Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1327
บทที่ 1327 ความรู้สึกที่แท้จริงของการนัดเดท
“คุณ…สวยจัง” รอ ฉินซีเดินมาตรงหน้า ความรักในสายตาของลู่เซิ่นแทบจะบ่งบอกความหมาย ห่อฉินซีที่อยู่ตรงหน้าทั้งตัว ซ่อนไว้ยังที่ไม่มีใครก็ตามในโลกนี้จะหาเจอ
ฉินซีเงยหน้ามองเขายิ้มแย้ม “คุณก็หล่อค่ะ”
เธอไม่ได้ชมไปงั้นๆ เพราะเธอมองออก ลู่เซิ่นก็ตั้งใจแต่งตัวเพื่อนัดเดทคืนนี้
ทรงผมที่จัดแต่งอย่างประณีต แก้มโกนหนวดเกลี้ยงเกลา เสื้อตัวนอกยังคงเป็นเสื้อสูทเรียบเนี้ยบ แต่เสื้อตัวในเปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตที่ใส่ประจำเป็นเสื้อยืดที่เนื้อผ้าดีมาก ความเป็นทางการจริงจังแลดูหายไปไม่น้อย แต่เพิ่มความเท่เข้ามามากทีเดียว
ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ ยื่นดอกไม้ที่เตรียมมาอย่างดีให้เธอ “นี่ของคุณครับ”
ฉินซีมองดอกกุหลาบกำลังบานในอ้อมแขน ในที่สุดก็มีความรู้สึกทั้งสองคนจะไปเดทกันจริงๆ
เธอรู้สึกซาบซึ้ง แม้จะรู้ดีว่ารอบด้านมีกล้องวงจรปิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขยับไปข้างหน้า จูบเบาๆ ที่มุมปากของลู่เซิ่น “ขอบคุณค่ะ”
ลู่เซิ่นรีบหันมา สายตาที่มองฉินซีลึกซึ้ง ดูแล้วเหมือนจะจับฉินซีเข้ามาในอ้อมกอดกระชับแน่นจูบดูดดื่มถึงจะยอมปล่อย
แต่ฉินซีเหมือนปลาปราดเปรียว หลังจากจูบเบาๆ ก็ผละจากอ้อมกอดของลู่เซิ่นอย่างรวดเร็ว ไม่สนลู่เซิ่นที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เปิดประตูรถ เข้าไปนั่งข้างใน ยังเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน เปิดหน้าต่างรถยิ้มให้ลู่เซิ่น “คนขับรถลู่ ยังไม่ไปอีกหรือคะ”
ลู่เซิ่นถูกเธอแหย่จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา รู้สึกหมั่นเขี้ยว หันเดินไปทางที่นั่งคนขับ
—— ไม่เป็นไร ราตรีนี้ยังอีกยาว
เดทของสองคน ลู่เซิ่นไม่ได้ให้คนขับรถตามมา แต่ขับรถมาเอง
รอเขานั่งลง ก็ติดเครื่องรถขับออกไป
ฉินซีก้มหน้ามองดอกไม้ในอ้อมแขนครู่หนึ่ง เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ หันไปมองลู่เซิ่น “เราจะไปไหนกันคะ”
ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “คุณลองถามดอกไม้สิ ดอกไม้อาจช่วยบอกคุณได้นะ”
น้ำเสียงของเขาแฝงความเสียใจ ฉินซีอดไม่ได้ที่จะอยากหัวเราะ
ขึ้นรถมาไม่มองเขาเอาแต่มองดอกไม้นี่นะ ลู่เซิ่นถึงกับน้อยใจเชียวหรือ
ลู่เซิ่นใช้ท่าทางตอบเธอ “ถึงกับ”
“แต่ฉันอยากถามคนที่ให้ดอกไม้นี่คะ” น้ำเสียงฉินซีอ่อนโยน มองลู่เซิ่นออดอ้อน
ลู่เซิ่นแกล้งชักสีหน้า เมื่อถูกฉินซีง้อขนาดนี้ ริมฝีปากเผยอยิ้ม “ไปกินข้าวครับ”
เขาไม่พูดอะไรอีก ฉินซีก็ไม่ซักไซ้อีก สองคนหาเรื่องสัพเพเหระมาคุยกัน ไม่นานก็มาถึงจุดหมาย
ช่อดอกกุหลายถูกลู่เซิ่นหยิบจากอ้อมแขนของฉินซี วางที่เบาะหลังรถ แล้วจูงมือเธอเดินเข้าไปข้างใน
ร้านอาหารน่าจะเป็นกิจการในเครือบริษัทลู่ซื่อ คงกลัวฉินซีจะกังวล จึงจองสถานที่ทั้งร้าน ผู้จัดการรอที่น่าประตูอย่างนอบน้อม ช่วยลู่เซิ่นกับฉินซีเปิดประตู
ฉินซีพยักหน้าให้เขานิดๆ แล้วเดินตามลู่เซิ่นเข้าไป
การตกแต่งของร้านอาหารหรูหรามาก ไม่ใช่หรูหราแบบอลังการ แต่เป็นความหรูหราแบบมีคลาส
แต่ลู่เซิ่นกับฉินซีถือว่าคุ้นเคยกับสถานที่แบบนี้ ทั้งสองคนจึงเดินไปที่นั่งอย่างสบายๆ
ลู่เซิ่นสั่งอาหาร ฉินซีสั่งเหมือนกับเขา บริกรพยักหน้าแล้วออกไป
“กำลังคิดอะไรอยู่ครับ” ลู่เซิ่นถามขึ้น
ฉินซียิ้มตอบ “กำลังคิด…นี่เป็นนัดเดททางการครั้งแรกของเราสองคนค่ะ จริงมั้ยคะ”
ลู่เซิ่นพยักหน้ายอมรับ “จริงด้วย”
รอยยิ้มบนใบหน้าฉินซีกว้างขึ้น “เพราะอย่างนี้…เรื่องราวของพวกเรามีสีสันจริงๆ ตอนแรกอยู่ด้วยกันก่อน ค่อยแต่งงาน ทะเลาะกันจนหย่าหลอกๆ แล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง นี่เพิ่งจะเป็นเดทแรกของเราค่ะ”
ลู่เซิ่นฟังที่เธอพูดก็ยิ้มออกมาบางๆ “ก็จริง…เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามลำดับที่ควรจะเป็น”
“แต่อย่างนี้ก็ดีนะคะ” ฉินซีพูดต่อ “ต่อไป…เรื่องของพวกเรา จะได้ไม่เหมือนใคร”
แสงไฟของร้านอาหารไม่ถึงกับสว่างมากนัก อาศัยเพียงแสงไฟเหนือโต๊ะอาหารเท่านั้นถึงจะเห็นใบหน้าของฉินซีได้ชัดเจน เดิมทีวันนี้เธอสวยจนลู่เซิ่นเผลอหยุดหายใจ ขณะนี้ท่ามกลางแสงสลัว มองใบหน้าด้านข้างเปื้อนยิ้มของเธอ ลู่เซิ่นรู้สึกว่าต้องระงับความปรารถนาของตัวเอง เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ
ลู่เซิ่นจึงไม่อดกลั้นอีก
ทันใดนั้นเขาลุกขึ้น ก้มตัวลง เชยคางของฉินซี จูบอย่างแม่นยำ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แม้ว่าฉินซีจะไม่ทันตั้งตัว กระทั่งรู้สึกว่าริมฝีปากเคลื่อนขยับอย่างรอไม่ไหว ในใจก็หัวเราะออกมา
—— ตอนที่เจอหน้ากันลู่เซิ่น ก็คิดจะทำอย่างนี้แล้วละสิ
แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ แต่ทำตามจังหวะของลู่เซิ่น เผยอปากนิดๆ
การจู่โจมของลู่เซิ่นจึงหนักหน่วงขึ้น
ฉินซีถูกจูบจนแทบหายใจไม่ออก ถึงค่อยถูกปล่อย ดวงตาที่หลับพริ้มอยู่ค่อยคืนสติ ก็เห็นลู่เซิ่นยังนั่งลง กำลังหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดลิปสติกของฉินซีที่ทิ้งรอยไว้ที่ที่ริมฝีปากของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะสีหน้าพึงพอใจของเขา ฉินซีคงจะคิดว่าจูบเร่าร้อนเมื่อครู่คือจินตนาการของตัวเอง
เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ยื่นมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ ช่วยเช็ดรอยลิปสติกที่ลู่เซิ่นยังไม่ได้เช็ดออกจนหมด ค่อยพูดขึ้น “รอฉันเช็ดลิปสติกก่อนไม่ได้หรือไงคะ”
ลู่เซิ่นอากัปกิริยาเป็นงานเป็นการ น้ำเสียงจริงจัง “รอไม่ไหว”
ฉินซีชำเลืองมองเขาอย่างตำหนิ วางกระดาษทิชชู่ลง “งั้นก็เช็ดเองละกัน!”
หลังจากลู่เซิ่นกับฉินซีจัดการความวุ่นวายจากลิปสติกเสร็จ อาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ฉินซีกับลู่เซิ่นกินพลางคุยพลาง อาหารฝรั่งเศสมื้อนี้ใช้เวลาถึงสองชั่วโมง ถึงสิ้นสุดลง
สองคนจูงมือออกจากร้านอาหาร ฉินซีหันไปมองลู่เซิ่น “ต่อไปจะทำอะไรดีคะ คนขับรถลู่”
ในเมื่อลู่เซิ่นเป็นคนเสนอเรื่องเดท เขาต้องจัดเตรียมทุกอย่างสมบูรณ์พร้อมแน่นอน
ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “ทำเรื่องที่คู่รักทั่วไปทำกันมั้ย ไปโรงหนังกันมั้ย”
ฉินซีหน้าเปลี่ยนสีนิดหนึ่ง
เธอไม่ได้เข้าโรงหนังนานมากๆ
ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะ…หลายปีก่อนที่หน้าโรงหนังเธอได้รับโทรศัพท์จากพ่อบ้านตระกูลฉิน พลิกชะตาชีวิตของเธออย่างสิ้นเชิง
ตั้งแต่นั้นมา โรงหนังก็คือสถานที่ต้องห้ามของฉินซี
เธอรู้สึกตลอดว่าที่นั่น ตัวเองอาจเผชิญเรื่องร้าย
แน่นอนลู่เซิ่นไม่มีทางรู้รายละเอียดเรื่องนี้ เพียงแต่ยิ้มแย้มมองเธอ รอคำตอบ
ฉินซีไม่อยากให้หมดสนุก ได้แต่สูดลมหายใจลึก ฝืนเก็บความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่อยู่ในใจ ยิ้มให้ลู่เซิ่น “ได้ค่ะ ไปกันเถอะ”
ลู่เซิ่นจับสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนกลับมาปกติอย่างรวดเร็วไม่ได้ จึงฟังไม่ออกว่าน้ำเสียงของเธอฝืนใจ เมื่อได้ยินเธอตอบรับ ก็พาเธอเดินไปข้างนอก
ฉินซีรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ฝ่ามือมาจากลู่เซิ่น ในใจแอบอธิษฐาน
…หวังว่ามีเขาอยู่ด้วย ทุกอย่างจะราบรื่นปลอดภัย