Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1239
บทที่ 1239 ฟ้ากับเหว
ลู่เซิ่นยืนอยู่ด้านหลัง มองดูการแสดงออกที่แตกต่างกันของคนทั้งสี่ ที่อยู่ตรงหน้าเขา
ทุกคนในห้องโถงต่างมีความคิดของตัวเอง ดังนั้นจึงแปลกเล็กน้อย เมื่อในห้องเงียบไปสักพัก
ในที่สุดคำพูดของแม่บ้านก็ทำลายความเงียบ
“อาหารเย็นพร้อมแล้ว เชิญไปทานมื้อค่ำที่ห้องอาหารค่ะ”
สุดท้ายห้องโถงอันเงียบสงบ ก็มีเสียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทั้งห้าคนเดินไปที่ห้องกินข้าวอย่างเงียบๆ
…
หลังทานอาหารเสร็จ สูหยิงก็เดินตามลู่เซิ่นที่เดินกลับไปห้องหนังสืออย่างโกรธๆ
“ผู้หญิงคนที่สองคนนี้ดูไม่น่าไว้วางใจ!” สูหยิงพูดทันที โดยไม่สามารถรอให้ประตูห้องหนังสือปิดลงก่อนได้
ลู่เซิ่นยิ้มเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้“แม่….”
สูหยิงหันหน้ามา และจ้องไปที่เขา “ดูซิ แต่ละคนที่หามานี่อะไรกัน ไม่ให้แม่สบายใจบ้างเลย”
ลู่เซิ่นมองไปที่ใบหน้าที่เป็นห่วงของเธอ และลังเล แต่ก็ยังไม่บอกความจริง
สูหยิงไม่ใช่ลู่เหวย ถ้าเธอรู้ว่าต่อหน้าเขาสัญญาว่าจะแยกจากฉินซี แต่ลับหลังเขากลับไม่ได้ทำแบบนั้น เขาก็กลัวว่าเธอจะไม่ปล่อยผ่าน
เขาจึงกระแอมในลำคอ กลืนคำพูดกลับไป แล้วยิ้ม “แม่ ผมไม่ได้จะแต่งงานกับเธอจริงๆซะหน่อย อย่าพูดแบบนี้สิ”
สูหยิงยังคงจ้องมองเขา “ยังมาพูดอีก ไปจดทะเบียนกับเขาแล้วนี่นะ ก่อนจะแต่งงานได้เขียนสัญญาหรือยัง ไหนเอามาให้แม่ดู เดี๋ยวถ้าถึงเวลาเกิดอะไรขึ้นมา จะร้องไห้ก็สายไปแล้ว”
ลู่เซิ่นเลิ่กลั่ก “เขียนแล้วแน่นอน แต่สัญญาไม่ได้อยู่ที่นี่ ไว้มีโอกาสแล้วผมเอาให้ดูนะ”
เขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเวินจิ้งตั้งแต่แรก แล้วจะมีสัญญาก่อนแต่งงานได้ยังไง
สูหยิงเชื่อเพียงครึ่งเดียว และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกลู่เซิ่นขัดจังหวะเสียก่อน
“แม่” ลู่เซิ่นดูจริงจังมาก “ผมต้องการความช่วยเหลือจากแม่ในการประชุมพรุ่งนี้”
เมื่อพูดถึงเรื่องธุรกิจ สูหยิงก็เริ่มจริงจังขึ้นมา เธอหันไปมองลู่เซิ่น “ลูกต้องการให้แม่ทำอะไร”
ลู่เซิ่นยิ้มอ่อนๆ “ผมต้องการให้แม่แสดงความไม่พอใจกับการแต่งงานของผม”
สูหยิงยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นแม่ไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรเลย แม่แค่แสดงความคิดที่แท้จริงออกมา”
ลู่เซิ่นยกยิ้ม
หลังจากพูดกับสูหยิงไม่กี่คำ เธอก็ออกจากห้องหนังสือไป
บ้านตระกูลลู่ยังมีห้องหนังสือที่ลู่เซิ่นใช้ ซึ่งไม่แตกต่างจากในรีสอร์ทชิงหยวนมากนัก
ดังนั้นลู่เซิ่นจึงมองไปที่ตำแหน่งเดียวกัน ซึ่งที่ตรงนั้นต้องห้อยภาพที่ถ่ายโดยฉินซีไว้อย่างเหม่อลอย
ฉินซีถ้าผมทำแบบนี้ จะทำให้คุณปรากฏตัวได้ไหม
ตราบใดที่คุณสามารถปรากฏตัวต่อหน้าผมได้ แค่สักวินาที ผมก็จะหาวิธีที่จะให้คุณอยู่เคียงข้างผมตลอดไป
…
การประชุมในวันรุ่งขึ้นจัดได้อย่างตรงเวลา
ผู้นำระดับสูงของตระกูลลู่มารวมตัวกัน และดูเหมือนจะสนใจการแต่งงานของลู่เซิ่นเป็นอย่างมาก กลุ่มคนใน เมืองหนาน ที่มักจะไม่ปรากฏตัวก็อยู่ในงานด้วยทั้งหมด
ดังนั้นเมื่อลู่เซิ่นผลักประตูเข้าไป สิ่งที่เขาเห็นคือห้องประชุมที่มีคนนั่งเต็มไปหมด
เขาเลิกคิ้วด้วยความสนใจ แต่ไม่พูดอะไรมาก และเดินตรงไปที่ที่นั่งของเขา และนั่งลง
ไม่นานก็ถึงเวลาเริ่มการประชุม
ลู่เซิ่นเปิดไมโครโฟน “อรุณสวัสดิ์ทุกคน ผมคิดว่าทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า จุดประสงค์ของการพบกันครั้งนี้คือ การประกาศอย่างเป็นทางการว่าผมแต่งงานแล้ว”
แน่นอนว่าผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดได้เห็นข่าวในสื่อเมื่อวานนี้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แปลกใจมาก เมื่อได้ยินลู่เซิ่นพูด แต่มีเพียงไม่กี่คนที่มองไปที่ลู่เซิ่นด้วยความสนใจ และรอคำพูดต่อไปของเขา
ลู่เซิ่นมองไปรอบๆ และเห็นว่าการแสดงออกของทุกคนยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงพูดต่อ “การแต่งงานของผมเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับพัฒนาการของตระกูลลู่ ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะจัดการประชุมขึ้น มิฉะนั้นเรื่องแต่งงานของผมคงจะกลายเป็นเรื่องส่วนตัว”
ความหมายของเขาแสดงออกอย่างชัดเจน
หากไม่ใช่เพราะผู้ถือหุ้นของบริษัทลู่ซื่อต้องการให้เขาแต่งงานทุกวัน เขาคงไม่คิดที่จะอธิบายเรื่องการแต่งงานของเขา
นี่ไม่ใช่คำพูดที่น่าฟัง ดังนั้นใบหน้าของผู้ถือหุ้นรุ่นเก่าจึงดูบูดบึ้งขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเห็นแก่หน้าของลู่เหวย และสูหยิงซึ่งอยู่ในงานด้วย พวกเขาจึงไม่ได้เผชิญหน้ากันจังๆ
ลู่เซิ่นไม่สนใจใบหน้าของพวกเขาที่เปลี่ยนไป เขายังคงพูดต่อไป “ผมได้กล่าวไปแล้วในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่าภรรยาของผมไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ในหนังสือพิมพ์ตลอดระยะเวลาหลายวันมานี้ เธอไม่เคยปรากฏตัวต่อสายตาของสื่อด้วยซ้ำ แต่ในฐานะสามีของเธอ ผมเคารพความต้องการของเธอ และจะไม่ประกาศชีวิต และตัวตนของเธอในขณะนี้”
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ผู้ฟังต่างก็ตกใจ
พวกเขาคิดว่าลู่เซิ่นไม่ต้องการเปิดเผยความเป็นส่วนตัวมากเกินไปต่อหน้าสื่อมวลชน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กล่าวถึงข้อมูลเฉพาะของภรรยาของเขา ไม่คาดคิดว่าแม้จะอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่พูดอะไร
“ประธานลู่” ท่ามกลางซุบซิบ สูหยิงก็กล่าวว่า “ในฐานะบริษัทจดทะเบียน คุณเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด และเป็นประธานกรรมบริหาร สถานะการสมรสของคุณจะส่งผลต่อพัฒนาการของบริษัทลู่ซื่ออย่างมาก ดังนั้น… เมื่อคุณเลือกที่จะแต่งงานแล้ว ถ้าไม่ลำบากเกินไปก็ควรจะพูดออกมาบ้าง”
ทันทีที่เธอพูดจบ ผู้ฟังก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
คนที่อายุน้อยในบริษัทลู่ซื่อต่างไม่คุ้นเคยกับสูหยิง แต่คนเก่าแก่ต่างคุ้นเคยกับสไตล์ของสูหยิงเป็นอย่างดี เธอเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ถ้าเจอเรื่องไม่พอใจ เธอก็พร้อมที่จะพูดทันทีโดยไม่ไว้หน้า
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของผู้ถือหุ้นรุ่นเก่าสองสามคนก็ดูเบาบางใจขึ้นเล็กน้อย พวกเขามองไปที่ลู่เซิ่น และสูหยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า และความคิดมากมายก็แวบเข้ามาในใจ
สูหยิงเปิดประเด็นกับลู่เซิ่นอย่างเปิดเผย หมายความว่าเธอไม่พอใจกับคู่แต่งงานของลู่เซิ่นใช่หรือไม่
ถ้าเป็นเช่นนั้น ลู่เซิ่นจะแต่งงานโดยเลี่ยงสูหยิงได้หรือ
แต่ …ทุกคนต่างก็รู้ว่าหุ้นในมือของลู่เซิ่นได้มาอย่างไร
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทลู่ซื่อจากภายนอก แต่จริงๆแล้วมีเพียงสามสิบเปอร์เซ็นจากหุ้นทั้งหมดของเขาห้าสิบสองเปอร์เซ็นเท่านั้นที่เป็นของเขาเอง ซึ่งเขาได้รับมาจากปู่ของเขา เมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่
อีกยี่สิบสองเปอร์เซ็นที่เหลือเป็นหุ้นของสูหยิง และลู่เหวย
พวกเขาเลื่อนลู่เซิ่นขึ้นสู่ตำแหน่งประธาน และพวกเขาก็ออกจากธุรกิจของบริษัทลู่ซื่อ นอกจากจะไม่ดำรงตำแหน่งภายในของบริษัทลู่แล้ว พวกเขายังมอบความไว้วางใจให้กับตัวแทนอย่างลู่เซิ่นอีกด้วย
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นพ่อแม่ลูกกัน แต่หุ้นนี้ยังถือว่าเป็นการไว้วางใจกันเท่านั้น หากมีความขัดแย้งระหว่างลู่เซิ่น และทั้งสองคน ก็ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าสูหยิงจะไม่เอาหุ้นยี่สิบสองเปอร์เซ็นคืน
ด้วยเหตุนี้… ถ้าลู่เซิ่นมีหุ้นเพียงสามสิบเปอร์เซ็นของตัวเอง แม้ว่าเขาจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ บริษัท แต่เขาก็จะสูญเสียอำนาจที่แท้จริง
เพราะเขาไม่สามารถใช้ความคิดเห็นของคนๆเดียวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ท่วมท้นเหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไป
ท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะเห็นด้วย แต่ด้วยคะแนนแบบเดิมเกินครึ่งคือห้าสิบสองเปอร์เซ็น กับคะแนนสามสิบเปอร์เซ็นซึ่งเป็นหนึ่งในสาม เมื่อเทียบกันแล้วก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว