Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1154
บทที่ 1154 มีเหตุผล
ฉินซีค่อนข้างสงสารจ้านเซิน
ถ้าเข้าเป็นลูกของคนปกติทั่วไป มีแม่อย่างฟางฟางดูแลอบรมจนเติบโต มีความสุขกับความรักของแม่ ต่อให้ไม่ร่ำรวยเหมือนตอนนี้ ก็คงจะมีความสุขไม่น้อยเลย
ฉินซีไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่นานแค่ไหน จนกระทั่งเสียงกรนด้านนอกเบาลง เธอรู้แล้วว่าผู้ดูแลคงจะตื่นกันแล้ว
สุดท้ายเธอมองฟางฟางอย่างลึกซึ้ง กัดฟันโบกมือให้เธอ และปีนออกไปทางระเบียง
เธอไม่กล้าอยู่บนดาดฟ้านาน จึงรีบลงมา เมื่อกลับมาถึงรถก็ไม่กล้ารอนาน รีบขับรถกลับไปทางบ้านของตัวเอง
ไม่รู้ว่าขับมานานแค่ไหน จนกระทั่งมาถึงแยกไฟแดง ในที่สุดฉินซีก็หยุดรถ และพบว่ามีน้ำตาไหลเต็มหน้าของตัวเอง
…
ตอนที่ฉินซีกลับถึงบ้านท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
เธอหยิบกุญแจพลางคิดพลางว่าจะอธิบายกับเหยาหมิ่นว่ายังไงที่ตัวเองไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืน เมื่อผลักประตูเข้าไปก็พบกว่าประตูเปิดอยู่
เธอเครียดขึ้นมาในทันที ค่อยๆ เปิดประตูอย่างเบามือ
ด้านในไม่มีใคร มีแค่เหยาหมิ่นที่นั่งอยู่เงียบๆ บนโซฟา
“แม่!” ฉินซีก้าวเข้าไป และหันกลับมาล็อกประตู เดินต่ออีกไม่กี่ก้าวไปคุกเข่าอยู่ข้างเธอและขมวดคิ้ว : “ฉันบอกว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่าเปิดประตูไม่ใช่รึไง? คุณเป็นอะไร? ใครมา?”
เหยาหมิ่นยิ้มให้เธอหน้าซีด : “ฉันตั้งใจเปิดประตู ถ้าพวกทวงหนี้มา ก็ให้พวกเขาเข้ามา อย่ารบกวนเพื่อนบ้าน ตื่นมานอนหลับไม่ดีทุกเช้า ใครจะมีความสุข”
ฉินซีกลั้นหายใจ แต่เธอรู้ดี เหยาหมิ่นเป็นคนแบบนี้
เธอคิดถึงคนอื่นตั้งแต่ไหนแต่ไร กลัวจะรบกวนคนอื่น
“แต่คุณก็ไม่ควรประตูไว้แบบนี้สิ!” ฉินซีอดทนแล้วอดทนอีกถึงจะทำให้น้ำเสียงฟังดูไม่ได้โกรธอยู่ “คนพวกนั้นเข้ามา จะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่มีใครรู้ รออีกหน่อย รอให้ฉันเก็บเงินพอ จะไปเจรจากับพวกเขาอีกครั้ง”
เหยาหมิ่นหันมองเธอ พยักหน้าพร้อมเบ้าตาค่อยแดงระเรื่อ
เธอไม่ได้ถามอะไร ไม่ได้ถามฉินซีหายไปไหนทั้งคืนไม่กลับบ้าน และไม่ได้ถามว่าฉินซีจะหาเงินมาจากไหน เธอแค่พยักหน้านิ่งๆ
ถ้าฉินซีละเอียดอ่อนกว่านี้ ตอนนี้คงสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่เพราะเธอไม่ได้นอนมาทั้งคืน อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จนเหนื่อยล้า ดังนั้นจึงไม่รู้สึกถึงปัญหา เห็นเหยาหมิ่นพยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อและลุกขึ้นยืน : “ฉันไปพักก่อนน่ะ แม่ก็กลับไปงีบสักหน่อยเถอะ”
เหยาหมิ่นพยักหน้าอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเพราะวันนี้ฉินซีเหนื่อยเกินไปจนไม่ได้ยินเสียงขยับด้านนอก หรือพวกเขาโชคดีที่ไม่กลับมาวันนี้ ฉินซีตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
เธอเดินหาวออกมาจากห้องนอน ในใจคิดจะติดต่ออานหยันอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องการขายรถ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เจอเหยาหมิ่นนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว
“แม่ ทำไมคุณ…” ดวงตาที่แหลมคมของฉินซี ที่เห็นเหยาหมิ่นแอบอะไรได้ด้านหลังทันทีได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอ
“นั้นอะไร?” เฮขมวดคิ้วและยื่นมองไปด้านหลังของเหยาหมิ่น
เหยาหมิ่นส่ายหัวอย่างรวดเร็วและผลักเธอออก : “ไม่มีอะไร…”
เธอพูดไม่ทันจบ ของที่ซ่อนไว้ก็ถูกฉินซีดึงออกมา
เป็นหนังสือพิมพ์ที่มีรอยยับยู่ยี่น่าจะถูกสอดเข้ามาทางช่องของประตู
เธอเพิ่งจะเปิดดู ก็โดนเนื้อหาด้านในทำให้ตกใจ
หนังสือพิมพ์ทั้งหน้ารายงานการออกนอกลู่นอกทางของเหยาหมิ่น ในที่สุดหนี้ที่แบกไว้ถูกจัดการโดยขั้นตอนของตระกูลฉิน คำพูดสกปรก ฉินซีอ่านแค่ผ่านๆ ตายังโกรธจนตัวสั่น
“ใคร! ใครเป็นคนส่งเข้ามา?” ฉินซีอดไม่ได้ที่จะขยำกระดาษจนเป็นก้อนกลมและโยนทิ้งไปด้านข้าง
แผ่นอื่นๆ ของหนังสือพิมพ์เป็นข่าวเดียวกัน รายงานที่ไม่ชัดเจน ยังมีคนจงใจใช้ปากกาแดงวงมาเหมือนสัญลักษณ์
ฉินซีฉีกหนังสือพิมพ์ขาดเป็นชิ้นๆ : “ใครทำ?”
เหยาหมิ่นเห็นท่าทีของเธอ ยังรู้สึกกลัว จึงดึงเสื้อเธอเบาๆ : “ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนทำ แต่…มันถูกสอดเข้ามาจากช่องใต้ประตู”
สมองของฉินซีมีภาพคนที่มีโอกาสจะทำแบบนี้ปรากฏขึ้นมากมาย ไม่รู้ทำไมจู่ๆ นึกถึงผู้หญิงเสียงแหลมที่อยู่ตรงข้าม
“ต้องเป็นเธอแน่นอน!” ฉินซีรู้ว่าข้อสงสัยของเธอไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ แต่เธอต้องการหาโอกาสที่จะพูดระบายอารมณ์ออกมา
เธอรู้สึกว่าตั้งแต่เมื่อคืนเธอเหมือนลูกโป่งที่เต็มไปด้วยก๊าซ ถ้ายังไม่มีที่ให้ระบายอารมณ์ เธอจะระเบิดได้ในเร็วๆ นี้
ดังนั้นเธอจึงพูดพลาง ลุกขึ้นไปหาเหตุผลจากคนอื่น
แต่เหยาหมิ่นดึงเธอไว้สุดชีวิต : “ฉินซี!”
ฉินซีไม่กล้าใช้แรงต่อสู้ จึงหยุดเดินและก้มมองเหยาหมิ่น
สองคนมองหน้ากันอยู่นาน ฉินซีส่งเสียงแหบเรียก : “แม่”
เธอไม่ได้พูดอะไร แต่แค่คำว่า “แม่” คำเดียวก็รวมทุกอย่างที่อยากพูดไว้หมดแล้ว
เบ้าตาของเหยาหมิ่นเปลี่ยนเป็นสีแดง หยดน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากหางตา
ฉินซีเองก็ดึงความรู้สึกไว้ไม่ไหวแล้ว
เธอคุกเข่าลงเหมือนตอนเด็กๆ เอาหน้าซุกลงไปตรงหัวเข่าของเหยาหมิ่น สุดท้ายก็ร้องไห้ออกมา
หลายวันมานี้เธอน้ำตาไหลบ่อย แต่นานมากแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้เสียงดังแบบนี้
เหยาหมิ่นสวมกอดเธออย่างเงียบๆ
ฉินซีรู้สึกได้ถึงหยดน้ำตาที่หยดลงมาบนคอของเธอ
สองคนกอดกันร้องไห้อยู่นานมาก
หลังจากร้องไห้ระบายอารมณ์ไปแล้ว แต่ปัญหาที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่น้อยลงไปเลย
ฉินซีเช็ดน้ำตาและไปล้างหน้าล้างตา อานหยันก็โทรเข้ามาพอดี
“ฉินซี!” น้ำเสียงของเธอฟังดูดีใจ “ขายรถได้แล้ว ราคาไม่ต่ำด้วย!”
ฉินซีขมวดคิ้ว : “ขายไปแล้ว? ทั้งที่ไม่มาดูรถ ก็ซื้อไปนี้น่ะ?”
อานหยันอดทนรอไม่ไหว : “คงจะรีบใช้มั้ง! วันนี้ว่างขับรถออกมา ฉันจะหาเอเย่นช่วยจัดการขั้นตอนดำเนินการให้พวกเธอ!”
รถของฉินซีคือรถที่ปู่ทิ้งไว้ให้เธอ เป็นรถค่อนข้างโบราณ ดังนั้นจะมีพวกนักซื้อรถต้องการ เป็นเรื่องปกติ แต่การซื้อโดยไม่มาดูรถ ก็เป็นอะไรที่เกินการคาดคิด
ถึงแม้ในใจฉินซีจะสงสัย แต่เพราะรีบใช้เงิน จึงไม่ถามอะไรมาก
เธอพูดกับเหยาหมิ่นนิดหน่อย และรีบออกไป
ผู้ซื้อไม่ได้เปิดเผยใบหน้า แต่ให้อำนาจทนายและคนขับรถมาจัดการ
แต่ฉินซีนึกผ่านความทรงจำของตัวเองเมื่อเห็นหน้าคนขับรถ ก็อดที่จะตกใจไม่ได้
ใบหน้านั้น เธอรู้สึกคุ้นๆ คลุมเครือ น่าจะเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดตระกูลลู่
ตอนที่เธอไปบ้านตระกูลลู่ เคยเห็นหน้าคนคนนี้
ถ้าเป็นคนของตระกูลลู่ งั้น…คนที่ซื้อรถของตัวเอง ไม่ใช่ลู่เซิ่น ก็ต้องเป็นลู่เหวย
ถ้าเป็นแบบนี้ ซื้อรถโดยไม่มาดูรถ ก็สมเหตุสมผลอยู่