้เป็นเพราะว่ากระแสไฟฟ้าควบคุมได้ไม่ดี ก็เลยทำให้เธอต้องลำบาก มา เธอดื่มสารอาหารเสริมนี้ไปก่อน จะได้รู้สึกดีขึ้น”
น้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้อ่อนโยนมาก ฉินซีค่อย ๆ หันหน้าไปมอง
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่จ้านเซินพาตัวเองมาที่หอคอยCครั้งแรกแล้วเจอคนนั้น แววตาของเธอดูอ่อนโยนมากกว่าเยอะมาก
หน้ากลม ๆ ตากลม ๆ ที่หางตามีริ้วรอยหางปลาจาง ๆ แต่ว่าที่มุมปากมักจะมีรอยยิ้มแฝงไว้ด้วยเสมอ
ฉินซีดูจากดวงตาของเธอสามารถสะท้อนให้เห็นว่าตัวเองที่สิบขวบยังมีความหวาดกลัวจาง ๆ หลงเหลืออยู่
เพราะฉะนั้นผู้หญิงคนนี้จึงยิ้มอย่างอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น “ฟังป้าซิ ดื่มอันนี้ลงไปก่อน จะต้องได้สบายตัวมากขึ้นแน่ ๆ ”
ฉินซียื่นมือออกไปอย่างลังเล แต่ว่าก็ไม่ได้เปิดออกและดื่มในทันที
“ฟางฟาง เธอไปเอาอาหารเสริมCVORมาจากไหน!” ผู้หญิงคนที่มักจะหน้าบึ้งอยู่ตลอดเวลานั้นอยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้าฉินซี เขากวาดตามองขวดเล็ก ๆ ในมือเธอทีหนึ่ง แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป และหันหน้าไปถามผู้หญิงอ่อนโยนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตัวเอง
……ที่แท้เขาชื่อฟางฟาง
ฉินซีแอบจดจำเอาไว้ในใจ
ถึงแม้จะมองไปแค่แป๊บเดียว แต่ว่าตอนที่มองเห็นหน้าของฟางฟางนั้น อยู่ ๆ ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกคุ้นเคยอย่างหนึ่งที่บอกไม่ถูก
ซึ่งมันรู้สึกหนักหน่วงยิ่งกว่าตอนที่เจอกับจ้านเซินซะอีก
รูปหน้าของฟางฟางนั้นช่างอ่อนโยน ในท่าทียังดูมีหลายส่วนที่อ่อนโยนคล้ายคลึงกับเหยาหมิ่นยังไงอย่างงั้น
คราวนี้ฉินซีพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าพวกเธอน่าจะกำลังอยู่ในองค์กรทางการทหารบางอย่างอยู่ และน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กับทางการทหารอย่างแน่
ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างฟางฟางนี้…… ทำไมถึงได้อยู่ที่นี่ได้ล่ะ?
แต่ว่าฉินซีก็ได้แต่แอบถามอยู่ในใจลึก ๆ เท่านั้น เพราะว่าเธอไม่มีทางที่จะยืมปากของตัวเองเมื่อตอนสิบปีก่อนมาถามคำถามของตัวเองออกไปได้
พอโดนผู้หญิงคนนั้นถามแบบนี้แล้ว สีหน้าของฟางฟางก็ดูไม่มีขึ้นมา เธอยืนขึ้น แล้วหันไปเผชิญหน้าโดยตรงกับผู้หญิงคนนั้น น้ำเสียงเย็นเฉียบ “ใครอนุญาตให้เธอใช้ไฟฟ้าแรงสูงขนาดนี้มาทำการทดลอง?”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเย็นขึ้น “เธอมีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวกับการทดลองของฉันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? และเวลาเข้าค่ายฝึกอบรมรุ่นนี้ของพวกเขาก็เหลือไม่มากแล้ว เด็กคนนี้เป็นเด็กที่มีหน่วยก้านดีเพียงหนึ่งเดียวของรุ่นที่มาเข้าค่ายนี้ ฉันจำเป็นจะต้องกระตุ้นเซลล์สมองของเขาให้ได้มากที่สุด ในช่วงไม่กี่วันนี้ก่อนที่เขาจะกลับไป จะต้องทำได้ตามมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับ หลายปีมานี้ในองค์กรพบคนที่มีความสามารถในด้านนี้น้อยมาก เพราะฉะนั้นฉันจำเป็นจะต้องเก็บเขาไว้ให้ได้…… ”
“พอแล้ว!” ฟางฟางตะคอกออกไป “เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งของชิ้นหนึ่ง อย่าใช้น้ำเสียงที่พูดคุยถึงสิ่งของมาพูดถึงเขา!”
ผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่ยิ้มขึ้นอย่างดูถูก “ฟางฟาง อยู่ในองค์กรนี้ คนที่มีความเป็นมนุษยธรรมก็น่าจะมีแค่เธอคนเดียวแล้วมั้ง? เธอคงไม่ได้ไม่รู้หรอกมั้ง ว่าคนอื่น ๆ นั้นมีจุดจบกันยังไง? สิ่งที่องค์กรต้องการคือหุ่นยนต์ ไม่ใช่คน!”
ฟางฟางกลับไม่อยากยอมแพ้ “คนอื่นมีจุดจบยังไง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ตอนนี้ฉันขอสั่งให้เธอ รีบหยุดการทดลองกระตุ้นพลังงานไฟฟ้ากับเขาเดี๋ยวนี้”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มอย่างดูถูก “ฟางฟางเธอยังนึกว่าเธอเป็นหัวหน้าของฉันอยู่อีกเหรอ? ที่เธอสามารถมาเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้ ก็เป็นเพราะว่าจ้านเซินเมตตาเธอครั้งหนึ่งก็เท่านั้น! ครั้งที่แล้วเธอลดจำนวนการฝึกฝนของคนหลายคนลง ระยะเวลารับโทษยังไม่สิ้นสุดลงเลย! ถ้าจะให้ฉันหยุด ก็มีแค่ตัวจ้านเซินมาพูดเองเท่านั้นถึงจะได้ผล!”
หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็ไม่สนใจที่จะชักสีหน้ากับฟางฟางอีก แล้วตัวเองก็หันหน้ากลับไปที่เตียงทดลอง ดูท่ากำลังจะเปิดเครื่องทดลองอีกครั้ง
ฟางฟางก็ไม่สนใจอะไรแล้ว คว้าขวับทีเดียวก็ดึงเอาแผ่นติดหลายแผ่นที่ติดอยู่บนหัวของฉินซีออกไป
“เธอ!” พอผู้หญิงคนนั้นเห็นอุปกรณ์การทดลองบนตัวฉินซีโดนดึงออก สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ฟางฟาง ถ้าเธอจะบ้า ก็ออกไปข้างนอก!”
“ใครที่เป็นคนบ้า ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?” ฟางฟางพูดขึ้นเสียงเย็น จากนั้นก็หันหน้าไปทางฉินซี แล้วน้ำเสียก็อ่อนโยนลงมากในทันที “หนูลงมาคนเดียวไหวไหมจ๊ะ?”
ผู้หญิงคนนั้นรีบพุ่งไปข้างหน้าฉินซีอย่างรวดเร็ว และขวางเขาไว้ “เธอไปไม่ได้นะ!”
ดูท่าผู้หญิงทั้งสองคนกำลังจะสู้กันขึ้นมาแล้ว แต่อยู่ ๆ ประตูห้องทดลองก็ถูกเปิดออก
จ้านเซินเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม พอเขาเห็นสถานการณ์ของข้างในชัดเจนแล้ว รอยยิ้มก็ค่อย ๆ จางหายไป แล้วกวาดตามองทั้งสองคนเย็น ๆ ทีหนึ่ง และก็เอ่ยออกมาเพียงสองคำว่า “อธิบายมา”
ฟางฟางไม่ได้เปิดปากพูด แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับรีบร้อนเปิดปากพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “จ้านเซิน เมื่อกี้ฉันกำลังทำการทดลองกระตุ้นพลังงานไฟฟ้าให้กับฉินซีอยู่ แล้วอยู่ ๆ เขาก็ฝ่าเข้ามา แล้วก็ดึงอุปกรณ์ทดลองทิ้ง และยังพูดว่าจะพาฉินซีไปอีก”
ฉินซีมองตามสายตาของจ้านเซินไปที่แผ่นติดที่พันกันยุ่งเหยิงทีหนึ่ง แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันไม่ได้โดนแกะออกไปอย่างปกติ
แล้วหัวคิ้วของเขาก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน และหันหน้าไปมองทางฟางฟาง รอให้เธอเปิดปากพูด
“เขาใจร้อนเกินไป กระแสไฟฟ้าทดลองที่ให้ฉินซีใช้มันเกินกำหนด” น้ำเสียงของฟางฟางสงบนิ่ง “ตอนที่ฉันเข้ามานั้น ฉินซีกำลังเข้าสู่การหมดสติระยะสั้นไปแล้ว ถ้าหากจะให้เธอทำการทดลองต่อไป ฉินซีอาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้”
ฉินซีกลับค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นในใจ
เธอเพิ่งจะเจอกับผู้หญิงคนนี้ครั้งแรก และก็เพิ่งจะรู้จักชื่อของเขาเมื่อกี้ แต่เขากลับพูดชื่อของเธอออกมาได้อย่างถูกต้อง
หรือว่าเขาจะคุ้นเคยกับสถานการณ์ของตัวเธอดี?
ดีที่คำพูดของจ้านเซินก็ได้คลายความสงสัยของฉินซีลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาฟังคำพูดของฟางฟางจบ ก็พยักหน้า แล้วก็หันไปทางผู้หญิงหน้าขรึมคนนั้น แล้วพูดขึ้นราบเรียบว่า “ผมเป็นคนวานให้ฟางฟางมาคอยดูคุณที่นี่เอง”
ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนตาโตขึ้นทันที “อะไรนะ?”
จ้านเซินยิ้มอ่อน ๆ ขึ้น “หลายวันมานี้ ในห้องทดลองพบคนบาดเจ็บสาหัสหลายคน คุณคิดว่าผมจะไม่รู้เหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
การสนทนาของพวกเขาเริ่มเป็นปริศนาขึ้นอีกแล้ว ฉินซีได้แค่คอยแอบเรียบเรียงข้อมูลที่ตัวเองเพิ่งได้มาเมื่อกี้อยู่ในใจ