Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1283
บทที่ 1283 ไม่เคยหย่า
ฉินซีซบอกของลู่เซิ่น ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ตุบๆ
มือซ้ายของลู่เซิ่นจับมือของตัวเอง แหวนส่องประกายแสง
ฉินซีรู้สึกเสียดายขึ้นมาแวบหนึ่ง
แหวนวงนี้ หลังไปจากที่นี่ คงจะไม่มีโอกาสได้ใส่บนนิ้วต่อแล้ว
พิธีแต่งงานที่มีพระเจ้าเป็นพยานแล้ว ในที่สุด กลับไม่เหลืออะไร สุดท้ายแล้วรู้สึกน่าเสียดาย
“วันนี้ไม่มีเวลา” เธอกระซิบ “ไปจดทะเบียนไม่ทัน”
ลู่เซิ่นชะงักนิดหนึ่ง ถึงค่อยเข้าใจว่ามันคือ “จดทะเบียนสมรส”
ฉินซีพยักหน้า น้ำเสียงบ่งบอกความเสียดาย “ครั้งหน้าไม่รู้จะมีโอกาส ออกมาตอนไหน”
แน่นอนว่าเธอเชื่อมั่นความรักของลู่เซิ่นที่มีต่อตัวเอง และรู้ว่าเขาสาบานต่อหน้าพระเจ้าแล้วไม่มีทางทอดทิ้งเธอ แต่เมื่อไม่มีเอกสารทางกฎหมาย สุดท้ายก็ยังรู้สึกขาดอะไรไปบางอย่าง
ลู่เซิ่นกลับหัวเราะเบาๆ “เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วงครับ”
ฉินซีรู้สึกได้ว่าคำพูดของเขามีความนัยอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วนิดๆ เงยหน้ามองเขา “หมายความว่าไงคะ”
น้ำเสียงของลู่เซิ่นแฝงด้วยอารมณ์ขัน “ไม่ต้องไปจดทะเบียนอะไรหรอก พวกเราไม่เคยหย่ากันสักหน่อย”
ฉินซีตะลึง ครู่หนึ่งค่อยรู้สึกตัว
เธอรู้สึกตื่นตะลึง ราวกับถูกค้อนทุบศีรษะ
เธอนั่งตัวตรงทันที หันไปมองลู่เซิ่น “คุณว่าไงนะคะ”
ลู่เซิ่นคิดว่าเธอได้ยินไม่ชัด จึงย้ำอีกรอบหนึ่ง “ผมบอกว่า พวกเราไม่เคยหย่าครับ”
“เป็นไปได้ไงคะ” ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองสับสน “พวกเราจะไม่เคยหย่าได้ไงกันก็สัญญาหย่านั่นฉันเซ็นเองกับมือ คุณก็เซ็นแล้ว จะไม่เคยหย่าได้ไง”
แต่ระหว่างที่เธอพูด เสียงยิ่งเบาลง
ทันใดนั้นเธอคิดถึงคำพูดที่อานหยันพูดกับเธอตอนนั้น
ครั้งนั้นเธอคิดว่าตัวเองหย่ากับลู่เซิ่นแล้ว หนีไปบ้านอานหยันดื่มเหล้าเมา สุดท้ายลู่เซิ่นมาหา แล้วพาเธอกลับ
ก่อนกลับ เขาพูดอะไรบางอย่างนะ
“รีสอร์ทชิงหยวนคือบ้านของคุณตลอดไป”
ฉินซีพึมพำ
ตอนนั้นอานหยันบอกเธอ ฉินซียังรู้สึกว่าคำพูดของลู่เซิ่นไม่ได้มีความหมายอื่น เพียงแต่จะปลอบใจเธอ แต่ตอนนี้ดูแล้วคงไม่ได้มีความหมายผิวเผิน
ที่แท้ตอนนั้นลู่เซิ่นกำลังบอกใบ้ ฉินซียังไม่ได้หย่ากับเขา
ฉินซีอยากจะหัวเราะ แต่ก็รู้สึกเคืองอยู่บ้าง
เธอเข้าใจลู่เซิ่นทำไมแกล้งหย่ากับเธอแล้ว ในเมื่อตอนนั้นสูหยิงไม่พอใจเธอหนักมาก แถมฉินซีก็เป็นคนพูดเรื่องหย่าก่อน ถ้าไม่ทำให้ทุกคนคิดว่าพวกเขาหย่ากันแล้ว เกรงว่ายากจะทำให้ทุกอย่างลงตัว
แต่คำอธิบายที่มีเหตุมีผลไม่ทำให้ความรู้สึกฉินซีเลิกตำหนิลู่เซิ่นไปได้
ถ้ารู้ว่าพวกเขาไม่เคยหย่ากัน อย่างนั้นฉินซีคงจะไม่ต้องสับสนนานขนาดนี้ และบางทีเธอคงจะไม่หวั่นไหวกับคำพูดและคลิปพวกนั้น
ถึงแม้เธอจะรู้ดี ถ้าจ้านเซินต้องการพาตัวเธอไป เขาจะต้องหาวิธีจนได้ แต่โอกาสนี้ลู่เซิ่นหยิบยื่นให้เขาเองกับมือ ทุกอย่างจึงดูน่าขัน
“ทำไมคุณไม่รีบบอกฉันล่ะคะ” ฉินซีพึมพำ
ใบหน้าลู่เซิ่นในตอนแรกมีรอยยิ้ม
เขาคิดมาตลอด จะหาโอกาสที่เหมาะสม บอกกับฉินซีว่าพวกเขายังไม่หย่ากัน
ในตอนแรกเริ่มเขาปิดบังฉินซีก็จริง เพราะเขารู้ว่า การแต่งงานของทั้งสองคนไม่ได้เริ่มต้นมาจากพื้นฐานของความรักใดๆ เขาอยากจะลองดูว่าเมื่อฉินซีหลุดพ้นข้อผูกมัดจากหนังสือทางกฎหมายนั่น จะทิ้งเขาไหม
ต่อมาเขาคิดอยากจะบอกฉินซีจริงๆ แต่ไม่มีโอกาสแล้ว
เมื่อครู่เป็นจังหวะที่ดี ฉินซีเป็นคนพูดถึงเรื่องอยากจะไปจดทะเบียนสมรสขึ้นมาเอง เขาก็เลยตามน้ำบอกเธอ ควรจะเรียกว่าเหมาะสมที่สุดถึงจะถูก
นึกไม่ถึง เมื่อเขาพูดออกไป ท่าทางของฉินซีกลับเปลี่ยนไป ค่อยๆ เงียบขรึมลง
มีอะไรไม่ถูกต้อง
ในใจลู่เซิ่นระวังตัว
แต่ยังไม่ทันพูดเสริมอะไร ก็ได้ยินฉินซีพูดเสียงขรึม “ลู่เซิ่น แกล้งกันอย่างนี้ สนุกมากไหมคะ”
ลู่เซิ่นรู้สึกหนาวเยือก คดีใส่ร้ายทั้งโลกนี้ไม่มีทางกล่าวหาว่าเขาผิด “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่ได้คิดจะแกล้งคุณ คุณก็รู้นี่ ตอนนั้นสถานการณ์มันเป็นยังไง”
“แต่ตอนหลังคุณมีโอกาสเยอะแยะที่จะบอกฉันนี่คะ” ฉินซีตีสีหน้าขรึมตัดบทเขา
ลู่เซิ่นอ้าปาก แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออก
ระหว่างสองคนเงียบงันไปอีกครั้ง แต่ต่างกับความเงียบที่อบอุ่นก่อนหน้านี้ สีหน้าของฉินซีมีแววตำหนิ แต่ลู่เซิ่นหลบสายตา ไม่มองหน้าเธอ
สุดท้ายเป็นเสียงเคาะประตูของถังย่าที่ขัดจังหวะทั้งสองคน
“ยังเหลืออีกหนึ่งนาที รีบบอกลากันเถอะ”
สองคนที่อยู่ในห้องขยับตัวเพราะเสียงของเธอ
สุดท้ายฉินซีสูดหายใจลึก ลุกขึ้น
สายตาของลู่เซิ่นยังอาลัยอาวรณ์สุดซึ้ง ทำให้ความโกรธของเธอเมื่อครู่สลายหายไปในพริบตา
เธอถอนหายใจเบาๆ ยื่นมือไปจับคางลู่เซิ่น น้ำเสียงมีแววขู่ “วันหน้าวันหลังอย่าหลอกฉันอีกนะคะ”
แต่ขณะที่เธอขู่ในสายตาลู่เซิ่นเหมือนแมวน้อยกางกรงเล็บ แสร้งทำเป็นคำรามดุร้าย ดูเหมือนโหดเหี้ยมมาก ที่จริงไม่ได้จะโจมตีอะไร
เขาเห็นฉินซีแกล้งทำท่าดุ ในสายตายิ้มขัน รู้ว่าเธอไม่โกรธแล้ว ก็ยิ้มบางๆ พลิกมือมาจับมือเธอ กระซิบ “ครับ วันหลังผมจะไม่ทำแบบนี้อีก”
ฉินซีถูกรอยยิ้มของเขาดึงดูด จากการนำของเขา เธออดไม่ได้ที่จะก้มลง
ขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองกำลังเคลื่อนเข้าหากัน ประตูห้องของลู่เซิ่นก็ถูกเปิดออก
“ถึงเวลาแล้วค่ะ” สายตาของถังย่ากวาดตามองทั้งสองคนที่ใกล้ชิดกัน ยิ้มพลางพูดแหย่ “พวกเธอไม่ได้ล็อกประตูเอง ว่าฉันไม่ได้นะ”
ฉินซีถูกถังย่าเห็นเข้า สีหน้าเก้อเขิน อยากจะลุกขึ้น แต่ลู่เซิ่นกลับยื่นคอ มาประทับจูบฉินซีเสียงดัง
ทันใดนั้นฉินซีหูแดง
แม้แต่ถังย่าก็ทำหน้าไม่ถูก แม้แต่การแสดงออกเชิงล้อเล่นก็ยังลืมไปสนิท
มีแต่ลู่เซิ่นที่สีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ลุกขึ้นจากเตียง จูงมือฉินซีเดินไปหาถังย่า
“ดูแลเธอดีๆ นะคับ”
ถังย่าใช่ว่าไม่เคยร่วมงานกับลู่เซิ่นแต่ไม่เคยเห็นลู่เซิ่นจริงจังขนาดนี้แม้แต่การทำสัญญาที่สำคัญที่สุดก็ตาม
คำพูดล้อเล่นในตอนแรกก็กลืนลงไป พยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วถอยไปก้าวหนึ่ง หันเดินไปอีกทางของระเบียง
ฉินซีเม้มริมฝีปาก สุดท้ายหันมามองลู่เซิ่นแวบหนึ่ง เหมือนกับตัดสินใจได้แล้ว ยกชายกระโปรงชุดแต่งงานแสนหนัก เดินตามถังย่าไป
ลู่เซิ่นยืนพิงประตู มองตามเงาของฉินซีที่หายลับไปตรงมุมหนึ่งของระเบียง ไม่หันกลับมามองสักครั้ง