Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1235
บทที่ 1235 ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
เวินจิ้งพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “คุณจำเป็นต้องยืมชื่อฉัน เพื่อจัดงานแต่งงาน เพื่อให้ทุกคนคิดว่าคุณมีคู่แต่งงานใช่ไหม”
ลู่เซิ่นคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้อะไรได้เร็วกว่าหลินยี่ เขาจึงมองเธอด้วยความชื่นชม ก่อนจะพยักหน้า และพูดว่า “ใช่”
แต่เวินจิ้งก็ถามต่อไปว่า “แต่ … ฉันขอทราบได้ไหมทำไมคุณถึงทำแบบนี้”
ลู่เซิ่นเหลือบมองไปที่หลินยี่ เขารู้ว่า แม้ว่าเขาจะไม่พูดออกไป แต่หลินยี่ก็ไม่สามารถเก็บเงียบได้ เขาจึงพยักหน้าอย่างมีความสุข และพูด “โอเค ผมต้องการประกาศข่าวการแต่งงานของผม ก็เพียงเพื่อ….ให้คนคนนึงปรากฏตัว”
เวินจิ้งเลิกคิ้ว “แฟนเก่าคุณ”
ลู่เซิ่นเอียงศีรษะ และพูดอย่างคลุมเครือ “ก็ใช่….แต่ก็ถือว่าไม่ใช่”
หลินยี่ไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงถามขึ้น “แต่….ลู่เซิ่น นายเพิ่งจะนึกได้ว่าจะประกาศ แล้วข่าวที่มันมีมาก่อนหน้านี้คืออะไร”
สิ่งที่เขาพูดก็คือสิ่งที่ฉินซีเห็นในองค์กร เป็นข่าวการคาดเดาเกี่ยวกับการแต่งงานของลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นยิ้ม “ฉันหวังว่าการแต่งงานของฉันจะมีคนมากมาย”
เขาพูดคลุมเครือ และหลินยี่ก็ไม่สามารถถามอะไรได้อีก จึงได้แต่พยักหน้าอย่างจำต้องเข้าใจ
ความจริงแล้วลู่เซิ่นมีความชัดเจนในใจของเขามากว่า จุดประสงค์ของการปล่อยข่าวนี้คือ การบังคับให้เขาแต่งงาน และมีเพียงคนเดียวที่ต้องการบังคับให้เขาแต่งงาน นั่นก็คือคนในตระกูลเก่าในเมืองหนาน
เขาจำได้อย่างชัดเจนว่า ตอนนั้นเขาประกาศว่าจะแต่งงานกับนักโทษ อาสามของเขาไม่เพียงแต่ไม่คัดค้าน เขายังแอบเร่งอีกด้วย
เขาเห็นได้อย่างชัดเจน แต่เขาไม่พูดอะไร
เวินจิ้งมองออกอย่างชัดเจน “คุณช่วยบอกฉันแผนการอย่างละเอียดอีกครั้งได้ไหม”
ลู่เซิ่นพูด “ผมจะไม่ปล่อยชื่อของคุณออกไปตรงๆ ในช่วงเวลานี้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการแต่งงานของผม แต่ไม่เคยมีชื่อใครโผล่ออกมาเลย ดังนั้นผมจะออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะ เพื่อยืนยันว่าผมได้จดทะเบียนสมรสแล้วจริงๆ และปฏิเสธทุกคนที่สื่อกล่าวถึง”
เวินจิ้ง และหลินยี่หยุดพูดรอให้เขาพูดต่อ
ลู่เซิ่นจึงพูดต่อ “จากนั้นผมจะเริ่มเตรียมงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ ชื่อของคุณจะถูกพิมพ์ลงบนคำเชิญ แต่คุณไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรสำหรับงานแต่งงาน”
เวินจิ้งยิ้มแล้วพูดว่า “และคุณแค่อยากจะรอจับมือคนที่คุณรอคอย และเดินเข้าไปในห้องจัดงานแต่งงานใช่ไหม”
ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ และพยักหน้า
ทันใดนั้นหลินยี่ก็พูดขึ้น “แต่….ถ้าเธอไม่มาล่ะ”
เขามองไปที่ลู่เซิ่นด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง
ถ้าหากว่า….ฉินซีไม่สามารถออกจากสำนักงานใหญ่ลึกลับนั้นได้ แผนการของลู่เซิ่น จะไม่ไร้ประโยชน์หรอ
ลู่เซิ่นดูเหมือนจะเตรียมพร้อมไปกว่าครึ่งแล้ว จึงยิ้มอย่างแผ่วเบา “ถ้าอย่างนั้นฉันจะใช้เหตุผลบางอย่างเพื่อประกาศว่าขั้นตอนการแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว และฉันจะข้ามไปที่งานเลี้ยงแต่งงานโดยตรง”
หลินยี่ค่อยๆอ้าปาก “แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ในนามนาย และเวินจิ้ง….ก็เป็นสามีภรรยากัน”
ลู่เซิ่นไม่ได้พูด แต่จู่ๆเวินจิ้งก็พูดขึ้น “ฉันตกลง”
หลินยี่หันหน้าไปมองเธอ “เสี่ยวจิ้ง! พี่ยังไม่ได้ถามชัดเจนเลย ทำไมถึง…”
“พี่ชาย” เวินจิ้งขัดจังหวะเขาอย่างใจเย็น “ประธานลู่แค่ขอยืมชื่อของฉันเอง เขาและฉันจะไม่เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย และในความเป็นจริงฉันก็ต้องการชื่อในการแต่งงานมาเป็นเกราะกำบังเช่นกัน ดังนั้นการที่ประธานลู่ทำเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับฉัน”
หลินยี่ขมวดคิ้ว “แม้จะเป็นอย่างนั้น….แต่เสี่ยวจิ้ง ถ้าเป็นอย่างนี้ คนภายนอกก็จะเรียกเธอว่า คุณนายลู่ แล้วถ้าภายหลังเธอเจอคนที่อยากแต่งงานด้วยจริงๆล่ะ เธอจะทำยังไง”
เวินจิ้งนิ่งไป จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น พร้อมพูด “พี่ ตั้งแต่ผ่านมู่วี่สิงมา ฉันก็ไม่คิดถึงอะไรอีกแล้ว ฉันคงจะไม่รักใครได้อีก และไม่คิดจะแต่งงานอีก”
“ดังนั้น ข้อเสนอของผม สำหรับคุณแล้ว ถือว่าได้ประโยชน์ร่วมกัน” ลู่เซิ่นกล่าวเสริม
เวินจิ้งพยักหน้า “ใช่แล้ว”
หลินยี่ยังคงดูลังเล แต่เมื่อเห็นว่าเวินจิ้งยังคงมุ่งมั่น และความรักที่เขามีต่อน้องสาวของเขาเป็นสิ่งที่เหนือกว่าสิ่งใด เขาจึงยอมแพ้ และถอนหายใจ “ก็ได้”
เวินจิ้งฟังเขาถอนหายใจออกมา แล้วก็รีบซบไปที่แขนของเขาอย่างอ้อนๆทันที “ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายดีที่สุด”
หลินยี่ไม่สามารถดึงหน้าใส่น้องสาวได้อีกต่อไป เขาจึงทำได้แต่มองไปที่ลู่เซิ่น “นาย….”
ลู่เซิ่นยิ้ม “วางใจเถอะ”
หลินยี่ทำได้เพียงกัดฟัน และพยักหน้า
เวลาเย็นมากแล้ว และทุกคนก็รู้สึกเหนื่อยล้ากันแล้ว หลังจากพูดคุยกันมานาน ลู่เซิ่นจึงอยู่ที่บ้านตระกูลลู่อีกครั้ง
แต่หลังจากที่เขากลับมาที่ห้อง เขาก็ไม่ได้เข้านอนทันที เขาโทรหาหลินหยัง
“ท่านประธานลู่” หลินหยังพร้อมตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เขารับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
เสียงของลู่เซิ่นสงบมาก “ฉันมีเรื่องบางอย่าง นายต้องหาคนมาจัดการ”
เดิมทีเขามักจะติดต่อถังย่าให้ทำสิ่งเหล่านี้ให้ ด้วยความเป็นมืออาชีพของถังย่าที่ไม่เคยผิดพลาดในทุกงาน ทำให้เขาทำงานร่วมกับพวกเขาหลายครั้ง และพบว่ามันน่าพอใจทุกครั้ง
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความเป็นมืออาชีพของพวกเขาอยู่บนพื้นฐานของอะไร เขาจึงไม่สามารถเรียกใช้งานได้อีกต่อไป
หลังจากพบว่าการหายตัวไปของฉินซี เกี่ยวข้องกับบริษัทของถังย่า ลู่เซิ่นก็ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ในการทำให้บริษัทประชาสัมพันธ์ของถังย่าล้มละลาย
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ แต่ระดับองค์กรของถังย่าก็ไม่ได้ต่ำ เธอสามารถก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่ได้ตามที่ต้องการอยู่แล้ว และบริษัทนี้ก็สร้างขึ้นมาเพื่อให้สังเกตฉินซีได้ดีขึ้นเท่านั้น เมื่อตอนนี้ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบฉินซีอีกต่อไป บริษัทนี้ก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป”
ลู่เซิ่นต้องการสถานที่เพื่อระบายอารมณ์ก็เท่านั้น
แม้แต่ลู่เซิ่นยังต้องยอมรับว่าหลังจากทำงานกับถังย่า เขามักจะรู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรไปหน่อย เมื่อเขาต้องทำงานร่วมกับบริษัทประชาสัมพันธ์อื่นๆ
ไม่มีใครเทียบได้กับบริษัทของถังย่าในแง่ของวิธีการประชาสัมพันธ์ ความเป็นมืออาชีพ และประสิทธิภาพ
แต่เขาทำได้แค่เรียนรู้ที่จะชินกับมัน
หลินหยังฟังคำแนะนำของลู่เซิ่น แล้วก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เขามองไปที่ประเด็นหลักที่เขาเขียนลงไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วถามลู่เซิ่นอีกครั้ง “ประธานลู่ คุณ…จะทำแบบนี้จริงๆหรอ”
ลู่เซิ่นไม่ได้โกรธในคำถามของเขา เขาเพียงแค่ยิ้มจางๆและพูด “ฉันบอกแล้ว ทำตามคำสั่งของฉัน ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ให้ฉันเห็นมันพรุ่งนี้เช้า”
เขากล่าวอย่างนั้น แม้ว่าหลินหยังจะมีคำถามอีกมากมาย เขาก็ทำได้เพียงแค่กลืนมันกลับเข้าไป และตอบอย่างงัวเงีย “ครับ”
ลู่เซิ่นวางสายโทรศัพท์
หลินหยังมองไปที่แผ่นจดบันทึกของเขา และถอนหายใจ
แต่มันเป็นชีวิตรักของเจ้านาย เขาจึงไม่คิดที่จะแทรกแซง