Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1213
บทที่ 1213 ยากที่จะลืม
หลังจากลู่เซิ่นอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นกล่องสีขาวใบนั้นวางอยู่ในห้องแล้ว
เขาไม่รีบเดินไปดู แต่เช็ดผมให้แห้ง นั่งลงที่มุมหนึ่งของโซฟา หลับตาลงช้าๆ
เขายังจดจำได้ดี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันที่สั่งชุดแต่งงาน
หลังจากเข้าไปพบกับเวินจิ้งในคุก ในใจลู่เซิ่นไม่มีความคิดอื่น คิดแต่เพียงอย่างเดียว ทำอย่างไรถึงจะจัดงานแต่งงานยิ่งใหญ่ให้ฉินซี มอบภาพงานที่เมื่อเธอคิดขึ้นครั้งใดในชีวิตนี้ ยากที่จะลืม
เขาเร่งหลินหยังซ้ำๆ “คุณไปถามขนาดเสื้อผ้าของฉินซีกับคนรับใช้รีสอร์ทชิงหยวน แล้วไปหาร้านตัดเย็บที่ดีที่สุดสั่งตัดชุดแต่งงาน”
หลินหยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องน่าปวดหัวอย่างงานแต่งงาน จึงไม่รู้ความวุ่นวายในระหว่างทาง รีบเร่งไปทำตามที่ลู่เซิ่นกำชับ
แต่ผ่านไปไม่นาน เขาก็ทำหน้ายุ่งกลับมาหาลู่เซิ่น “ประธานลู่ สั่งตัดชุดแต่งงานดีที่สุดต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนถึงจะเสร็จครับ ถ้าหากคุณรีบ เกรงว่าจะไม่ทัน…”
ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว “สามเดือนเชียวหรือ”
หลินหยังหลุบตา พยักหน้า
สีหน้าลู่เซิ่นยุ่งยาก
แน่นอนว่าเขาไม่ระเบิดอารมณ์ตามอำเภอใจ เขาเองที่ลืมว่าของที่ต้องสั่งทำต้องเตรียมล่วงหน้า จะไม่พอใจคนอื่นได้อย่างไร
แต่หลินหยังเห็นสีหน้าของลู่เซิ่น เกรงว่าเขาจะไม่พอใจ รีบอธิบายเสริม “ผมติดต่อกับดีไซเนอร์หลายคนทำให้เราเป็นพิเศษ พวกเขามีชุดแต่งงานสำเร็จรูปหลายแบบ แก้ไขชุดตามขนาดของคุณผู้หญิงได้ ร่นเวลาเหลือไม่กี่วัน อย่างนี้ได้มั้ยครับ”
สีหน้าลู่เซิ่นยังคงไม่พอใจ
เขาอยากจะจัดงานแต่งงานสมบูรณ์แบบไร้ที่ติให้ฉินซี เช่นนั้น…ดูเหมือนต้องยอมปล่อยวางบางอย่าง
คิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่เซิ่นพยักหน้า “เอาชุดพวกนั้นมาให้ผมดูละกัน”
หลินหยังผ่อนคลายลง รีบส่งรูปให้ดู
ที่จริงลู่เซิ่นไม่เข้าใจเรื่องเสื้อผ้ามากนัก
ตระกูลลู่มีทีมที่รับผิดชอบดูแลภาพลักษณ์ของคนตระกูลลู่โดยเฉพาะ พวกเขารับผิดชอบซื้อเสื้อผ้า จัดการทรงผมของลู่เซิ่น แมทช์เสื้อผ้ากับเครื่องประดับแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นลู่เหวยหรือลู่เซิ่น แทบไม่ได้ใส่ใจรูปลักษณ์ภายนอก ทุกวันแค่กวาดตามองเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าที่จัดชุดเตรียมไว้เรียบร้อย เลือกชุดที่ไม่ขัดตามาใส่ก็พอ มีแต่สูหยิงที่กระตือรือร้นพูดคุยกับทีมนั้น
แม้ว่าลู่เซิ่นจะไม่เคยใส่ใจเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนนั้นกลับตั้งอกตั้งใจพลิกดูภาพชุดแต่งงานหลายสิบรูปที่ตัวเองไม่มีความรู้ ดูชุดแต่งงานแต่ละแบบ มีคำถามมากมาย
ในตอนแรกหลินหยังพยายามอธิบาย แต่เมื่อคำถามของลู่เซิ่นซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เขารับมือไม่ไหว ได้แต่ให้ลู่เซิ่นติดต่อกับดีไซเนอร์ เพื่อให้เขาสนทนากับดีไซเนอร์เอง
อันที่จริงจะตำหนิหลินหยังก็ไม่ได้ เพราะคำถามของลู่เซิ่นแปลกประหลาด อย่างเช่น “ชุดแต่งงานชุดนี้เปิดเผยความสวยงามของโครงไหล่ฉินซีได้มั้ย” คำถามเช่นนี้ หลินหยังจนปัญญาที่จะตอบได้
ลู่เซิ่นไม่เคยจริงจังกับรายงานใดๆ ขนาดนี้ แต่กลับจริงจังกับการเลือกชุดครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็เลือกชุดแต่งงานหางปลา
หลังจากตกลงเรื่องขนาดกับดีไซเนอร์เรียบร้อย ลู่เซิ่นกำชับให้อีกฝ่ายรีบทำงาน ก่อนวางสาย
“ฉินซีใส่ชุดนี้ จะต้องสวยแน่ๆ”
ลู่เซิ่นยังคงจำได้ดีตอนที่ตัวเองพูดประโยคนี้ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และหลินหยังพยักหน้าเห็นด้วย
สำหรับหลินหยังแล้ว คงจะโล่งใจ งานที่ยากลำบากจบแล้ว นึกไม่ถึงเขาเตรียมตัวจะผละไป กลับถูกลู่เซิ่นเรียกไว้
“คุณอย่าลืมเตือนทางนั้นนะ ให้ส่งชุดไปรีสอร์ทชิงหยวน ผมจะรับชุดเอง”
หลินหยังสีหน้าแปลกใจ แต่พยักหน้าตอบรับ “ครับ”
……
พอนึกย้อนถึงตรงนี้ สาเหตุที่พัสดุกล่องนี้มาปรากฏที่รีสอร์ทชิงหยวนในตอนนี้ ก็ชัดเจนแล้ว
ลู่เซิ่นถอนหายใจ ลุกขึ้น เดินไปที่กล่องของขวัญ
เดิมทีเขาคิดไว้ ตอนนี้ฉินซีควรจะอยู่กับเขา
เขาควรจะขอฉินซีแต่งงานด้วยอารมณ์เปี่ยมล้น จากนั้นยิ้มมองเธอแกะกล่องของขวัญ
รอจนเธอเห็นชุดแต่งงานข้างใน จะต้องดีใจจนน้ำตาริน
หรืออย่างน้อยก็ต้องซาบซึ้งจนทำตัวไม่ถูก
แต่ทั้งหมดนี้…กลายเป็นเพียงจินตนาการของเขา
ตอนนี้เขายืนอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ไร้ความรู้สึกแต่อย่างใด ไม่มีอารมณ์อยากจะแกะกล่องของขวัญ
ลู่เซิ่นหลับตา ระงับความรวดร้าวที่ปะทุขึ้นอีกครั้งในใจ ตัดสินใจจับหัวของริบบิ้น ดึงริบบิ้นที่ไม่ได้ผูกซับซ้อนออก ไม่ให้โอกาสตัวเองลังเล ยื่นมือไปหยิบฝาปิดกล่องออก
ชุดแต่งงานที่เขาคัดเลือกกับมือวางอยู่ตรงหน้า
ลูกไม้ทำมือ อัญมณีที่ประดับอย่างประณีต ส่องประกายวิบวับใต้แสงไฟ
แต่คนที่ควรจะสวมชุดนี้ กลับไม่อยู่ที่นี่
ลู่เซิ่นจ้องมองชุดแต่งงานเนิ่นนาน ไม่ยื่นมือไปจับ แต่กลับหยิบฝากล่องมาปิดดังเดิม
เขาจะรอจนเจ้าของชุดแต่งงานกลับมา
ฉินซีควรจะเป็นคนแรกที่ได้สัมผัสชุดนี้
ก่อนถึงเวลานั้น ใครก็ห้ามแตะ
เพียงแค่ดูชุดแต่งงาน เรื่องง่ายๆ เช่นนี้กลับทำให้ลู่เซิ่นต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มี
ความอ่อนล้าจากการอดหลับอดนอนหลายวัน จนถึงตอนนี้เหมือนจะระเบิดออกมา แม้แต่เดินยังโซเซ ล้มตัวลงบนโซฟา ผล็อยหลับไป
แต่ยังไม่ทันไร มือถือก็สั่นขึ้น
ลู่เซิ่นลืมตาแทบไม่ไหว แต่ยังคงหยิบมือถือขึ้นมาเหลือบดู
เบอร์ที่ส่งข้อความมาเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น
เนื้อหาในข้อความสั้นเหมือนดาบ รวมกับชุดแต่งงานที่วางตรงนั้น ทิ่มแทงใจของลู่เซิ่น
“เรียนคถณลู่ แหวนที่ท่านสั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรุณามารับที่ร้านของเรา หรือเลือกใช้บริการจัดส่ง กรณีที่ท่านเลือกบริการจัดส่ง จะ…”
รายละเอียดต่อจากนั้น ลู่เซิ่นไม่ได้อ่านโดยละเอียด
เขาไม่รู้ว่าความโกรธพรั่งพรูมาจากไหนน ทำให้เขาขว้างมือถือทิ้ง เหมือนหลบลี้ภัยพิบัติใหญ่
เขารู้สึกว่าทั้งหมดนี้ช่างไร้สาระ รู้สึกว่าตัวเองจริงจังขณะที่อีกฝ่ายเย็นชา รู้สึกว่าการที่ตอนนี้ฉินซีไม่อยู่กับตัวเอง…ทำให้การกระทำทุกอย่างของเขามีรสชาติของความเศร้า
ลู่เซิ่นไม่ใช่คนที่ชอบเปิดเผยอารมณ์ เมื่อพบอุปสรรคอย่างมากก็เพียงขมวดคิ้ว
แต่เวลานี้ เขารู้สึกว่าต้องหาทางระเบิดอารมณ์อัดอั้นในใจออกมา
ความเป็นห่วงฉินซีตลอดหลายวันมานี้ ความกระทบกระเทือนใจที่รู้ว่าฉินซีเป็นสมาชิกขององค์กร เกิดความอิจฉาจากการยั่วยุของจ้านเซิน จนควบคุมไม่ได้ เมื่อเห็นชุดแต่งงานและแหวนที่ตัวเองตั้งใจจัดเตรียมแล้วจึงรู้สึกไร้สาระ
ความรู้สึกหลากอารมณ์ประดังเข้ามา แม้จะเป็นเขา ก็รู้สึกว่ารับไม่ไหว