Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1319
บทที่ 1319 ตรวจสอบเวินจิ้ง
เป็นฉินซีที่ปล่อยมือก่อน หันไปจ้องหน้ากับลู่เซิ่นที่ยืนนิ่ง : “หลังจากกลับไปแล้ว…..อย่าลืมโทรหาฉันนะ”
ลู่เซิ่นเม้มปาก ใบหน้าอมทุกข์อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่หลังจากเงียบอยู่สักพัก ก็พยักหน้าขึ้น
หลินหยังถึงได้ถอนหายใจโล่งอกออกมา มองดูทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วจึงคิดว่าพวกเขาทั้งคู่คงต้องการร่ำลากันตามลำพัง และรู้ว่าควรทำอย่างไร จึงได้เดินออกจากห้องผู้ป่วยไป จากนั้นก็ปิดประตูห้องลง
ลู่เซิ่นเดินก้าวไปข้างหน้าทันที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่หลินหยังปิดประตูลง แล้วยื่นมือไปคว้าฉินซีมากอดไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง
ฉินซียอมรับการกอดลาชั่วคราวนั้นแต่โดยดี และรู้ดีว่าการพรากจากลากันครั้งนี้คงไม่น่าจะนาน การพบเจอกันใหม่คงจะอยู่ในเร็วๆนี้ ความเจ็บปวดจากการกอดลาในครั้งนี้ไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งก่อนๆ
เวลาที่กอดกัน ทั้งคู่ต่างไม่พูดไม่จา
หลินหยังที่รอต่อไปไม่ไหว จึงได้มาเคาะประตูเบาๆ ฉินซีถึงได้โผล่ศีรษะออกจากอ้อมกอดของลู่เซิ่น แล้วค่อยๆผลักตัวออก : “ได้เวลาที่คุณต้องไปแล้ว”
ลู่เซิ่นเม้มปาก แล้วก้มหน้าลงจูบที่ริมฝีปากของฉินซีเบาๆ ทิ้งบางประโยคที่ข้างหูของฉินซีราวกับให้คำมั่นสัญญา : “รออีกหน่อยนะ ผมไม่ยอมให้ชีวิตดำเนินไปแบบนี้อีกต่อไป”
เมื่อพูดจบ เขาก็ได้ปล่อยมือแล้วก้าวถอยออกไป
ฉินซียิ้มเบาๆ
เธอก็อยากจะพูดประโยคนี้เช่นกัน
เธอรู้ดีกว่าใครๆว่าทำไมลู่เซิ่นถึงต้องพยายามมากเช่นนี้ แต่ว่าเรื่องนี้…..เป็นเพราะเธอ ถ้าต้องพยายามจริงๆ เธอต่างหากที่สมควรต้องเป็นคนพยายามมากกว่าถึงจะถูก
รอฉันหน่อยนะลู่เซิ่น รอให้ฉันมีโอกาสที่เหมาะสม ฉันจะต้องถอนตัวออกจากองค์กรอย่างแน่นอน
ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันอยู่สักพัก จนกระทั่งหลินหยังเคาะประตูอีกครั้ง ลู่เซิ่นถึงหันไปบิดประตู
ไม่มีใครกล่าวคำอำลา ลู่เซิ่นก็ไม่มีการหันหลังกลับมามอง ผลักประตูแล้วก็เดินจากไป
แต่กลับเป็นหลินหยังที่พยักหน้าให้กับฉินซี จากนั้นก็เดินตามลู่เซิ่นไปอย่างรีบร้อน
ฉินซีถอนหายใจ และค่อยๆก้มศีรษะลง เมื่อเสียงฝีเท้าของลู่เซิ่นได้หายไปในที่สุด
ตอนนี้เมื่อลู่เซิ่นจากไปแล้ว เธอกลับสงบสติแล้วคิดทบทวนอย่างใจเย็น
ความจริงเวินจิ้งก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยตอนที่อยู่ในห้องผู้ป่วย เพียงแต่ตัวเองแค่อคติกับสถานะของเธอ ถึงได้อ่อนไหวเช่นนั้น
แต่สิ่งนี้ได้เตือนเธอขึ้น
ฉินซีดูเหมือน…..ไม่เคยมีการตรวจสอบเวินจิ้งมาก่อน
ข่าวสารของเวินจิ้งที่เธอรับรู้นั้นล้วนมาจากลู่เซิ่น
ไม่ใช่เกิดความสงสัยในตัวเวินจิ้ง เพียงแต่จู่ๆฉินซีแค่รู้สึกอยากรู้เรื่องของเวินจิ้งเท่านั้น
เธอเป็นคนอย่างไร ทำไมถึงยอมตกลงง่ายๆกับคำขอร้องของลู่เซิ่นที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ เธอได้รับผลประโยชน์อันใดจากการรับปากในครั้งนี้ ฉินซีแทบจะรอไม่ไหวที่จะไปหาคำตอบ
ขั้นตอนการทำเรื่องออกโรงพยาบาลของลู่เซิ่นได้ทำเสร็จแล้ว สักพักก็มีคนมาเก็บของที่ห้องผู้ป่วย ฉินซีก็ไม่รีรอ รีบเดินออกไปทันที
เมื่อกลับมาถึงที่สาขา เวลาก็ใกล้หกโมงเย็น
ฉินซีเดินเข้าประตูไป พบว่าทุกคนในนั้นกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน
พนักงานธรรมดาเหล่านี้มีความแตกต่างจากสมาชิกองค์กรห้าคนที่เธอเจอเมื่อเช้า พวกเขาเห็นที่นี่เป็นเพียงบริษัทเท่านั้น และไม่ได้ผ่านการเรียนรู้จากองค์กร เป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปที่มีทั้งความทุกข์และความสุข
เพราะฉะนั้น…..การเข้าสังคมกลายเป็นเรื่องที่จำเป็นขึ้นมา
“ทุกท่านโปรดรอสักครู่” ฉินซีพูดเสียงสูง
ทุกคนจึงได้หยุดการเคลื่อนไหวแล้วหันมองมาที่เธอ
ฉินซียิ้มเบาๆ : “วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันมาทำงานที่นี่ จึงอยากจะเรียนเชิญทุกท่านทานอาหารร่วมกัน ทุกท่านโปรดจงให้เกียรติ”
สำหรับพวกเขาแล้ว ฉินซีถือว่าเป็นนายใหญ่ของพวกเขา ดังนั้นย่อมไม่มีคนปฏิเสธอย่างแน่นอน
ฉินซีได้จองร้านอาหารไว้แล้ว ทุกๆคนจึงได้ไปกันอย่างคึกคัก เธอแวะไปนั่งแต่ละโต๊ะอย่างให้เกียรติ จากนั้นก็สั่งให้เก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากเธอ แล้วถึงได้จากไป
ถ้าเธออยู่ ทุกคนจะรู้สึกอึดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง จึงจากไปก่อนเพื่อเหลือช่องว่างให้พวกเขา
ฉินซีเดินออกจากร้านอาหาร โบกมือเรียกรถมาหนึ่งคัน แล้วกลับไปที่สาขาเพียงคนเดียว
อาจเป็นเพราะอยู่ที่องค์กรมานาน กลับคุ้นชินความเหงาเช่นนี้กว่าความคึกคักเมื่อสักครู่
…..หรือบางทีความคึกคักของพวกเขา ไม่ใช่สิ่งแบบที่ฉินซีต้องการ
เมื่อคิดถึงพวกเขาที่ทำงานให้กับองค์กรโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ฉินซีรู้สึกว่าไม่รู้ว่าพวกเขาน่าสงสารดีหรือโง่เขลา
สักพักรถก็พาเธอกลับถึงที่สาขา ฉินซีก็รีบผลักประตูเข้าไป และเดินตรงไปที่ห้องพักของตัวเอง
ปิดประตูเสร็จ เป็นครั้งแรกที่เธอเปิดคอมพิวเตอร์ของที่นี่
เป็นธรรมดาที่องค์กรได้เตรียมคอมพิวเตอร์ไว้สำหรับเธอเพื่อค้นหาขั้นสูงของข้อมูลบางอย่าง รวมไปถึงสิทธิ์การเข้าถึงฐานข้อมูลของบุคลากรต่างๆ
ดังนั้นการที่ฉินซีต้องการจะหาข้อมูลของคนปกติทั่วไป แทบจะเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ
ครั้นแล้วแม้แต่วินาทีเธอก็ไม่ยอมให้สูญเปล่า จึงได้เปิดระบบฐานข้อมูลขององค์กร และทำการเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีของตัวเอง จากนั้นก็พิมพ์ “เวินจิ้ง”สองคำนี้ แล้วก็กดปุ่มค้นหา
ไม่นานก็มีข้อความปรากฏที่หน้าจอ
สักพักฉินซีก็สแกนอ่านเจอเนื้อหาที่เธอต้องการ หลังจากที่กดเข้าไปดู และทำการสแกนแวบหนึ่ง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
บรรทัดแรกของเนื้อหานั้นเขียนไว้อย่างชัดเจน
“เวินจิ้ง เพศหญิง สมรสแล้ว”
“สมรสแล้ว” สามคำนี้เหมือนดั่งกริชแทงทะลุดวงตาของฉินซี เธอแทบจะรวบรวมสติของตัวเองทั้งหมด แล้วบังคับให้ใจเย็นๆ
ปฏิกิริยาแรกของฉินซีคืออยากรู้ว่า —— เธอนั้นแต่งงานกับลู่เซิ่นใช่หรือไม่
ที่เธอมีความสงสัยเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะเธอไม่เคยเห็นใบสมรสของตัวเองกับลู่เซิ่น
ในความทรงจำทั้งหมดของฉินซี มีเพียงตัวเองที่ได้เซ็นใบหย่าเท่านั้น
ไม่เคยได้เห็นใบหย่า และก็ไม่เคยได้เห็นใบทะเบียนสมรส สำหรับข่าวที่บอกว่าเธอกับลู่เซิ่นไม่ได้หย่ากันจริงๆนั้น มีเพียงคำพูดฝ่ายเดียวของลู่เซิ่น
แต่ฉินซีเลือกที่จะเชื่อลู่เซิ่น เพราะว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโกหกตัวเองในสถานที่แบบนี้
อย่างนั้น….. เวินจิ้งแต่งงานแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องแต่งกับลู่เซิ่น แต่กลับแต่งกับคนอื่น
เรื่องราวกลับยิ่งตาลปัตร
ลู่เซิ่นกับเวินจิ้งทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างมีครอบครัวแล้ว แต่กลับมาแสดงว่าเป็นคู่รักต่อหน้าคนอื่น
ลู่เซิ่นทำแบบนี้เพราะมีเรื่องที่ลำบากใจ ฉินซีเข้าใจดี แต่ว่าเวินจิ้ง….. นั้นมีเหตุผลอะไรถึงได้ทำเช่นนี้
ในโลกใบนี้ไม่มีองค์กร “เฟิง” ที่เป็นองค์กรแห่งที่สองเช่นนี้แน่ ที่มีกฎข้อบังคับการต่อต้านการแต่งงานการมีความรักที่ตั้งโดยมนุษย์ เพราะฉะนั้นเวินจิ้งไม่มีทางทำเช่นนี้เพราะเหตุผลเดียวกับพวกเขา
ถ้าอย่างนั้นแล้วยังมีเหตุผลอันใดอีก
สามีของเธอไม่ได้หย่าจากเธอ ก็แปลได้ว่าทั้งคู่มีความเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับการหย่าร้าง แต่ว่าเธอกลับไม่มีอุปสรรคใดๆในการอยู่ข้างๆลู่เซิ่นในฐานะคุณหญิงลู่เป็นเวลาถึงหนึ่งปี และไม่มีใครที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน
ฉินซียิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ ทำได้เพียงรอดูต่อไป
ข้อมูลเขียนไว้อย่างละเอียด แทบรวบรวมความลับทั้งหมดของเวินจิ้งที่คนอื่นไม่รู้ไว้ในนี้ แต่ว่าฉินซีไม่ได้มีความต้องการที่จะสอดส่องเรื่องข้อมูลของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เธอแค่เพียงต้องการอยากรู้ที่มาของคำว่า “สมรสแล้ว” ของเวินจิ้งเท่านั้น
เธอมีลางสังหรณ์รางๆว่าหากรู้เองรู้เรื่อง “สมรสแล้ว” ความลับนี้ ก็จะทำให้รู้ว่าทำไมเวินจิ้งถึงตกลงแต่งงานหลอกๆให้กับลู่เซิ่น