Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1322
บทที่ 1322 เปิดโปง
ที่นี่แค่ชั้นสองเท่านั้น ชายคากว้างพอรองรับฝ่าเท้าของฉินซี ความยากเมื่อเทียบกับการฝึกฝนขององค์กร สำหรับฉินซีแล้ว ไม่ต่างจากเดินบนพื้นราบทั่วไป
เธอเดินไปข้างหน้าสีหน้าเรียบเฉย เงียบกริบไร้เสียง เมื่อถึงหน้าขอบหน้าต่างของแต่ละห้อง ก็ย่อตัวลงอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้คนที่อยู่ข้างในห้องมองเห็นเธอ
เดินผ่านไปสามห้องติดกันแล้ว ก็ยังไม่เห็นคนที่ตัวเองต้องการหา
ฉินซีมองเห็นข้างหน้าเหลือเพียงสองห้องเท่านั้น เม้มปาก แล้วเดินต่อไป เมื่อถึงหน้าขอบหน้าต่างก็ก้มตัวลงอีกครั้ง เห็นเพียงตาคู่หนึ่งเท่านั้น มองเข้าไปในห้องส่วนตัว
แต่ครั้งนี้ เธอหาคนที่ต้องการเจอในที่สุด
ในห้องเป็นบรรยากาศใกล้กินข้าวเสร็จแล้วจริงๆ อาหารบนโต๊ะเหลือไม่มากนัก
แต่ความสนใจของฉินซีถูกคนทั้งสองดึงดูด
ในห้องมีแค่สองคนเท่านั้น มุมที่พวกเขานั่งหันข้างให้ทางที่ฉินซียืนอยู่ ฉินซีจึงมองเห็นเพียงแค่ใบหน้าด้านข้างของทั้งสองคน
คนหนึ่งคือเวินจิ้ง อีกคนหนึ่ง…เป็นผู้ชาย
ในมุมของฉินซี เห็นหน้าด้านข้างของเขาเพียงเสี้ยวเดียว โดยเฉพาะตอนที่ชายหนุ่มหันไปพูดคุยกับเวินจิ้ง เธอเห็นเพียงท้ายทอยด้านหลังเท่านั้น เธอจึงดูไม่ออกเลยว่าเขาคือใคร
แต่ถึงแม้จะมองไม่เห็นหน้า แต่ปฏิสัมพันธ์ของคนทั้งสองในห้องชัดเจนมาก
เวินจิ้งกินข้าวเสร็จแล้ว วางตะเกียบหยิบกระดาษมาเช็ดปาก ดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรเลย หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผู้ชายคนนั้น
เพียงแค่ท่าทางธรรมดาๆ ฉินซีกลับได้กลิ่นผิดปกติ
ถ้าเป็นคนสองคนที่ความสัมพันธ์ธรรมดา หรือไม่สนิทสนมกัน ก่อนหยิบกระดาษให้คงจะต้องถามก่อน หรืออย่างน้อยก็ส่งสายตา สอบถามอีกฝ่ายว่าต้องการไหม
แต่เวินจิ้งไม่ทำอย่างนั้น
ดูเหมือนเธอจะแน่ใจว่าชายหนุ่มต้องการกระดาษเช่นกัน ดึงกระดาษออกมาอย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติส่งให้ เกือบจะช่วยเขาเช็ดปาก
ส่วนชายหนุ่มคนนั้นก็รับมาอย่างไม่เก้อเขิน หันไปมองเวินจิ้งยิ้มให้เธอบางๆ บรรยากาศทั้งห้องคลุมเครืออย่างบอกไม่ถูก
ชายหนุ่ม ออกมากินข้าวสองต่อสอง บรรยากาศน่าสงสัย ความสัมพันธ์ใกล้ชิด ท่าทางคุ้นเคยกัน
ในใจฉินซีแทบจะแน่ใจแล้ว ผู้ชายคนนี้ ต้องเป็นสามีเวินจิ้งที่ถูกตั้งใจปิดบังข้อมูล
เขาคือใครกันแน่
ฉินซีอยากจะยื่นหน้าขึ้นไปอีก มองหน้าคนนั้นให้ชัด นึกไม่ถึงจะมีแมลงเล็กๆ บินมาตอมหน้าของฉินซี
เธอก้มหน้านิดหนึ่ง หวังจะหลบแมลง ปลายผมยาวถูกเปลือกนอกเครื่องปรับอากาศเบาๆ
ความเคลื่อนไหวนี้เบาสุดๆ แทบไม่น่าจะได้ยิน แต่ชายหนุ่มคนนั้นในห้องส่วนตัวเหมือนจะได้รับสัญญาณเตือน ทันใดนั้นดึงตัวเวินจิ้ง ผลักไปบนโซฟา ปกป้องเธอข้างหลังเขา
“ออกมา”
เสียงของเขาเย็นชา พูดกับขอบหน้าต่างโดยตรง
ฉินซีรู้ดี เขาเรียกเธอนั่นเอง
ตอนแรกเธอคิดไว้ จะสังเกตทั้งสองคนที่นี่ ถ้าเห็นว่าเวินจิ้งคิดเงินเมื่อไร ก็จะรีบออกจากห้องของตัวเอง ทำทีบังเอิญเจอกับเวินจิ้งที่ระเบียง
นึกไม่ถึงว่าสัญชาตญาณระแวดระวังของผู้ชายคนนี้จะแรงขนาดนี้ แม้แต่เสียงเบาเหมือนแมวเดินยังได้ยิน
ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว หลบต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ฉินซีจึงยืนขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย มือหนึ่งจับขอบหน้าต่าง กระโดดข้ามหน้าต่างเข้าไปในห้อง
เพราะอย่างนี้ ในที่สุดเธอก็เห็นหน้าสามีของเวินจิ้งชัดๆ แล้ว
เมื่อมองอย่างเป็นกลาง เขาหน้าตาคมคาย ฉินซีเพียงแค่กวาดตามองครั้งเดียว เมื่อมองจากเสื้อผ้า นาฬิกาและออร่ารอบตัว ต้องเป็นคนมีอำนาจแน่
เขารูปร่างสูงใหญ่ เวินจิ้งถูกเขาบังอยู่ข้างหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะเวินจิ้งยื่นหน้าออกมาดู ก็คงจะได้รับการปกป้องจนมองไม่เห็นอะไรเลย
ต้องทำอย่างไรถึงจะถามออกไปได้
ฉินซีคิดในหัวอย่างรวดเร็ว
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ไม่ใช่คนที่จะผูกมิตรได้ง่ายๆ ฉินซีไม่คิดว่าจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรจากเขา
ส่วนเวินจิ้ง…
เธอเคยเจอเวินจิ้งแค่สองสามครั้ง ไม่รู้ว่าเธออารมณ์เป็นยังไงกันแน่ แต่ปกติคนทั่วไป ถ้าถูกเข้าใจผิด ปฏิกิริยาแรกก็ต้องอธิบายแน่นอน
ในสถานการณ์อย่างนี้ ความเป็นไปได้ที่จะตะแบงแต่งเรื่องโกหกมีน้อยลง
ในเมื่อเธอปรากฏตัวในสถานการณ์ที่ไม่น่ายินดี อย่างนั้นแสดงเป็นนางร้ายดีกว่า
ตัดสินใจแล้ว ฉินซีก็ปรับอารมณ์ทางสีหน้า เดินผ่านชายหนุ่มที่ยืนปกป้องเวินจิ้ง พูดจาเสียดสีเสียงเย็นกับเธอ “คุณกล้าสวมเขาให้ลู่เซิ่นจริงๆ ด้วย”
เธอตั้งใจพูดจายั่วยุอยู่แล้ว เมื่อพูดประโยคนั้นจบ ก็จ้องมองเวินจิ้งเขม็ง
“ฉินซี” เวินจิ้งประหลาดใจมาก เบิกตาโต
“ฉันเอง” ฉินซีตั้งใจยิ้มเย็นชา สายตาไม่เป็นมิตร “คุณนายลู่”
มีแต่ตัวเธอเองเท่านั้นที่รู้ ตอนที่พูดสามคำสุดท้ายนั้น น้ำเสียงของเธอแฝงความไม่พอใจจริงๆ
อย่างที่คิดไว้ น้ำเสียงที่เธอตั้งใจพูดจาเสียดแทง เวินจิ้งหดตัวในอ้อมกอดของชายหนุ่มคนนั้นโดยอัตโนมัติ
นี่เป็นท่าทางขอการปกป้อง
ตอนที่ตัวเองถูก “โจมตี” เธอจะมองหาการปกป้องจากชายหนุ่มคนนี้โดยสัญชาตญาณ
ฉินซีจำรายละเอียดนี้ในใจ มองปฏิสัมพันธ์ระหว่างเวินจิ้งกับผู้ชายคนนั้น
ผู้ชายคนนั้นแสดงท่าทางระวังตัวเต็มที่ต่อการปรากฏตัวของเธอ ขณะที่กระซิบกับเวินจิ้ง เพื่อยืนยันสถานะของเธอ สายตาก็พิจารณาเธออยู่ตลอด
แต่ฉินซีนิ่งกว่าเขามาก มองสายตาของเขาอย่างไม่ครั่นคร้าม กระทั่งยังยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางของพวกเขาสองคน
กระทั่งสายตาของเขามาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเธออีกครั้ง ฉินซีถึงพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณนายลู่ไม่ระวังตัวเลยนะคะ คบชู้เปิดเผยขนาดนี้”
ครั้งนี้…เธอตั้งใจทดสอบทัศนคติของเวินจิ้ง
เธอเคยเจอกับเวินจิ้งไม่กี่ครั้ง ไม่ง่ายที่จะมีโอกาสอย่างนี้ เธออยากจะฉวยโอกาสทดสอบผู้หญิงคนนี้เสียหน่อย
เกินกว่าที่คาดไว้ เวินจิ้งเจอเข้ากับคำพูดอย่างนี้ แต่เธอกลับดูเหมือนจะนิ่งมาก เผชิญหน้ากับคำถามอย่างนี้ เพียงแต่ตอบกลับเรียบๆ
“ฉันคบกับใครเกี่ยวอะไรกับเธอหรือไง”
ฉินซีเลิกคิ้วนิดๆ กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเสียงของผู้ชายคนนั้นก็ดังขึ้น
“คุณนายลู่ ตอนนี้คุณกำลังทำลายชื่อเสียงใครงั้นหรือ”
ฉินซีชะงัก สายตาเปลี่ยนเป็นครุ่นคิดมากขึ้น
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า……ดูเหมือนไม่รู้ความจริงที่เวินจิ้งแต่งงานกับลู่เซิ่นหลอกๆ ฟังจากน้ำเสียงรวดร้าวของเขา ฉินซีดูออกว่าเขายังคงใส่ใจเวินจิ้ง
……ไม่นึกว่าการมาครั้งนี้ จะได้ผลมากกว่าที่คิด
ผู้ชายคนนี้ สถานะคงจะเป็นสามีของเวินจิ้งแน่ ไม่รู้ว่าเวินจิ้งไม่ได้แต่งงานกับลู่เซิ่นจริงๆ แต่ยังคงแคร์เวินจิ้งมาก
ความใส่ใจนี้ พูดอีกอย่างหนึ่ง ก็คือรักนั่นเอง
อย่างนี้แล้วยังรักเธอ รักอย่างลุ่มหลง
ฉินซีทีแรกคิดว่าคงจะไม่ได้ข้อมูลอะไรจากผู้ชายคนนี้ แต่ทันใดนั้นก็เปลี่ยนความคิด
ชัดเจน เมื่อเทียบเขากับเวินจิ้ง อารมณ์ของเขาไม่นิ่งเท่าไม่แน่…อาจจะถามอะไรได้มากกว่า