Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1159
บทที่ 1159 บอกลา
ฉินซีรู้ว่าคุณค่าของตัวเองกับจ้านเซินมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงสื่อกันไม่ได้
ถ้าเป็นเธอ พ่อมอบหน้าที่เก็บศพให้เธอ เธอต้องไม่ยอมให้ร่างของแม่แท้ตัวเองกลายเป็นเครื่องมือ และจะไม่ย้ายกลับมาเพียงเพื่อบอกลา
แต่ถ้าจ้านเซินกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีความรู้สึก เขาจะไม่ทำแบบนี้แน่นอน จนกระทั่งอาจจะทำเหมือนพ่อที่เลือดเย็นของเขา ที่ปล่อยให้ฟางฟางนอนจมกองเลือด รอจนตำรวจมาถึง โดยไม่เดินเข้าไปใกล้
เขาคือคนที่ติดอยู่ตรงกลาง จึงมีพฤติกรรมกลับไปกลับมา
แต่พฤติกรรมกลับไปกลับมายังไงก็ต้องเปลี่ยนไป
ต้องมีสักวัน ที่เขาจะเปลี่ยนไปเหมือนพ่อของเขา
คิดถึงตรงนี้ฉินซีเม้มปากและพูดขึ้นว่า : “ฉัน…ขอไปบอกเธอหน่อยแล้วกัน”
จ้านเซินพยักหน้า ไม่ได้หยุดเธอไว้ และเพียงแค่สั่งเธอเบาๆ : “ฟางฟาง…หล่นลงอย่างน่าอนาถ คุณอย่าดึงผ้าที่ปิดอยู่ออกเลย ให้คุณจดจำเธอในความทรงจำแบบนั้นดีกว่า”
ฉินซีพยักหน้า บอกว่าตัวเองได้ยินแล้ว
ครั้งนี้เธอเดินไปที่หน้าประตูห้องนั้น และไม่ได้หยุดลง แต่กลับเดินตรงเข้าไปจนถึงข้างเตียง จึงหยุดเดิน
เธอยื่นมองห่อผ้าขาวผืนนั้นเงียบๆ อยู่นาน จึงพูดขึ้นมาว่า
“ยินดีด้วย คุณได้รับอิสระแล้ว”
ถ้าวิญญาณของฟางฟางอยู่ที่นี่ตอนนี้ ที่อยากได้ยินที่สุดคงเป็นประโยคนี้
ฉินซีมองร่างไร้วิญญาณของฟางฟางเป็นครั้งสุดท้าย และหันหลังเดินออกมา
ในใจของเธอกำลังคิด
ฉันจะต้องมีอิสระ
ขณะที่เธอเดินออกมา พอดีกับที่คนที่สวมชุดตำรวจเดินเข้ามา
ฉินซีเดาว่าน่าจะเป็นแพทย์นิติเวชที่มาชันสูตรศพ
พวกเขาเดินตรงเข้าคุยกับจ้านเซินไม่กี่คำ และเดินไปทางห้องที่ร่างไร้วิญญาณของฟางฟางอยู่
ฉินซีหลบทางให้
จ้านเซินเดินตามหลังพวกเขามา เห็นฉินซีเดินออกมาพอดี ก็ไม่ได้ตกใจอะไร แค่ถามเบาๆ ว่า : “เสร็จแล้ว?”
ฉินซีพยักหน้า
“งั้นคุณกลับไปก่อนเถอะ คนขับรถยังอยู่ด้านหน้าประตู รอส่งคุณกลับ” จ้านเซินกล่าว “ทางนี้…ฉันต้องจัดการอะไรอีกนิดหน่อย”
ฉินซีรู้ว่าตอนนี้เขาต้องทำตามคำสั่งของพ่อ เพื่อทำหน้าที่ของเขาให้สำเร็จ
แต่เธอไม่สนใจจะไปโน้มน้าวหรือขัดขวางแล้ว จึงทำได้แค่พยักหน้าและเดินจากไป
……
ตอนที่คนขับรถที่เคร่งขรึมส่งฉินซีที่บ้าน ขอบฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว
ฉินซีขอบคุณและลงรถมา เดินมาถึงหน้าประตูบ้านของตัวเอง เริ่มหากุญแจบ้านก่อน และหยุดมือลง ก่อนจะลองผลักประตูเข้าไป
สบายใจขึ้นมาหน่อย ประตูล็อกอยู่ เหยาหมิ่นไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ
ในที่สุดเธอใช้กุญแจเปิดประตู ขณะที่เตรียมจะย่องกลับไปในห้องนอนตัวเอง พอเงยหน้าดู ก็พบว่าเหยาหมิ่นนั่งอยู่บนโซฟา
ฉินซีถูกเงาคนที่อยู่บนโซฟาทำให้ตกใจ และหลุดพูดออกมาว่า : “แม่? ทำไมคุณถึงไม่นอนอีกแล้ว?”
เหยาหมิ่นจ้องมองเธออยู่นาน และพูดขึ้นทันทีว่า : “คุณ…เพิ่งจะกลับมาหรือ?”
ฉินซีไม่คิดจะโกหก จึงพยักหน้าเบาๆ : “ญาติของเพื่อนเกิดเรื่องขึ้น ก็เลยไปช่วยดู”
เหยาหมิ่นดูเหมือนจะสนใจเรื่องของเธอขึ้นมาทันที จึงถามต่อว่า : “เพื่อน? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ท่าทางดุๆ ของเธอนั้นเห็นได้น้อยมาก ฉินซีอดขมวดคิ้วไม่ได้ : “เพื่อนที่คุณไม่รู้จัก”
เหยาหมิ่นกลับจ้องมองเธอ
บรรยากาศเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
สุดท้ายเหยาหมิ่นก็ทนไม่ได้ขึ้นมาก่อน
“เมื่อวาน…ฉันนอนไม่หลับ จนกระทั่งดึกดื่นเที่ยงคืนก็ยังนอนไม่หลับ ก็เลยยืนรับลมอยู่ที่ระเบียง” เหยาหมิ่นกล่าว “ฉันไม่ได้ยินเสียงตอนเธอออกไป แต่…แต่เห็นเงาเธอเดินลงไป”
ฉินซีกระตุกคิ้ว
เธอคิดไม่ถึงว่าเหยาหมิ่นจะยังไม่นอน และยังเห็นภาพเธอขึ้นรถไปอีก
เหยาหมิ่นเห็นสีหน้าของฉินซีที่เปลี่ยนไป ก็รู้แล้วว่าเธอเข้าใจความหมายของตัวเอง จึงพูดต่อไป : “ฉันยังได้ยิน…ผู้หญิงห้องตรงข้ามนั้นคุยกับคุณ”
เมื่อคืนฉินซีมีเรื่องให้คิดวุ่นวายใจมากมาย ไม่มีกระจิดกะใจจะไปจดจำคำพูดของผู้หญิงคนนั้น จำได้แค่คร่าวๆ เขาน่าจะหมายความว่าตัวเองออกไปขายตัว
ฉินซีไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ จึงพูดออกไปมาลวกๆ ว่า : “ผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบฉัน เธอจะพูดอะไร จะไปสนใจทำไม?”
เหยาหมิ่นยิ้มกลุ้มๆ : “แต่…นี่ก็เป็นปัญหาของฉันเหมือนกัน ฉินซี หลังจากเห็นเธอเดินไป ฉันก็ไปดูที่ห้องของเธอว่าฉันดูผิดรึเปล่า แต่ห้องคุณว่างเปล่า มีเพียงแสงจากคอมพิวเตอร์”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมาทันที
เมื่อคืนเธอมีเรื่องให้คิดวุ่นวายใจมาก เลยไม่ทันระวัง คอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ปิด
หน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏอะไรขึ้นมา?
เธอจำไม่ได้ขึ้นมาชั่วขณะ
เป็นอะไรที่สำคัญรึเปล่า?
ไม่รอให้ฉินซีคิดขึ้นมาได้เอง เหยาหมิ่นจึงพูดต่อว่า : “ฉันเห็นประวัติการใช้เงินในบัญชีของคุณ ฉินซี เมื่อคืนและคืนนี้มีเงินจำนวนมากเข้ามาในบัญชีของคุณ คุณรู้ไหม?”
ตอนที่เธอพูดเรื่องนี้ออกมาดูยากเล็กน้อย เหมือนกำลังพูดเรื่องอะไรที่น่าอับอาย
ฉินซีตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
เมื่อวานเธอตรวจสอบบัญชี ไม่มีเงินเข้ามาผิดปกติเลยสักนิด…
ไม่สิ! มีเงินจากองค์กรโอนเข้ามา100,000
หรือว่าจะเป็นจ้านเซินโอนเข้ามา
เงินเมื่อคืนนี้ อาจจะเป็นของเขาด้วย
เพราะเธอไปช่วยฟางฟางเมื่อคืน เพราะคืนนี้รบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ ฉินซีเข้าใจตรรกะที่จ้านเซินทำแบบนี้ได้
และสำหรับจ้านเซินแล้วเงิน100,000ไม่มากอะไรเลย ดังนั้นฉินซีจึงไม่ได้สนใจอะไร
คิดไม่ถึงว่าในสายตาของเหยาหมิ่นจะมีความหมายอื่นซ่อนอยู่
ฉินซีไม่รู้จะอธิบายยังไงขึ้นมาทันที
จริงแล้วเธอไม่กลับมาบ้านมาสองคืนติด เงินถูกโอนเข้ามาตอนกลางคืน ไม่มากไม่น้อย เป็นตัวเลขที่น่าอึดอัดกำลังดี
ถ้ามองจากสายตาของคนอื่น ก็จะเข้าใจผิดได้ง่าย
รวมกับการใส่ไฟของผู้หญิงห้องตรงข้าม เหยาหมิ่นเริ่มสงสัยว่าเธอจะออกไปขายตัวใช่ไหม และก็ไม่ใช่ข่าวโคมลอย
แต่ฉินซีกลับไม่รู้จะอธิบายความจริงกับเธอยังไง
เพราะเกี่ยวข้องกับองค์กร
ถึงแม้เธอจะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎขององค์กรมากมาย แต่เคารพกฎการเก็บความลับขององค์กรมาโดยตลอด
ส่วนหนึ่งเพราะทุกการเคลื่อนไหวของเธออยู่ภายใต้การเฝ้าดูขององค์กร จึงไม่กล้าเปิดเผยสถานะของตนเองตามใจ อีกส่วนหนึ่งเพราะการเก็บความลับดีต่อองค์กร ดีต่อตัวเธอเอง มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย
ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่กลับมีเทคโนโลยีและเงินทุนจำนวนมาก
องค์กรแบบนี้ ย่อมเป็นที่ต้องการของคนจำนวนมาก
ไม่เปิดเผยตัวเอง เป็นการปกป้องตัวเองอย่างหนึ่ง ถ้าเกิดโดนเปิดเผย ไม่ต้องคิดก่อนว่าองค์กรจะจัดการอย่างไร เกรงว่าเหยาหมิ่นเองก็จะลำบากและเกิดอันตรายไปด้วย
ดังนั้นต่อให้เผชิญหน้ากับความเข้าใจผิดของเหยาหมิ่น เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้