Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1198
บทที่ 1198 คิดคำตอบไม่ออก
ถังย่าดูแล้วจะไม่ได้รู้สึกทำอะไรไม่ถูกต่อคำถามที่ลู่เซิ่นเอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอเพียงแต่ยิ้มบางๆ “บางที…..เป็นเพราะเธอพบว่ามีเรื่องอะไรที่สำคัญยิ่งกว่าที่ต้องไปทำให้สำเร็จหรือเปล่าคะ”
ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “เรื่องอื่นหรือ”
ถังย่ายิ้ม “ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นค่ะ เป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเท่านั้นเอง”
ลู่เซิ่นกลับไม่ได้ตอบรับรอยยิ้มนี้ของเธอ จ้องเธอด้วยสายตาอันแหลมคม
ถังย่าคล้ายกับไม่รู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะสายตาของเขา กลับยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ และเอ่ยต่อว่า “เพียงแต่ว่า…….การจากไปของภรรยาคุณ จะเป็นเพราะสาเหตุอื่นหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น……เกิดความขัดแย้งบางอย่างขึ้นในความสัมพันธ์ของคุณ เทียบกับการตามหาเบาะแสไปทั่วแล้ว สำหรับคุณ การตามหาว่าทำไมเธอถึงจากไป ไม่แน่ว่าจะสำคัญยิ่งกว่าเล็กน้อยนะคะ”
เธอรับสายตาที่เย็นเยียบขึ้นเรื่อยของลู่เซิ่นไป พร้อมกับเอ่ยจนจบโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ถัดมาก็ผงกศีรษะให้เป็นการขออภัย “เพียงแต่นี่เป็นเรื่องของครอบครัวคุณ ฉันเพียงแค่พูดไปอย่างนั้นเอง”
มุมปากของลู่เซิ่นค่อยๆปรากฏรอยยิ้มเรียบๆออกมา พยักหน้าตอบ “เป็นเช่นนั้นจริงๆ นี่เป็นเรื่องของครอบครัวผม”
เอ่ยจบแล้ว เขาก็ลุกขึ้น “สิ่งที่ควรดู ผมล้วนดูหมดแล้ว ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อนแล้วกัน”
ถังย่าพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันจะไปส่งคุณค่ะ”
ลู่เซิ่นก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งสามคนเดินไปถึงหน้าประตูบริษัทด้วยความเงียบ คนขับรถเปิดประตูรถให้กับลู่เซิ่น รอยยิ้มบนใบหน้าของถังย่ายังคงสุภาพ จู่ๆก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าหากว่าคุณยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจ สามารถมาหาฉันได้ตลอดเวลาค่ะ”
ลู่เซิ่นคิ้วกระตุกเล็กน้อย พยักหน้ารับคำ “ถ้ามีเรื่องที่ต้องถามคุณ ผมจะมาอย่างแน่นอน”
เอ่ยจบแล้ว เขาก็ขึ้นไปนั่งในรถ
ร่างของถังย่าในกระจกมองหลังค่อยๆเล็กลง ลู่เซิ่นถึงได้เอ่ยถามอย่างกะทันหันว่า “หลินหยัง นายคิดว่าถังย่า……เป็นอย่างไร”
น้ำเสียงของหลินหยังเรียบนิ่ง ทว่าตอบอย่างรวดเร็ว “ผมรู้สึกว่าเธอมีปัญหา”
ลู่เซิ่นหรี่ตาลง “ทำไม”
หลินหยังมองลู่เซิ่นผ่านกระจกหลังครั้งหนึ่ง ยืนยันสีหน้าของเขา ถึงได้ค่อยๆพูดว่า “แรกเริ่มเธอขัดขวางทุกวิถีทาง อย่างไรก็ไม่ยอมเปิดปากเล่าแผนงานนิทรรศการของคุณผู้หญิง แต่รอจนคุณบอกว่าคุณผู้หญิงหายตัวไป เธอถึงได้หยิบแผนการออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม ไม่อย่างนั้นก็คือ แรกเริ่มเธอจงใจทำให้คุณอยากรู้ บีบบังคับให้คุณพูดเรื่องการหายตัวไปของคุณผู้หญิง ไม่อย่างนั้นก็เป็น……แผนงานที่เธอให้คุณดูมีปัญหาครับ”
ลู่เซิ่นหลับตาลง ฟังการวิเคราะห์จากหลินหยัง ความรู้สึกบนใบหน้ากลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เขาเพียงแค่พยักหน้า เอ่ยว่า “พูดต่อไป”
หลินหยังถึงได้พูดต่อว่า “หลังจากที่คุณอ่านแผนงานเสร็จแล้ว เธอก็แอบบอกใบ้กับคุณมาโดยตลอดว่า การจากไปของคุณผู้หญิงนั้นเกี่ยวข้องกับคุณ ไม่เกี่ยวกับเธอ ถ้าหากพูดว่าเพราะกลัวเรื่องวุ่นวาย ต้องการล้างมลทิน อย่างนั้นก็สามารถเข้าใจได้ แต่ก่อนจะขึ้นรถ เธอกลับบอกว่า หากในภายหลังคุณมีข้อสงสัย สามารถมาหาเธอได้ ท่าทีที่ขัดแย้งกันเช่นนี้ ไม่ค่อยปกติเช่นกัน”
ลู่เซิ่นพยักหน้าอีก
การวิเคราะห์ของหลินหยังเหมือนกับที่เขาคิด
แรกเริ่มถังย่าพยายามขัดขวางทุกวิถีทาง ในภายหลังกลับตรงไปตรงมาอย่างกะทันหัน ก่อนหน้าแสดงออกว่าไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย ในภายหลังกลับเป็นฝ่ายเสนอออกมาว่าสามารถช่วยเหลือได้
ความขัดแย้งระหว่างก่อนหน้าและในภายหลังชัดเจนเกินไป เกือบจะทำให้คนที่แค่เห็นแวบแรกก็สามารถมองออกได้ว่าจงใจ จนดูแล้วเหมือนกับต้องการดึงดูดสายตาของลู่เซิ่นไว้ที่เธอ ให้ลู่เซิ่นสงสัยเธอ
แต่ว่า….ทำไมเธอต้องจงใจทำแบบนี้กัน
ชั่วขณะหนึ่งที่ลู่เซิ่นคิดเหตุผลไม่ออก
เขาเริ่มคิดย้อนกลับไปถึงแผนงานที่ได้อ่านที่บริษัทของถังย่าฉบับนั้นอีกครั้ง
ตอนนี้สิ่งของทั้งหมดที่มีความเกี่ยวข้องกับฉินซี ล้วนดึงดูดความสนใจจากเขาทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว
แต่แผนงานฉบับนี้ มีตรงไหนที่ทำให้ถังย่าต้องอิดออดกัน
แม้ว่าจะไม่เคยจัดการงานด้านนิทรรศการภาพถ่ายมาก่อน แต่ลู่เซิ่นก็เคยเห็นแผนงานมากมายหลายประเภท สำหรับสิ่งนี้นั้นล้วนรู้ทะลุปรุโปร่ง
เขาสามารถมองออกว่าด้านในมีความคิดของฉินซี แต่ว่าความคิดเหล่านี้ห่างไกลจากการต้องปิดบัง
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินซีมาที่นี่สองครั้ง ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วงานชิ้นนี้ยังเป็นเพียงแค่แบบร่างหยาบๆที่ไม่ละเอียดฉบับหนึ่งแบบนี้……..อย่างนั้นก็ยากที่จะพูดให้ผ่านไปได้
ดังนั้นไม่ว่าจะมองอย่างไร แบบร่างฉบับนี้ล้วนมีปัญหา
ความเป็นไปได้ที่มากที่สุดคือ….. ถังย่าไม่ได้นำฉบับสมบูรณ์มาให้เขาดู
แต่ส่วนที่เธอจงใจลดทอนไป จะต้องเปิดเผยอะไรออกมาอย่างแน่นอน
จะเป็นอะไรกันนะ
ลู่เซิ่นหรี่ตาลง กลับคิดคำตอบไม่ออก
แต่เสียงของหลินหยังกลับทำลายความคิดของเขาลงกะทันหัน
“ประธานลู่ กล้องวงจรปิดที่หาพบไม่กี่ตัวเมื่อครู่นี้ ล้วนทำการกำหนดตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว ทางด้านนั้นเริ่มเตรียมการตรวจสอบแล้วครับ”
ลู่เซิ่นพยักหน้า “ได้”
การไปของพวกเขาในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ไปสืบเบื้องลึกของถังย่าเท่านั้น
ยังมีภารกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง…..ก็คือไปดูกล้องวงจรปิด
ขอดูกล้องวงจรปิดตรงๆนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากไม่ได้วิจัยภาคสนาม ก็อาจจะไร้สิ้นหนทางในการทำความเข้าใจกับสภาพของกล้องวงจรปิดทั้งหมดได้
ดังนั้นเมื่อครู่นี้ หลินหยังแทบจะไม่ได้พูดอะไรเท่าไร ก็เพราะกำลังบันทึกตำแหน่งกล้องวงจรปิดภายนอกและภายในบริษัทของถังย่าอยู่
ตอนนี้เขาส่งรายงานบันทึกนี้ออกไปแล้ว รอช่างเทคนิคดำเนินการถอดรหัสได้แล้ว ก็สามารถตรวจสอบรายละเอียดไม่กี่วันมานี้ในกล้องวงจรปิดได้
สุดท้ายแล้วคำพูดของถังย่าจะเชื่อได้กี่ส่วน ก็ไม่อาจจะมีใครรู้ได้
กระทั่งภาพในกล้องวงจรปิดก็ยังสามารถปลอมแปลงได้
แต่ก็จำเป็นต้องตรวจสอบ
แม้ว่าจะเป็นหลักฐานที่ผ่านการปลอมแปลง แต่ก็อาจจะได้รับบางสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายได้
…….
การเคลื่อนไหวของฝ่ายเทคโนโลยีบริษัทลู่ซื่อนั้นคล่องแคล่วว่องไว ตอนที่ลู่เซิ่นถึงบริษัทลู่ซื่อ หลินหยังก็ได้รับรายงานแล้ว
“ฝ่ายเทคโนโลยีได้ภาพบันทึกทั้งหมดในสามวันนี้จากกล้องวิดีโอมาแล้วครับ กำลังดำเนินการให้คนทั้งหมดตรวจสอบอยู่ เมื่อพบว่ามีอะไร ก็จะรีบรายงานในทันทีครับ” หลินหยังช่วยลู่เซิ่นเปิดประตูห้องทำงาน พร้อมกับรายงานไปพลาง
ลู่เซิ่นพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร
วันนี้ทั้งวันเขาเกือบจะไม่ได้จัดการเอกสารของบริษัทลู่ซื่อ ดังนั้นเหล่าเลขาจึงเฝ้ารอเขากลับมาตาปริบๆ
เมื่อเห็นเขาปรากฏตัว เอกสารที่รอให้เขาลงนามหลายฉบับก็ถูกนำมาให้
ลู่เซิ่นแทบจะเข้าสู่สภาพการทำงานในทันที
แม้กระทั่งหลินหยังดูแล้วก็ยังประหลาดใจอยู่บ้าง
…….สมกับที่เป็นประธานลู่ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ยังสามารถตั้งใจกับการทำงานได้
แต่มีเพียงแค่ตัวลู่เซิ่นเองที่รู้ว่า วิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของเขากำลังได้รับความทุกข์ทรมาน
Eveคือซี่โครงซี่หนึ่งที่พระเจ้านำออกมาจากร่างของAdam
และในตอนนี้ ซี่โครงของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ดังนั้นเขาจะเข้าสู่สภาพการทำงานอย่างเต็มที่ได้อย่างไรกัน
แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ฝังตัวเองเอาไว้กับงาน
การตรวจสอบจำเป็นต้องใช้เวลา เขารีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์
ไม่สู้จัดการงานที่อยู่ตรงหน้าให้เรียบร้อย อย่างน้อย…..ก็สามารถทำให้เขาหยุดคิดเรื่องของฉินซีได้ชั่วขณะ
ฉินซี…….
เขาใจลอย เกือบจะจรดปากกาเซ็นชื่อผิดไปแล้ว
โชคดีตอนที่จรดปากกาลงไป เขามีสติขึ้นมา เปลี่ยนเป็นชื่อของตัวเอง
ดูตัวอักษร “ลู่” รูปร่างเปลี่ยนไป เขาก็แอบยิ้มขมขื่น