Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1174
บทที่ 1174 เธอทำได้ยังไง
“นักวิเคราะห์ทางเทคนิคบอกว่า……” หลินหยังรู้สึกได้ว่าสายตาของลู่เซิ่นกำลังจ้องมาที่ตัวเองแล้วเขาก็ได้พูดเร็วขึ้น“เส้นทางที่คุณผู้หญิงผ่านนั้น เลือกเส้นทางได้ดีพอสมควร แทบจะหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดทั้งหมด ส่วนกล้องที่ปั๊มน้ำมันและโรงแรมเล็กๆนั้นพึ่งติดตั้งเสร็จในกลางคืนนี้ คาดว่าจะจับภาพไม่ได้ กล้องวงจรที่มีก่อนหน้านั้น เธอก็หลีกเลี่ยงมันได้สำเร็จ”
เริ่มแรกที่หลินหยังได้ยินข่าวนี้ รู้สึกเหลือเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาทำงานให้ลู่เซิ่นมาหลายปีแล้ว ถึงแม้งานรวบรวมข่าวสารและงานเก็บความลับต่างๆจะไม่ใช่หน้าที่ของเขา แต่ก็คลุกคลีกับงานแบบนี้มาไม่น้อย ถึงจะไม่ถือว่าชำนาญแต่ก็พอเข้าใจคร่าวๆ
แต่ถ้าอยากหลีกเลี่ยงกล้องวงวจปิดทั้งหมดได้อย่างสิ้นเชิง แม้แต่เขาเอง ยังรู้สึกยากมากที่จะทำสำเร็จ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…… ฉินซีซึ่งแทบไม่มีความรู้เกี่ยวกับงานเหล่านี้เลยนะ?
เธอทำได้ยังไงกัน?
หลินหยังไม่เข้าใจ
และท่าทางของลู่เซิ่นนั้น ก็งงๆเหมือนกัน
เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองกลับมาตรวจสอบที่ประเทศF นั้น อย่างน้อยก็น่าจะได้อะไรบ้าง คิดไม่ถึงว่า เกิดความลึกลับซ่อนเงื่อนขึ้นเรื่อยๆ
ฉินซีจากไปด้วยความสมัครใจเองหรอ?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้มันยังไงกันแน่?แล้วคนที่บุกรุกเข้ามาใส่อะไรเข้าไปในโน๊ตบุ๊ค?แล้วทำไมเธอต้องใช้วิธีหลบซ่อนตัวแบบนี้?ถ้าเธออยู่กับตัวเองต่อไปไม่ได้จริงๆ ก็ควรจะพูดกันดีๆ ลู่เซิ่นคงไม่รั้งเธอไว้ไม่ให้เธอไป ฉะนั้นลู่เซิ่นไม่เข้าใจ อะไรกันแน่ที่ทำให้เธอต้องจากไป บวกกันเรื่องที่หลินหยังพึ่งพูดเมื่อกี๊ ก็มีคำถามเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคำถาม ถ้าเอเป็นคนจากไปเองแล้วรู้ได้ยังว่าควรหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีกล้องวงจรปิดทั้งหมดนี้ยังไง?
ถ้าหากไม่ใช่แบบนั้น แล้วกระเป๋าเดินทางที่เก็บไว้ล่วงหน้าล่ะ บอกลากับพ่อบ้าน จะอธิบายยังไง?และผู้ที่บีบบังคับเธอหรือวางยาเธอ ต้องการให้เธอทำอะไร?ทำไมต้องเป็นเธอ?
กล้องวงจรขณะที่เธอขับรถ ดูท่าทางสงบนิ่งมาก แล้วเพราะอะไรอีก?
นอกจากปัญหาที่ซับซ้อนเหล่านี้แล้ว ณ ขณะนี้ยังมีปัญหาที่สำคัญกว่า:เธอไปไหน?
ลู่เซิ่นรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกด้ายแห่งมูลไร้ซึ่งเหตุผลพันไปมายุ่งเหยิง เขาหาต้นเหตุไม่เจอ แต่กลับจำเป็นต้องแก้ไขมัน
หลินหยังพูดในสิ่งที่ควรพูดหมดแล้ว ลุกขึ้นพร้อมพูดว่า:“ ผมไปดูความคืบหน้าของการติดตามก่อนนะครับ”
ลู่เซิ่นโบกมือ เขาหันหลังและกำลังจะเดินออกไปทันที
ล้อเล่น มีใครบ้างดูไม่ออกว่าลู่เซิ่นเหมือนภูเขาไฟที่เตรียมจะระเบิดออกมาแล้ว สามารถเผาไหม้บริเวณรอบๆเป็นเถ้าถ่านได้ทุกเมื่อ
เขาหลบไปไกลๆดีกว่า
จู่ๆลู่เซิ่นกลับตะโกนเรียกเขาอีก:“ บนโต๊ะฝั่งนั้นมีผ้าเช็ดหน้าอยู่ผืนหนึ่ง เป็นผ้าที่ฉันพึ่งเห็นจากในห้อง นายเอาไปตรวจดูหน่อย ว่ามีคราบของของยาหลงเหลืออยู่บ้างมั้ย”
ครั้งนี้กลับเป็นหลินหยังที่ตกใจ:“ ท่านจะบอกว่า……อยู่ๆก็มีผ้าเช็ดหน้า1ผืนโผล่มาในห้องงั้นหรอ?”
ลู่เซิ่นพยักหน้า:“ ดังนั้น ฉันสงสัยว่าเป็นคนที่บุกรุกเข้ามาทิ้งไว้ และอาจเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องที่ฉินซีหายตัวไป”
หลินหยังจริงจังขึ้นมาทันที:“ ได้ครับ ผมจะให้พวกเขาเช็คดูอย่างละเอียด”
เขาเดินไปข้างโต๊ะและหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา แล้วหันหลังเดินออกไป
ในห้องเหลือเพียงลู่เซิ่นคนเดียวอีกครั้ง
เขาตรวจสอบทุกมุมห้องอย่างละเอียด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรอย่างอื่นผิดปกติ แล้วจึงหยุด
หลังจากนั้นเงยหน้าขึ้น เขาเห็นกระดาษที่พับวางอยู่บนโต๊ะ
ครั้งนี้เขาไม่ลังเล ยื่นมือไปเปิดดู
คิดไว้ไม่มีผิด ข้างในเป็นตัวหนังสือของฉินซี
……
“คุณลู่ที่รัก ถ้าหากคุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ชั้นคงไปจากที่นี่แล้ว ถือโอกาสตอนนี้ ติดต่อคุณเป็นครั้งสุดท้าย ตลอดระยะเวลา1ปีที่อยู่กับคุณ หลังจากแต่งงานหลายเดือนมานี้ และยังมีหลายอาทิตย์นี้ อาศัยการดูแลของคุณ ฉันสบายดีมาก ขอบคุณที่คุณช่วยเหลือชั้นครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงแต่ว่า หากเราไม่มีวาสนาที่อยู่ร่วมกันต่อไป ฉันก็ไม่อยากรั้งคุณไว้ ก่อนหน้านี้ก็ได้เซ็นข้อตกลงการหย่าไว้แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนเหลือเพียงหนี้ต่อกันเท่านั้น ฉันทิ้งเงินจำนวนหนึ่งที่เคยยืมจากคุณไว้ในบัตรแล้ว และที่เกินออกมาอีกหลายแสนหยวนถือเป็นดอกเบี้ยนะ
จากนี้ฉันขอกล่าวลาคุณอย่างเป็นทางการเลยละกันนะ ลาก่อน”
หลินยี่แกล้งลากเสียงยาวอย่างกวนประสาท อ่านจดหมายซ้ำต่อหน้าลู่เซิ่นเป็นรอบที่สาม
แต่ลู่เซิ่นก็ไม่ได้หลับมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว ตอนนี้อารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์ตรงกันข้ามกับหลินยี่ที่พึ่งเจอน้องสาวมาเมื่อคืนอย่างมีความสุข
แต่เขาก็รู้ดีว่าหลินยี่ไม่ได้ทำด้วยเจตนาร้าย เลยไม่ได้สนใจการกระทำของเขา
ช่วงนี้หลินยี่พักฟื้นได้เร็วดี หมอบอกให้ออกมาเดินรอบๆได้ เขากลับ“เดินรอบๆ”มาถึงรีสอร์ทชิงหยวน แวะมาเยี่ยมลู่เซิ่นที่เมียหนีจากไป
เขากับลู่เซิ่นเป็นพี่น้องกันมาหลายปี ระหว่างทั้งสองก็สนิทกัน ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เดินตรงไปที่ห้องลู่เซิ่น เคาะประตูแล้วเดินเข้าไป
เมื่อวานลู่เซิ่นนั่งอ่านจดหมายของฉินซีบนโซฟาหลายสิบรอบ เผลอหลับบนโซฟาอย่างสะลึมสะลือจดหมายก็ลอยหล่นลงมาข้างโซฟา จะไม่ให้หลินยี่มองก็คงยาก
ดังนั้นตอนเขาลืมตาขึ้นมา หลินยี่ก็ได้อ่านจดหมายของฉินซีหมดแล้ว
ดีที่เนื้อหาด้านในไม่ได้เขียนสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ หลินยี่อ่านจบแล้ว ยังให้ลู่เซิ่นได้มีที่ระบายบ้าง
“เมียนายนี่มัน……มีความคิดที่ดีนะ” หลินยี่อ่านทวนเนื้อหาจดหมายอีกครั้งจนจบ ทำเสียงกิ๊กิ๊ วิจารณ์ราวกับว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ
ลู่เซิ่นเม้มปาก:“ พอแล้วมั้ง”
จดหมายของฉินซีเขียนได้สั้นมาก เขานั่งดูทั้งคืนก็ดูไม่ออกว่ามีอะไรพิเศษนอกเหนือจากนี้
ถ้าฉินซีถูกลักพาตัวไปจริงๆ เขาเชื่อในความคิดของฉินซีดี ถ้ามีโอกาสที่จะทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เขียนเบาะแสอะไรไว้เลย
จดหมายบอกลาฉบับนี้ ดูยังไงก็เหมือนกับ……เธอได้ไตร่ตรองเรื่องที่จะจากไปไว้ก่อนแล้ว
ว่าเธอจะไปเอง
ลู่เซิ่นตบผมตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
หลินยี่ก็ดูจดหมายนั้นอีกครั้ง พับเก็บ แล้ววางกลับที่โต๊ะ หันมองลู่เซิ่น
“ดังนั้นแม้แต่เธอจะจากไปด้วยตัวเองรึป่าว นายก็ไม่รู้ใช่มั้ย?”
ลู่เซิ่นมองเขาด้วยสายตาที่โกรธ:“ ใช่ !”
เดิมทีเห็นผ้าเช็ดหน้าแปลกๆผืนหนึ่ง เขามั่นใจเลยว่าฉินซีถูกลักพาตัวไป แต่ว่าตอนนี้พอเห็นจดหมายและบัตรธนาคารนี้ เขาก็ชักจะไม่แน่ใจอีกครั้ง
หลินยี่ยักไหล่:“แต่จะปล่อยเธอไปง่ายๆแบบนี้ นี่ไม่ใช่สไตล์นายหนิ”
ลู่เซิ่นหัวเราะอย่างเย็นชาทีนึง:“ ฉันไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยเธอไปแบบนี้ ไม่ว่าจะต้องลงทุนแค่ไหนก็ตาม ฉันจะตามเธอกลับมาให้ได้”
หลินยี่ไม่ได้ตอบกลับทันที ยื่นไปเคาะบัตรธนาคารสองสามที แล้วถามว่า:“ ถ้าเกิด……เธอหลบซ่อนด้วยตัวเอง ไม่ให้นายหาเธอเจอล่ะ?”
ลู่เซิ่นไม่ได้มองเขา ยื่นมือไปหยิบบัตรธนาคารกลับมา
“งั้นฉันก็จะหาเธอให้เจอ ฟังจากปากเธอเองว่าทำไมต้องไปจากฉัน และพูดให้ชัดเจน ฉันจึงจะปล่อยมือเธอไป”