Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1325
บทที่ 1325 ปฏิบัติการลับ
ฉินซียังคงไม่เชื่อ “บริษัทลู่ซื่อร่วมมือกับพวกเราได้ยังไงคะ”
แม้ว่าหลายวันนี้เธอยังไม่ได้รับมอบงานทั้งหมดของสาขา และไม่แทรกแซงงาน “ปกติ” ของสาขา แต่เมื่อได้ยินว่าบริษัทลู่ซื่อจะมีความร่วมมือกับองค์กร ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องปกติอยู่ดี
ฉินซีมองลู่เซิ่น ในที่สุดก็รู้ว่าเธอรู้สึกแปลกๆ ตรงไหน
ตอนแรกถังย่าเพราะช่วยฉินซีออกจากองค์กร ทั้งบริษัทถูกลู่เซิ่นโกรธ เขาเคลื่อนไหวรุนแรงทำให้บริษัทโฆษณาแห่งนั้นล้ม กระทั่งให้ไม่ให้ถังย่าปรากฏตัวในที่สาธารณะอยู่พักใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นตำหนิเธอมากเกินไป
ต่อมา เพราะความสัมพันธ์ของฉินซี เขาก็เกลียดองค์กรเข้ากระดูกดำ อยากจะทำสงครามให้รู้ดำรู้แดงกับจ้านเซินใจจะขาด
ความเคียดแค้นที่มีต่อกันขนาดนี้…เขาจะยอมเป็นพันธมิตรกับองค์กรหรือ
ฉินซียากที่จะเข้าใจเรื่องกลับตาลปัตรนี้
แน่นอนว่าลู่เซิ่นเข้าใจได้ว่าฉินซีสงสัย ก้มศีรษะยิ้มให้ฉินซี “กว่าผมจะมาที่นี่ได้ไม่ง่าย คุณจะให้ผมยืนอธิบายเรื่องธุรกิจของบริษัทลู่ซื่อตรงนี้หรือไง”
น้ำเสียงของเขาฟังแล้วเหมือนตำหนิ แต่การแสดงออกกลับเป็นน้อยใจ ฉินซีเพราะกังวลความปลอดภัยของเขาถึงได้ร้อนรน อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ไม่ร้อนใจยิงคำถามอีก แต่ให้ลู่เซิ่นนั่งที่โซฟา ส่วนตัวเองรินน้ำแก้วหนึ่ง
ลู่เซิ่นกระแอม ค่อยเริ่มเล่าช้าๆ
แต่ที่จริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับลู่เซิ่น แม้แต่ความร่วมมือครั้งนี้ ก็ไม่ใช่ของบริษัทลู่ซื่อ แต่เป็นบริษัทลูกของบริษัทลู่ซื่อ
วันนี้การเดินทางมาเมืองหนาน วางแผนมาก่อนแล้ว เขาแค่เลื่อนให้เร็วขึ้นหน่อย คิดว่าฉินซีน่าจะยังไม่ตื่นนอน ก็เลยแวะไปดูบริษัทลูกของบริษัทลู่ซื่อที่เมืองหนาน
ตอนนั้นเอง เขาเห็นเอกสารของบริษัทลูก
“ร่วมมือพัฒนาที่ดินงั้นหรือ” เขาหยิบเอกสารขึ้นมากวาดตาอ่าน ก็เงยหน้ามองผู้รับผิดชอบ “นี่โครงการอะไรหรือครับ”
ผู้รับผิดชอบบริษัทเป็นคนหนุ่ม เป็นคนที่ลู่เซิ่นสนับสนุนขึ้นมาหลังจากกวาดล้างอำนาจที่เหลือของอารองกับอาสามไปแล้ว เพราะเหตุนี้เมื่อลู่เซิ่นตั้งคำถามจึงไม่ปิดบัง สรุปประเด็นสำคัญของความร่วมมือให้เขาฟัง “เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เราเพิ่งควบรวมปีนี้ครับ ก่อนหน้าที่เราจะควบรวมพวกเขาคุยโครงการนี้ไว้แล้ว บริษัทจะพัฒนาที่ดินชานเมืองหนานร่วมกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์เฟิงเหอเพื่อสร้างคฤหาสน์ครับ”
ลู่เซิ่นหรี่ตา
เขามีความคิดอยากจะล้มองค์กรก็จริง คิดหาทุกวิถีทางที่จะรวบรวมข้อมูลของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เฟิงเหอเท่าที่เขานึกออก ก็คือกิจการใหม่ในเมืองหนานขององค์กรที่ฉินซีอยู่นั่นเอง เป้าหมายเพื่อบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์
แม้ว่าองค์กรจะร่ำรวยและมีอำนาจแต่ไม่มีทางที่จะไม่มีจุดอ่อนในทางธุรกิจ จุดแข็งของพวกเขาคือการทหารและชีวการแพทย์ อสังหาริมทรัพย์เป็นเพียงกิจการใหม่ที่เตรียมบุกเบิก แถมระยะเวลาคืนทุนก็นานมาก คนขององค์กรจึงไม่สนใจด้านนี้จริงจังบริษัทอสังหาริมทรัพย์เฟิงเหอจึงจำเป็นต้องร่วมมือกับคนอื่นเพื่อพัฒนาที่ดิน
เมื่อเห็นลู่เซิ่นเหมือนจะสนใจโครงการนี้มาก ผู้รับผิดชอบรีบพูดต่อ “พอดีเลยครับ วันนี้คนของบริษัทจะไปคุยเรื่องความร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์เฟิงเหอ ถ้าประธานลู่มีเวลา…จะนำพวกเขาไปก็ได้ครับ”
ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “ไม่ต้องนำหรอก ผมแค่ตามพวกเขาไปดูนิดหน่อย…อย่างนั้นก็ได้”
ผู้รับผิดชอบไม่ซักถามให้มากความ พยักหน้าตอบตกลง รีบออกไปติดต่อทีมงาน
……
เมื่อได้ยินลู่เซิ่นอธิบายละเอียดยิบ ฉินซีค่อยเข้าใจทุกอย่าง “คุณก็เลยตามคนของบริษัทลูกมาที่นี่อย่างนั้นหรือคะ”
ลู่เซิ่นพยักหน้า “พนักงานของพวกคุณบอกว่าคุณอยู่ชั้นนี้ กระตือรือร้นนำทางผมมาถึงหน้าประตู ผมไม่ได้ตั้งใจจะบุกรุก แต่แค่คิดถึงมากจนห้ามใจไม่ไหว”
เขาพูดอย่างจริงจัง แต่ฉินซีไม่เชื่อ เธอเลิกคิ้ว “งั้นทำไมคุณต้องปิดมือถือคะ”
ลู่เซิ่นถูกถามจี้จุด อดไม่ได้จะยิ้มออกมาบางๆ “โอเค ผมกลัวว่าระหว่างทางคุณจะโทรมาหาผม แล้วอดไม่ได้บอกคุณ งั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ”
ฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะตาม
นิสัยของลู่เซิ่น ปกติแล้วไม่มีทางจู่ๆ ก็มาปรากฏตัวที่หน้าประตู ทำเรื่องเซอร์ไพรส์งี่เง่า
แต่…เขาทำอย่างนี้เพราะเธอ
ฉินซีไม่กังวลแล้ว กลับรู้สึกตัวว่าตัวเองเฉยชากับลู่เซิ่นมากไปหน่อย เขาอุตส่าห์เดินทางไกลมาเซอร์ไพรส์เธอ แต่กลับถูกเธอดึงตัวไว้ยิงคำถามตั้งมากมาย
ถึงแม้จะเป็นเพราะห่วงความปลอดภัยของเขา แต่ก็ดูไม่มีเหตุผลจริงๆ
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ฉินซีก็เข้าไปคลอเคลียในอ้อมกอดของลู่เซิ่น น้ำเสียงออดอ้อน “ครั้งนี้…คุณจะอยู่ที่นี่กี่วันคะ”
ลู่เซิ่นเห็นท่าทางของเธอ ก็รู้ว่าเธอผ่อนคลายลงมากแล้ว และไม่คิดจะซักไซ้อะไรอีก จึงตอบตามคำถามของเธอ “ที่นี่มีหลายเรื่องต้องจัดการ ช่วงนี้คงไม่ไปไหนครับ”
ลู่เซิ่นพูดไม่ชัดเจน แต่เหมือนสัญชาตญาณบอก ฉินซีรู้สึก…เรื่องที่ลู่เซิ่นพูด อาจเกี่ยวกับเวินจิ้ง
ไม่ง่ายที่ทั้งสองคนจะได้พบหน้ากัน เธอไม่อยากเอ่ยชื่อคนอื่นทำลายบรรยากาศ จึงไม่ซักถามต่อ แต่ย้อนถาม “งั้นวันนี้ล่ะคะ คุณมีธุระอะไร”
ลู่เซิ่นก้มศีรษะ เข้าใกล้ฉินซีมากขึ้น “เรื่องวันนี้…ก็คุณไง”
น้ำเสียงของเขาเบามาก เหมือนขนนกแตะข้างหูฉินซีแผ่วเบา ใบหูของฉินซีแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัว
ลู่เซิ่นเห็นเธอหลบสายตา สายตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความปรารถนาลึกซึ้ง
“ไม่รู้ธุรกิจข้างล่างต้องคุยกันนานเท่าไร…ดูท่าต้องรีบทำเวลาหน่อย”
เสียงเขาเพิ่งขาดหายไป ฉินซีก็ถูกเขาอุ้มขึ้น วางเธอลงบนเตียงเบาๆ
ลู่เซิ่นเดินไปรูดผ้าม่าน หันกลับมาปลดเน็คไท โน้มตัวลง
แววตาของเขาเปี่ยมด้วยความตื่นเต้น
ที่นี่ในองค์กร ในถิ่นของจ้านเซิน
แต่เขาอยู่ที่นี่ยืนยันอีกครั้ง ฉินซีเป็นของเขา
ความรู้สึกกดศัตรูหัวใจลงแทบเท้า ทำให้ลู่เซิ่นยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
ฉินซีรู้ดีว่าที่นี่คือสถานที่ขององค์กร คนที่อยู่ข้างล่างก็เป็นคนขององค์กร พวกเขาอาจจะรู้สถานะของลู่เซิ่นได้ทุกเมื่อ อาจจะขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ และพบความจริงทุกอย่าง
แต่เพราะเซอร์ไพรส์ที่อยู่ๆ ลู่เซิ่นก็โผล่มา อาจจะเป็นเพราะลู่เซิ่นเสี่ยงมาที่นี่ทำให้เกิดความอยากจะเสี่ยงอันตรายที่ไม่เกิดขึ้นมานาน เธอจึงไม่ปฏิเสธลู่เซิ่น ขณะที่ลู่เซิ่นก้มหน้า โอบลำคอของเธอ
……
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ลู่เซิ่นปรากฏตัวที่ชั้นล่าง
ถ้าไม่ใช่เพราะหลินหยังโทรหา เขาคงจะอยู่ต่ออีกพักใหญ่
“ไปกันเถอะ” เขาพยักหน้ากับพนักงานของบริษัทลูก
ลูกน้องมองหน้ากันไปมา ต่างรู้สึกว่า แค่ไปเยี่ยมชมชั่วโมงเดียว ประธานลู่ดูเหมือนจะ…อารมณ์ดีขึ้นมาก