Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1241
บทที่ 1241 ไม่อยากจะเชื่อเลย
การบันทึกหยุดลงที่นี่อย่างกะทันหันและใบหน้าของอารองเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“นี่…คุณ…สิ่งของเหล่านี้ของคุณมาจากไหน ” เขาชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือของอาสามนิ้วก็สั้นเล็กน้อย
อาสามเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ไยดี ฉันติดตั้งเครื่องดักฟังไว้ในห้องนอนที่ลู่เซิ่นนอน ก็แน่นอนว่าเสียงมาจากที่นั่น
ภายในตัวของอารองปรากฏขึ้นถึงร่องรอยของความกลัว “คุณ…ติดตั้งเครื่องดักฟังไว้ในห้องนอนของลู่เซิ่น ทำไมคุณ ทำไมคุณกล้าทำแบบนี้”
“ทำไมฉันถึงจะไม่กล้า!” น้ำเสียงของอาสามมีความหงุดหงิด เขาเดินเข้าไปใกล้อารองกระชิบว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ก่อนพวกเรามักถูกภรรยาของพี่ใหญ่ที่น่าสมเพชกดดันไว้ และตอนนี้ถึงคราวที่ลูกชายของพวกเขาก็สามารถจัดการพวกเราได้ด้วยพี่รอง คุณไม่คิดว่าพวกเราอยู่แบบนี้มันน่าหงุดหงิดหรอ ? ทุกๆเดือนได้แต่หวังว่าลู่เซิ่นจะจ่ายเงินปันผล ถ้าเกิดเขาไม่แบ่งให้ พวกเราทุกคนก็ต้องดื่มลมตะวันเฉีนงเหนือ ชีวิตแบบนี้ คุณยังใช้ไม่เพียงพอ ฉันคิดว่ามันเพียงพอแล้ว ! ”
อารองตัวสั่นเล็กน้อยกับสิ่งที่เขาพูด “คุณ…คุณอยากทำอะไร ? ”
อาสามยิ้ม “ไม่ได้ยินเหรอ ? สูหยิงพูดว่า ตราบใดที่เขาลู่เซิ่นกล้าฝ่าฝืนเธอและไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น จากนั้นสูหยิงจะไม่สนับสนุนลู่เซิ่นอีกต่อไป ลู่เซิ่นอายุยังน้อย ในตอนนั้นทุกคนปกป้องเขา ส่วนใหญ่เป็นเพราะทุกคนไว้หน้าสูหยิงกันทั้งนั้น ? ตอนนี้แม่ลูกหันหลังให้กันแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเราไม่ใช่หรือ”
อารองยังรู้สึกตัวสั่นเล็กน้อย “คุณจะใช้ประโยชน์จากการทะเลาะของพวกเขา….ยึดอำนาจ ?”
ดวงตาที่ร้ายกาจเปล่งประกายในดวงตาของอาสาม “ใช่แล้ว ฉันใช้มากพอแล้วชีวิตที่ต้องมองหน้าผู้อื่นแล้วก้มหน้า หากตอนนั้นพ่อของลู่เหวย ยืนยันที่จะมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับพี่ใหญ่ ตลอดหลายปีที่ผ่านฉันคงไม่ต้องหงุดหงิดแบบนี้ ! ”
อารองได้หยุดไปสองสามวินาที จากนั้นถึงพูดต่อ ด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวัง “แต่ว่านะ ถึงแม้อายุของลู่เซิ่นจะน้อย แต่เขาทำหน้าที่ที่บริษัทลู่ซื่อได้ดีในช่วงไม่กี่วันนี้ ตอนนี้แม่ลูกที่เรียบๆง่ายๆทะเลาะกัน คุณจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าตนเองจะสามารถเขย่าตำแหน่งของเขาได้ ? ”
อาสามหัวเราะเบาๆ “ที่จริงฉันก็ไม่มีความมั่งใจอะไร แต่ฉันรู้ ถ้าฉันไม่ไปลองฉันจะไม่ ได้เลย ”
อารองพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจ อารมณ์ค่อยๆดีขึ้นและสงบลง เขายืนตัวตรง “ในเมื่อคุณยืนยันที่จะทำเช่นนี้ฉันก็ขอให้คุณโชคดี
“พี่รอง” อาสามได้ขัดจังหวะคำพูดของเขา มองเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณคิดว่าฉันพูดสิ่งเหล่านี้ให้คุณฟังเพื่ออะไรเหรอ ?”
อารองขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่าไง”
อาสามพูดอย่างสบายๆ “ฉันพูดมามากขนาดนี้ และคุณก็รู้มากขนาดนี้” ดังนั้น…คุณกับฉันคงต้องลงเรือลำเดียวกันแล้ว
คิ้วของอารองย่นแน่นขึ้น “คุณ….นี่คือคุณบังคับกันชัดๆ”
อาสามได้หัวเราะขึ้นมา “ใครขอให้คุณถามคำถามขึ้นมามากมายขนาดนั้นล่ะ ฉันไม่มีเวลามาอธิบายให้คุณฟังก่อนเลย อยากได้คำตอบจากฉันตรงนี้ แน่นอนว่าต้องเสียสละบ้าง”
อารองมองเขาท่าทางที่พูดไม่หยุด ใบหน้าได้มืดมนทันใด ทำไมฉันต้องมาถูกควบคุมโดยคุณ
อาสามยังคงหัวเราะอยู่ เขย่าโทรศัพท์ให้อารอง “บ้านเก่าที่เมืองหนานของตระกูลลู่ ส่วนใหญ่เป็นที่ของคุณ และคนใช้ที่บ้านก็น่าจะเป็นคุณที่คัดเลือก ถ้าเกิดลู่เซิ่นรู้เรื่องล่ะก็ ในห้องของเขาถูกคนใช้แอบใส่เครื่องดักฟังไว้…คูณคิดว่า เขาจะสงสัยใครล่ะ”
“คุณ !” อาสามหน้าแดงไปด้วยความโกรธจากคำพูดที่ไร้เหตุผลของเขา “คุณจะใส่ร้ายป้ายสีฉัน ! ฉันบอกเลย ว่าไม่มีทาง !” สีหน้าของอาสามที่เย็นลง เขาโน้มตัวไปใกล้หูของอารอง กระชิบว่า “ถ้างั้นพี่รอง หรือว่าคุณต้องการหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องเลวร้ายที่คุณทำมาตลอดหลายปีนี้ ? ถ้าคุณต้องการจริงๆ ฉันมีมันอยู่ที่นี่จริงๆด้วย”
อารองหันหน้ามามองเขาอย่างแรง “คุณ !”
อาสามหัวเราะอย่างไม่แยแส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่พวกเขาอยู่ที่เมืองหนาน อยู่ไกลลับฟ้า ไม่เคยทำอะไรเลวร้ายเป็นพิเศษ แต่ในขอบเขตเล็กๆนี้เคยทำเรื่องเลวร้ายไว้ไม่น้อยเลย
อารองที่ไม่ได้คาดคิด อาสามยังมีไม้เด็ดอยู่ หลักฐานยังคงเก็บไว้
“พี่รอง” อาสามเขย่าโทรศัพท์มือถือของเขาอย่างลวกๆ “ฉันว่าแล้ว เดิมทีคุณและฉันเป็นแค่ตั๊กแตนในเส้นดาย อย่าคิดที่จะหนีอย่างไรในเวลานี้ ทำไมไม่ลองคิดดูว่า…จะทำให้ลู่เซิ่นล้มลงได้อย่างไร”
อารองก็ยังรู้สึกเหมือนไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่รีบที่จะออกไป แต่นั่งลงด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ที่ในสำนักงานผู้จัดการใหญ่
ลู่เซิ่นเอื้อมมือออกไปและปิดเสียง หน้าจอมอนิเตอร์ของห้องประชุมเล็กยังเปิดอยู่ แต่ก็ไม่มีเสียงแล้ว
ใบหน้าของสูหยิงและลู่เหวย ดูน่าเกลียดมาก จากนั้นไม่นาน ลู่เหวยก็พูดว่า พวกเขามีความคิดอย่างนี้นี่เอง
ในความเป็นจริงทรัพย์สินของตระกูลลู่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกอารองและอาสามเลย แต่เป็นสมบัติที่พ่อของลู่เหวยสะสมไว้ ความสัมพันธ์พวกเขากับ เป็นแค่ญาติห่างๆ
ในตอนแรกพ่อของลู่เหวย เพียงแค่อยากช่วยเหลือพี่น้องของเขา ดังนั้นเขาจึงจัดสรรหุ้นให้พวกเขา ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่มีจิตใจอสรพิษเช่นนี้ ไม่คิดว่าพวกเขาจะมีความคิดต่อตระกูลลู่แบบนี้
ลู่เหวยรู้ตั้งแต่เด็กว่าสองพี่นี้มีความคิดที่กระฉับกระเฉงเล็กน้อย แต่ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะมีจุดประสงค์เช่นนี้ มีแต่ใบหน้าของลู่เซิ่นเท่านั้นที่ถือว่าดูเป็นเรื่องที่ปกติ
เขายิ้มจางๆ “พวกเขาคงไม่รู้ ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน จะมีนิสัยที่ให้หลินหยังตรวจเช็คห้องก่อนทุกครั้ง ดังนั้นเครื่องดักฟังที่พวกเขาแอบวางไว้ ฉันพบมันตั้งนานแล้วและยังให้คนแอบเอาเสียงของปลอมไปวางไว้”
ลู่เหวย พยักหน้า
ถ้าอย่างนั้น เสียงที่บันทึกไว้ในมือของพวกเขา ทั้งหมดก็ของปลอมล่ะสิ
“พวกเขาจะใช้ประโยชน์ที่พวกเราขัดแย้งกันในภายใน หาพวกและโอกาสโค่นล้มฉัน” ลู่เซิ่นเม้มปากและหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ถ้าอย่างนั้นฉันต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ทำให้ฉันไม่ต้องเปลืองแรง ก็สามารถหาคนที่ไม่ภักดีต่อฉันออกมาได้ ”
” ลู่เซิ่น นายเคยคิดไหมว่า ถ้าเกิดพวกเขาโค่นล้มนายได้จริงๆจะทำยังไง?” ลู่เหวยยังไงก็ต้องระมัดระวังตัวหน่อย” ลู่เซิ่นหัวเราะอย่างเบา “พ่อ ตราบใดที่คุณกับแม่ของฉันไม่ได้โกรธฉันจริงๆพวกเขาก็ไม่สามารถโค่นล้มฉันได้อย่างแน่นอน ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูปกติมาก แต่ว่าลู่เหวยรู้สึกถึงความหมายของคำพูดนั้น
ต่อหน้าของสูหยิง เขาไม่อยากที่จะพูดอะไร เขาทำได้เพียงใช้สายตาที่ปกปิดอยู่เพื่อเตือนสติลู่เซิ่น ให้เขาทำตัวให้เหมาะสมหน่อย แต่สูหยิงไม่รู้สึกถึงความแปลกประหลาดในนั้นและพูดกับตนเอง “แน่นอนพวกเราไม่ได้จะโกรธนายจริงๆนายเป็นลูกชายเรา! มันจะเหมือนกันกับคนแปลกหน้าพวกนั้นได้ยังไง! ”
รอยยิ้มที่ประสบความสำเร็จฉายผ่านใบหน้าของลู่เซิ่น แต่ก็ถูกเขาเก็บซ่อมมันไว้อย่างรวดเร็วด้วยตนเอง
แม้ว่า ลู่เหวยจะมองเห็นได้ชัดเจน แต่มันยากที่จะพูดอะไร ได้แต่จิบริมฝีปาก
“ พ่อ แม่ ฉันจะรอให้พวกเขาลากตัวคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับฉันออกมาทั้งหมด แล้วก็… ” ลู่เซิ่นได้หัวเราะและยังพูดไม่จบ สูหยิงเข้าใจแล้วเขาหมายถึงอะไรและพยักหน้า” นายมีความอดทนก็ดี ถึงเวลานั้นถ้าต้องการความช่วยเหลือจากเราก็บอกมาได้เลย ”
ลู่เซิ่นยิ้มและพยักหน้า