Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 119
บทที่ 119 จะไม่มีทางรอดอีกต่อไป
“คุณลองไปถามคนงานที่รับผิดชอบตกแต่งบ้านตระกูลเวินก่อนว่า เมื่อวานเวินจิ้งได้ไปที่นั่นหรือเปล่า?”
เกาเชียนพยักหน้า ส่งหนังสือแผนโครงการเข้าไป “ฉืออี้เหิงยื่นข้อเสนอออกมา หากสามารถได้รับการร่วมลงทุนจากคุณชาย เขาก็จะปล่อยคนไปครับ”
เสี้ยวหงมองดูแผนโครงการนี้ ภาพรวมไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ข่าวคราวที่อยู่ด้านนอกในช่วงนี้เขาก็รู้ ชื่อเสียงของฉืออี้เหิงเหม็นเน่าไปตั้งนานแล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้มู่วี่สิงก็ตรวจสอบพบเรื่องที่ผิดกฏหมายมากมายของเขา หากเขาเปิดบริษัทสร้างธุรกิจขึ้นมาด้วยตนเอง เกรงว่าเรื่องที่ทำก็ไม่ใช่การซื้อขายที่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
ตอนนี้ไม่มีใครยอมลงทุนให้กับฉืออี้เหิงเลยแม้แต่น้อย หากเขาอยากจะกลับตัวขึ้นมาใหม่ ก็จำเป็นจะต้องมีเบี้ย
หากมีการลงทุนจากมู่วี่สิง งั้นก็ไม่เหมือนกันแล้ว
“ความหมายของมู่วี่สิงล่ะ?” เสี้ยวหงถามขึ้น
“คุณชายยังกำลังทำการผ่าตัดอยู่ครับ เกรงว่าต้องใช้เวลาสิบชั่วโมง”
“สิบชั่วโมง…ฉืออี้เหิงมันก็คงจะฆ่าตัวประกันตายไปแล้วล่ะมั้ง!” อั๊ยเถียนเอ่ยขึ้นอย่างโมโห
เสี้ยวหงหรี่ตาลง มู่วี่สิงส่งมอบเรื่องนี้ให้กับเขา ก็หมายความว่าเชื่อใจเขามากพอ
แต่ว่า หากเกิดอะไรขึ้นกับเวินจิ้งล่ะ…
คิดใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เขาถึงได้เอ่ยปากออกมาว่า “บอกกับฉืออี้เหิง ว่าผมต้องการพบกับเขา”
หลังจากที่เกาเชียนจากไป อั๊ยเถียนก็ยิ่งไม่มีทางที่จะใจเย็นลงได้ กำแขนของเสี้ยวหงเอาไว้แน่นอยู่ตลอดเวลา “เวินจิ้งจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหมคะ…ฉืออี้เหิงต้องการเงินลงทุนพวกคุณก็ลงทุนไปสิ!เงินไม่มีแล้วก็หาเพิ่มอีกได้ แต่ว่า…นั่นคือชีวิตของเวินจิ้ง!”
เสี้ยวหงขมวดคิ้วขึ้น หากเงินสามารถแก้ไขปัญหาได้ เขาก็คงจะไม่กลุ้มใจขนาดนี้
มู่วี่สิงไม่เคยสืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมาก่อน หากต้องการเคลื่อนย้ายเงินทุนไปลงทุน ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน
นอกเสียจากว่า มู่วี่สิงยักย้ายสิทธิ์ส่วนตัวของตนเอง แต่เขาก็จำเป็นจะต้องนั่งอยู่บนตำแหน่งนั้นเท่านั้น
ถนนอันหนิง
กลิ่นหอมของของทอดระลอกหนึ่งลอยเข้ามา เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น คือกล่องอาหารเดลิเวอรี่กล่องนึงที่บอดี้การ์ดนำเข้ามา
เป็นร้านไก่ทอดที่เมื่อก่อนเธอกับฉืออี้เหิงชอบไปมากที่สุด
“กินข้าว” บอดี้การ์ดเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ
เวินจิ้งท้องหิวมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ เธอไม่อยากทาน
บอดี้การ์ดเห็นเธอไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ก็ขมวดคิ้วขึ้นรีบรายงานให้กับฉืออี้เหิงในทันที
ไม่ช้าโทรศัพท์มือถือก็ถูกส่งเข้ามาที่ข้างใบหูของเวินจิ้ง “เวินจิ้ง อย่ามาทำเป็นอดอาหารอะไรกับผม คุณไม่ทานข้าว ที่ผมมีก็คือวิธีที่จะทำให้คุณทาน”
“คุณหมายความว่าอะไร?” เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น
“ตั้งใจทานข้าว ไม่เช่นนั้นผมไม่รับประกันนะว่าถ้าผมโกรธขึ้นมาจะทำอะไรกับน้าเจี่ยนบ้าง” คำพูดที่มืดมนและเยือกเย็นดังสะท้อนเข้ามา
สีหน้าของเวินจิ้งซีดเผือดขึ้นมาในชั่วขณะ จะเกิดเรื่องอะไรกับคุณแม่ไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันทาน ฉันจะทานให้หมดอย่างแน่นอน!ฉืออี้เหิง คุณอย่ามากเกินไปนะ!” ในขณะที่เวินจิ้งพูด ก็เปิดกล่องข้าวออกอย่างรวดเร็ว
ฉืออี้เหิงยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น “ผมมากหรือไม่มากเกินไป ก็ขึ้นอยู่กับคุณทั้งหมด เวินจิ้ง”
เวินจิ้งไม่อยากพูดอะไรกับเขามาก วางโทรศัพท์มือถือลงอย่างรวดเร็ว ไก่ทอดยังคงรสชาติเหมือนกับแต่ก่อน เพียงแต่ สิ่งของเหมือนเดิมคนไม่เหมือนเดิมไปตั้งนานแล้ว
วางสายโทรศัพท์ลง ฉืออี้เหิงเดินเข้าไปในห้องรับรองพิเศษ ฝั่งตรงข้าม เสี้ยวหงได้มาถึงแล้ว
“จุ๊ๆ ทำไมถึงเป็นคุณ?” ฉืออี้เหิงหรี่ตาลง
“ตอนนี้ผมได้รับสิทธิทั้งหมดในการเป็นตัวแทนของมู่วี่สิงมารับผิดชอบเรื่องการร่วมลงทุน” เสี้ยวหงนำเอกสารฉบับหนึ่งส่งให้กับฉืออี้เหิง ด้านบนมีหนังสือมอบอำนาจของมู่วี่สิง
“งั้นคุณก็คงจะรู้ว่าผมต้องการอะไร”
“หนังสือแผนของคุณผมดูแล้ว และได้มอบให้กับทีมมืออาชีพได้ทำการวิเคราะห์ เพียงแต่น่าเสียดายมาก ตอนนี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่มีแพลนที่จะร่วมลงทุนใดๆกับธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ”
“ดังนั้น มู่วี่สิงก็ไม่ได้สนใจเวินจิ้งแล้ว?” ฉืออี้เหิงปรากฏความโมโหออกมา มือกำหมัดแน่น
“หากคุณฉือยืนกรานที่จะกักตัวคุณเวินเอาไว้ งั้นผมก็ทำได้เพียงแค่แจ้งตำรวจให้จัดการแล้ว มู่วี่สิงแบ่งแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจนมาโดยตลอด ไม่เคยมีใครกล้า และไม่มีคุณสมบัติที่จะมาข่มขู่เขา” เสี้ยวหงเอ่ยขึ้นทีละคำทีละประโยค น้ำเสียงทรงพลังเป็นอย่างมาก
เรื่องนี้หากให้ตระกูลมู่รู้เข้าล่ะก็ ฉืออี้เหิงยิ่งจะไม่มีทางรอดอีกต่อไป