Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1292
บทที่ 1292 แหวนแต่งงาน
ฉินซีรู้ ที่จ้านเซินพูดแบบนี้ ก็แปลว่าเขาผ่านบททดสอบของเขาแล้ว
เธอถอนหายใจเบาๆภายในใจด้วยความโล่งอก รู้ว่าตัวเองยังแสดงสีหน้าอะไรไม่ได้ทั้งนั้นตอนนี้ เธอจึงพยักหน้าเป็นนัยๆ ก่อนตอบรับ “ค่ะ”
จ้านเซินมองไปยังเธอ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ตอบรับตรงๆแบบนี้เลย?”
ฉินซียิ้มเย็นภายในใจ เธอไม่ตอบรับได้หรือ?
เธอลดระดับสายตา พูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “จริงๆแล้วไม่ควรเลี้ยงดูคนไร้ค่านะคะ”
จ้านเซินนิ่งไปนิด ก่อนหัวเราะออกมาเต็มเสียง
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงโบกมือไปมาเท่านั้น
ฉินซีรู้ ว่าตัวเองควรพักผ่อนได้แล้ว เธอลุกขึ้นก่อนเดินตรงไปยังที่นั่งของตัวเอง
ด้วยความเครียดที่สะสม ทำให้พอหลับตาเธอก็จมลงสู่ห้วงนิทราทันที
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เครื่องบินก็ลงจอดแล้ว
ฉินซีเดินออกมาจากห้องเคบิน พลันกลิ่นความชื้นและกลิ่นเค็มของน้ำทะเลก็ลอยมาปะทะเข้าที่จมูกทันที ทันใดความรู้สึกที่ว่าตัวเองจากที่นี่ไปสองวันคล้ายจะเป็นเพียงแค่จินตนาการเท่านั้น
แต่เมื่อล้วงมือเข้าไปสัมผัสกับแหวนแต่งงานในกระเป๋าเสื้อ ฉินซีก็กล้ามั่นใจ ว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่ผลิตผลของจินตนาการจากสมองของเธอ
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ก็คล้ายกับว่าเธอได้เติมพลังความกล้าหาญเข้ามาในหัวใจ
เมื่อคืนวานเธอรู้สึกประหม่าเกินไป จึงไม่ได้สังเกตอะไร แต่เมื่อตอนนี้ได้ขบคิดอย่างละเอียดจึงได้ตระหนักรู้ถึงปัญหาที่สำคัญที่สุด — —
ในเมื่อจ้านเซินไว้ใจให้เธอทำภารกิจ นั่นหมายความว่า การกระทำของฉินซีในภายหลังจะไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป
ตราบใดที่เธอมีเหตุผลที่จะออกไปจากเกาะนี้ ภายหลังฉินซีจะออกไปไหน ก็เป็นเธอเองที่สามารถตัดสินใจได้
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปในทิศทางที่ดี
เรื่องเข้าใจผิดระหว่างเธอกับลู่เซิ่นก็ได้ถูกแก้ไข จะได้จัดงานแต่งงานกับชายที่เธอรักตามใจปรารถนา พันธนาการจากองค์กรก็จะคลายลง คงจะได้เจอลู่เซิ่นง่ายกว่านี้
ฉินซีปลอบใจตัวเอง
กัดฟันทนไปอีกนิดเดียวเท่านั้น บางทีคงจะเห็นความหวัง
เมื่อกลับมาถึงเขตฐาน ดูเหมือนจ้านเซินจะถูกรายล้อมไปด้วยงานมากมายทันที ฉินซีดีใจที่จะได้ออกไปเอง
เมื่อปิดประตูห้องพักลง ฉินซีเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยสีหน้าสงบ
แต่เมื่อประตูห้องน้ำปิดลง ความสงบของเธอก็พลันสลาย เธอแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะหยิบแหวนแต่งงานขึ้นมา
เมื่อวานทุกอย่างดูเร่งรีบไปเสียหมด จนเธอไม่มีโอกาสที่จะหยิบมาดูดีๆ
แหวนแต่งงานของเธอดูเหมาะสมกับรสนิยมของฉินซีมาก มันดูเรียบง่ายทว่าสง่า แหวนวงเล็ก ตรงกลางประดับด้วยเพชรเม็ดงาม ส่องแสงระยิบแม้อยู่ในห้องน้ำ
ฉินซีลูบแหวนไปมา อดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงฉากที่เขาสวมแหวนให้เธอ พลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนมุมปากงาม
ทันใด – เธอรู้สึกว่าปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงความเรียบไม่เสมอกันบนตัวแหวน
ฉินซีก้มลงไปสำรวจดูอย่างพินิจพิเคราะห์อย่างระมัดระวัง
รอยนูนที่ขึ้นลงเรียบเนียนไม่เสมอกันบนตัวแหวนนั้นมาจากที่ลู่เซิ่นสลักชื่อไว้บนแหวนนั้นนั่นเอง
ตัวอักษรสลักนั้นไม่มีอะไรแปลกใหม่ มีเพียงอักษรภาษาอังกฤษตัว L และ Q สองเท่านั้น อยู่แนบชิดใกล้กันราวกับว่า จะเป็นตัวแทนของคนสองคนที่อยู่ห่างกันพันไมล์
มุมปากของฉินซียกยิ้มกว้างกว่าเดิม ภายในใจไม่อาจกักเก็บความสุขเอาไว้ได้
ลู่เซิ่นพูดในตอนแรกว่า งานแต่งได้ถูกจัดเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว และเธอยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่หลังจากได้เห็นชุดแต่งงานที่เหมาะกับเธออย่างสมบูรณ์แบบกับแหวนแต่งงานที่ออกแบบมาเพื่อเธอวงนี้ และหากฉินซียังคงสงสัย ก็คงเป็นความผิดของเธอเอง
ฉินซีถอนหายใจเบาๆ เอื้อมมือดันแหวนใส่เข้าไปจนสุดโคนนิ้ว
แหวนวงนี้เข้ากับมือเธอมาก ถึงแม้จะกระทบกับแค่แสงในห้องน้ำ แต่ยังคงส่องแสงระยิบงามตา น่าเสียดายที่มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่สามารถชื่นชมมันตอนนี้ได้
วงแหวนนี้คงถูกลิขิตไม่ให้ต้องกับแสงอาทิตย์
ฉินซีจ้องมองไปยังแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธออยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้าย และถอดมันออกช้าๆ
เธอไม่รู้ว่าลู่เซิ่นจัดการอย่างไรกับแหวนแต่งงานของเขา อาจจะใส่มันเลยพร้อมที่จะโอ้อวดคนทั่วทั้งสารทิศ แต่ด้วยตอนนี้ เธอคงไม่เสี่ยงที่จะสวมลงบนนิ้วเป็นแน่
แม้เธอจะพอรู้ว่า เมื่อความวุ่นวายของวันนี้จบลง จ้านเซินก็คงลดความระมัดระวังในตัวลู่เซิ่นมากขึ้น ตราบใดที่ไม่เกิดเรื่องอะไรกับตัวเอง เขาก็คงไม่ไปสนใจอะไรในตัวลู่เซิ่นอีก และก็คงไม่สนใจแหวนบนนิ้วของลู่เซิ่นมากนัก ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เธอไม่อาจจะเสี่ยงสวมมันได้เหมือนเขา
ถ้าหากจ้านเซินรู้เข้า เรื่องที่พยายามมาตั้งแต่ต้นจะสูญเปล่า
ฉินซีถอนหายใจอีกครั้ง กุมแหวนแต่งงานไว้ในมือ ทันใดเธอก็เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ว่า เธอมีสร้อยคอติดมาด้วย
เธอปลดตะขอของสร้อยคอ ก่อนจะนำแหวนคล้องเข้าไป
ถ้าทำวิธีนี้เธอจะได้ห้อยแหวนไว้บนคอเธอตลอดเวลา
สร้อยคอนี้เป็นของขวัญที่ลู่เซิ่นมอบให้เธอ เธอพบเข้าตอนที่เธอจัดเก็บกระเป๋า ฉินซีไม่มีโอกาสที่จะโยนทิ้งมันไป ไม่คิดว่าจะเก็บไว้จนถึงทุกวันนี้ และมีประโยชน์เสียด้วย
แม้ว่าสร้อยคอมันจะไม่ได้ทำให้ปลอดภัยขนาดนั้น แต่ฉินซีก็ไม่ไว้ใจที่จะทิ้งแหวนของเธอไว้ที่นี่
นี่เป็นวิธีเดียวที่เธอจะสามารถพกไว้ใกล้ตัวได้ตลอด
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอก็เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำและจัดการเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ความรู้สึกเหนื่อยล้าถาโถมมาอีกครั้ง
แม้ว่าขากลับเธอจะหลับบนเครื่องบินก็ตาม แต่ที่นั่งบนเครื่องก็ไม่เหมาะที่จะนอน ตอนนี้ฉินซีก็รู้สึกหนักอึ้งบนเปลือกตาเสียแล้ว
เมื่อมองดูแล้วไม่มีอะไรให้เธอต้องทำ เธอดึงผ้าม่านให้ลงมาปิดสนิท แช่น้ำเสร็จ และจะเตรียมนอนพักผ่อนทันที
เธอกะว่าจะให้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วค่อยตื่นขึ้นมาเสียหน่อย
ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเคาะประตูหน้าห้อง ฉินซีคงจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็วันรุ่งขึ้น แต่เสียงเคาะประตูก็ยังคงปลุกเธอจากนิทราอย่างต่อเนื่อง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองเวลา ก่อนจะสงสัย
ใครมาหาเธอในเวลานี่กันนะ?
ทันใดเธอก็นึกถึงจ้านเซินขึ้นมาทันที
แต่ความคิดนี้ก็ถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็ว
ถ้าจ้านเซินอยากเข้ามาละก็ เขาจะเคาะประตูก่อนและเปิดเข้ามาเลย คงไม่อดทนรอเคาะเพื่อเรียกเธอให้เดินไปเปิด
แต่นอกจากจ้านเซิน เธอก็คิดไม่ออกอีกว่าจะเป็นใครไปได้
ด้วยความสงสัย ฉินซีจึงลุกจากเตียงและค่อยๆเดินไปยังประตู
ประตูถูกเคาะอีกครั้ง
แรงที่ใช้ในการเคาะประตูไม่ได้หนัก อีกทั้งยังมีความสุภาพไม่ได้รีบเร่ง ฉินซีฟังจากเสียงเคาะเธอจึงค่อนข้างมั่นว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ทำอันตรายเธอแน่ คิดได้ดังนั้นเธอจึงยื่นมือออกไปเปิดประตูโดยไม่ลังเล คนที่รออยู่ข้างนอกกลับเป็นคนที่เธอคาดไม่ถึงเสียนี่
“ถังย่า?” ดวงตาของฉินซีเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
สีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของถังย่า เธอโบกมือทักฉินซี ก่อนยื่นเอกสารที่เธอถือมาตรงหน้าเธอ “ฉันแค่มาส่งของให้เธอ”
ฉินซีเม้มปาก มีหลายสิ่งที่เธอต้องการอยากจะถาม แต่เธอก็รู้ ว่าที่นี่คือองค์กรใหญ่
ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเธอ ได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด