Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1315
บทที่ 1315 สาขาเมืองหนาน
“ที่จ้านเซินต้องการให้คุณอยู่ที่นี่…..มีบอกเหตุผลหรือเปล่า” ลู่เซิ่นเอ่ยปากถาม
ฉินซีชะงักไปชั่วขณะ
เธอรู้ดีที่ลู่เซิ่นถามแบบนี้ คงเพราะเกิดความสงสัยขึ้นในใจแล้ว
“ไม่มี” ฉินซีตอบไปตามความจริง “ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจกะทันหันเช่นนี้”
สีหน้าลู่เซิ่นหม่นลง :“ถึงอย่างไร…..คุณก็ต้องระวังตัวด้วยนะ”
ฉินซีพยักหน้ารับ แล้วทั้งคู่ต่างเงียบไปสักพัก
เป็นลู่เซิ่นที่กระแอมปรับเสียงในลำคอ ให้เป็นเสียงดีใจแล้วก็เปลี่ยนหัวข้อเรื่องสนทนา : “ถ้าอย่างนั้น ในช่วงนี้คุณก็จะต้องอยู่ที่เมืองหนานใช่ไหม”
เนื่องด้วยฉินซีเมื่อสักครู่เพิ่งจะบอกข่าวนี้ให้กับเขาด้วยความดีใจ แต่ตัวเขา…..นอกจากเป็นห่วงแล้ว เขานั้นก็รู้สึกดีใจกับข่าวนี้ด้วยเช่นกัน
ขอเพียงแค่ไม่ต้องกลับไปที่องค์กรใหญ่ การพบกันของพวกเขาทั้งคู่ก็จะเป็นเรื่องที่ยิ่งง่ายมากขึ้น ยิ่งอยู่เมืองหนานด้วย อำนาจของตระกูลลู่เกือบจะแทบปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือเดียวได้ ก็ยิ่งง่ายต่อการสร้างโอกาสในการพบเจอกันของคนทั้งคู่
กำลังครุ่นคิดอยู่ ลู่เซิ่นจึงได้หยุดความสงสัยที่มีต่อจ้านเซินไว้ชั่วคราว
หากทหารมาจะใช้ขุนพลในการต้าน หากน้ำมาจะใช้ดินในการต้าน ไม่ว่าจะมาไม้ไหนก็ไม่ยำเกรง ยิ่งเป็นเมืองหนาน เขาย่อมได้เปรียบกว่า
ต่อให้จ้านเซินมีจุดประสงค์อื่นจริงๆ เขาก็สามารถรับมือได้ ทำไมต้องกังวลจนทำให้โอกาสที่จะได้เจอกันได้ง่ายๆกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น
ทางฝั่งคู่สายนั้น เสียงฉินซีได้เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายขึ้น : “ใช่ ฉันคงจะอยู่ที่เมืองหนานสักพัก”
ลู่เซิ่นยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากพูด ฉินซีก็เหมือนคิดอะไรได้ น้ำเสียงจึงตึงเครียดขึ้น :“คุณหมอได้สั่งกำชับให้คุณพักผ่อนเยอะๆหรือเปล่า!”
ลู่เซิ่นถึงกับเป็นใบ้ไปชั่วขณะ แพทย์ประจำตัวของเขาและเวินจิ้ง…..ก็บอกเช่นนั้น
สาเหตุโรคกระเพาะของเขาส่วนหนึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการพักผ่อนที่น้อยเกินไป ความเครียดสะสมก็ส่งผลต่อกระเพาะทำงานหนักมากขึ้น
เมื่อเห็นลู่เซิ่นเงียบ ฉินซีก็พอจะนึกออก จึงสั่งสอนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม : “ไม่พูดแล้ว คุณรีบไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปเยี่ยมคุณ”
แน่นอนว่าเธออยากจะไปตอนนี้ใจแทบขาด แต่ว่าตอนนี้เธอยังไม่ทราบถึงการสอดส่องเธอนั้นอยู่ในขั้นไหน ดังนั้นจะทำอะไรผลีผลามไม่ได้
ลู่เซิ่นมีชีวิตอยู่จนถึงป่านนี้ ก็ยังไม่เคยถูกใคร “ออกคำสั่ง” เช่นนี้ จึงรู้สึกเป็นเรื่องที่น่าขำ แต่ก็พยักหน้ารับ : “ครับ”
ทั้งคู่พูดร่ำลาอีกสองสามคำ จึงได้วางสายโทรศัพท์ลง
หน้าจอโทรศัพท์ค่อยๆดับลง ลู่เซิ่นก้มหน้าจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ เมื่อรู้ว่าคนรับใช้เคาะประตูเข้ามา จึงได้เก็บอาการของสีหน้าขึ้น
“ประธานลู่ พักผ่อนได้แล้ว” คนรับใช้ก้มหน้าพูดอย่างระมัดระวัง
ลู่เซิ่นก็ยิ่งนึกถึงคำพูดแบบนี้ของฉินซีที่น้ำเสียงเมื่อสักครู่“ดุดัน” จนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ถ้าหากถูกคนรับใช้เห็นรอยยิ้มนี้ คงจะต้องตกใจแน่ๆ
“ครับ” เขาขานรับ แล้วก็ลุกยืนขึ้น
คนรับใช้ถึงกับประหลาดใจและมองดูเขาที่วันนี้ว่านอนสอนง่าย แต่เมื่อเห็นเขานั้นนอนลงบนเตียงแล้วจริงๆ ถึงได้วางใจแล้วเดินไปปิดประตูของห้องผู้ป่วยลง
และอีกฝั่งหนึ่งของเมืองหนาน ฉินซีที่อยู่เขตในสาขาขององค์กรก็ได้ปิดไฟลงเช่นกัน ได้ทอดกายลงบนเตียง แล้วก็หลับตาลง
วันนี้ผ่านเรื่องราวต่างๆมากมาย ทำให้ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจของเธอนั้นรู้สึกเหนื่อยล้ามาก เมื่อทอดตัวลงนอน เธอก็ค่อยๆหลับใหลไปในที่สุด
……
เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน ฉินซีเพ่งมองที่เพดานในห้องนอน ที่ยังคงไม่รู้สึกชิน
ฉันได้ออกมาจากที่ตรงนั้นแล้ว ไม่ต้องถูกจ้านเซินสอดส่องดูตลอดเวลาอีกแล้ว
สองประโยคนี้ทำให้ดวงตาของฉินซีเป็นประกายวับขึ้น เธอยกผ้าห่มออก แล้วก็ลุกนั่งแล้วมองไปรอบๆอีกครั้ง
ที่นี่ไม่ใช่องค์กรใหญ่ ห้องนี้เตรียมไว้ให้กับผู้ดูแลของสาขา คงไม่น่าจะมีการติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมไว้ล่วงหน้า
ถ้าเป็นเพราะเธอมาที่นี่ แล้วทำการติดตั้งชุดดักฟังและอุปกรณ์สอดแนม ก็จะต้องมีการทิ้งร่องรอยเอาไว้
เมื่อคืนตอนที่ฉินซีได้โทรหาลู่เซิ่นนั้นได้เปิดเครื่องตัดสัญญาณเอาไว้ ซึ่งก็เป็นอุปกรณ์ที่เธอใช้ขณะที่เข้าห้องนั้นตอนที่อยู่บนเรือสำราญเพื่อขโมยเอกสารบ่อน้ำมัน
แต่ว่า…..อุปกรณ์แบบนี้ไม่สามารถที่จะใช้ทุกวันได้ ดังนั้นอาศัยช่วงที่มีแสงสว่างในตอนนี้ เธอต้องรีบทำการสำรวจภายในห้องอย่างละเอียด
ฉินซีเคยได้รับการฝึกฝนในการค้นหาเครื่องดักฟัง เธอมั่นใจว่าองค์กรไม่น่าจะมีอุปกรณ์ที่เกินความสามารถในการค้นหาของเธอได้
ดังนั้นจึงได้สำรวจรอบๆภายในห้องอย่างละเอียด มั่นใจว่าไม่มีการติดตั้งชุดอุปกรณ์ดักฟัง ฉินซีจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็เริ่มสงสัยมากขึ้น——จ้านเซินต้องการทำอะไรกันแน่
แต่การสงสัยไม่ได้นำมาซึ่งผลลัพธ์ใดๆ ฉินซีจึงต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจชั่วคราว เพื่อเตือนตัวเองให้ระวังตัวตลอดเวลา จากนั้นจึงไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายแล้วก็ออกไป
ที่ทำการของสาขาเป็นบ้านสไตล์ตะวันตกห้าชั้น ฉินซีพักอยู่ชั้นบนสุด ทั้งชั้นล้วนเป็นพื้นที่ส่วนตัวของผู้ดูแล ส่วนชั้นสี่นั้นเป็นห้องพักรับแรงแขก ที่เตรียมไว้ให้พนักงานขององค์กรที่มาเยี่ยมเยือนได้พักอาศัย และตั้งแต่ชั้นสามลงไปนั้นเป็นห้องสำนักงาน
ทั้งหมดนี้เมื่อวานเหล่าหวางเป็นคนแนะนำให้ฉินซี แต่ไม่ทราบว่าเนื่องด้วยเมื่อคืนนั้นดึกเกินไป หรือเป็นเพราะความตั้งใจของเหล่าหวาง ที่ทั้งตึกนั้นนอกจากพวกเขาแค่สองคนแล้ว ก็ไม่เห็นมีคนที่สามอยู่ในที่ตรงนั้น ที่นั่งทำงานตั้งแต่ชั้นแรกถึงชั้นสามนั้นล้วนว่างเปล่า
แต่วันนี้กลับแตกต่าง ที่นั่งว่างเปล่าจากเมื่อคืน ตอนนี้มีคนนั่งเต็ม ฉินซีเพ่งมองไป กลับไม่สามารถนับได้ว่ามีจำนวนกี่คนที่นั่งทำงานอยู่ในสำนักงาน
ไม่นานพนักงานเหล่านั้นก็เห็นการปรากฏตัวของฉินซีขึ้นในทันใด
ขนาดองค์กรมีขนาดที่ใหญ่มาก แต่สมาชิกหลักนั้นมีแค่ส่วนน้อย สมาชิกหลักเหล่านี้นอกจากผู้ดูแลของแต่ละสาขาแล้ว หลักๆก็จะอยู่ที่องค์ใหญ่บนเกาะ ส่วนสมาชิกกับองค์กรที่เหลือเป็นเพียงความสัมพันธ์ในการว่าจ้างธรรมดา พวกเขาจะไม่สามารถรับรู้ความลับขององค์กร และจะไม่สามารถเข้าร่วมภารกิจขององค์กรได้ พวกเขาส่วนมากมองที่นี่เป็นเพียงบริษัทที่ลึกลับเท่านั้น
ดังนั้นคนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าของฉินซี ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงสมาชิกธรรมดา
พวกเขาคงได้รับการแจ้งเตือนว่าที่นี่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ดูแล แต่คงไม่รู้ว่าเปลี่ยนเป็นใคร
มองฉินซีเดินลงมาจากชั้นบน พวกเขาก็เกิดการคาดเดาสถานะของเธอขึ้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก
จนในที่สุดเหล่าหวางปรากฏตัวได้ทันเวลา
“มา ผมขอแนะนำให้กับทุกท่าน ว่านี่คือผู้ดูแลคนใหม่ของพวกเรา คุณฉินซี”
หลังจากที่ทุกอย่างหยุดไปชั่วขณะ ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครคนแรกที่เริ่มต้นการปรบมือให้
ต่อหน้าสายตาผู้คนฉินซีก็ไม่รู้สึกประหม่า เมื่อพยักหน้ารับไปรอบๆแล้ว ก็ถูกเหล่าหวางดึงตัวออกไป
“ทั้งหมดนี้เป็นพนักงานธรรมดาทั่วไปของที่นี่ คุณทำความเข้าใจคร่าวๆก็พอ” เหล่าหวางพูดกับฉินซีด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “คนที่สำคัญๆนั้น ผมได้ให้พวกเขารอคุณอยู่ที่ห้องประชุมแล้ว”
ฉินซีเข้าใจดีกับคำว่า “สำคัญๆ” จริงๆแล้วก็คือโฉมหน้าผู้ที่รู้ความลับขององค์กรนั่นเอง