Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1332
บทที่ 1332 เป็นใครกันแน่
จมูกและหน้าผากของฉินซีมีเม็ดเหงื่อซึมทั่ว แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอมาจากหัวใจ
ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทั้งสองคนจะมายืนกอดกันมันไม่ใช่กิจกรรมที่เป็นเรื่องที่ดีนัก แต่แค่การเต้นรำ ที่แค่ขยับอยู่บนฟลอร์ กลับทำให้เธอรู้สึกดีสบายใจขึ้นมาได้
ลู่เซิ่นยิ้มตามฉินซี ก่อนเขาจะก้มศีรษะลง และใช้มือลูบที่จมูกของเธอ “มีความสุขเหรอ?”
ดวงตาของฉินซีอัดแน่นไปด้วยความสุข เธอพยักหน้า “มีความสุข”
ท่าทางร่าเริงที่หายไปนานของเธอทำให้มุมปากของลู่เซิ่นยกขึ้น
แสงบนฟลอร์เต้นรำทำให้ดวงตาของฉินซีเป็นประกายสวย ลู่เซิ่นแทบจะไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ เขาก้มลงไปจูบเธอเบาๆ
พวกเขาระมัดระวังกันมากเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เมื่อเขาทั้งสองจูบกันเสร็จและผละห่างกันแล้ว ลู่เซิ่นก็จูงมือฉินซีกลับไปยังที่นั่ง ทว่าทันใดฉินซีก็รู้สึกถึงบางอย่างที่มันผิดปกติ
เธอที่หยุดฝีเท้าลง ทำให้ลู่เซิ่นหันไปถามเธอ “มีอะไรเหรอ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีไม่ได้หายไป ทว่าดวงตาของเธอกลับมืดลงหลายส่วน “มีคนกำลังมองเราอยู่”
ใบหน้าของลู่เซิ่นกลับเปลี่ยนไปเช่นกัน
แต่เขาทั้งสองคนก็ยังคงต้องทำตัวเป็นปกติ ไม่เปลี่ยนสีหน้าและยังคงเดินไปนั่งยังที่ของตัวเอง
ที่นั่งเป็นวงแหวนครึ่งวงกลมและทั้งสองคนก็เลือกทิศทางที่หันหน้าออกไปจากฝูงชนและด้วยความที่เก้าอี้สูงคลุมหลัง ก็ทำให้พวกเขาสบายใจขึ้นมานิด
แต่ยังไงที่นี่ก็ยังคงเป็นห้องโถงและพวกเขาก็ไม่สามารถออกไปได้ง่ายๆ
“มีใครจ้องมาที่เรา?” ลู่เซิ่นแนบลงไปใกล้ชิดกับเธอเพื่อถาม
ฉินซี “อืม น่าจะเป็นทางด้านเค้าเตอร์บาร์”
ลู่เซิ่นไม่ได้ถามว่าเธอรู้ได้ยังไง ฉินซีก็อธิบายไม่ถูก มันอาจจะเป็นสัญชาตญาณบางอย่าง
เธอรู้สึกได้ถึงการจ้องมองที่มุ่งร้ายจากทางด้านหลังโดยไม่ต้องมอง
ลู่เซิ่นหันหน้าไปมองยังทิศทางที่เธอบอก ก่อนจะส่ายหัว “ไม่เห็นนะ”
ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ไปจากที่นี่กันเถอะ”
ฉินซีไม่จำเป็นต้องพูด ยังไงเขาก็ไม่อยู่ที่นี่ต่อแน่ ทั้งสองลุกเดินออกไปจากทางที่เข้ามา
ลู่เซิ่นดื่มและเขาไม่สามารถขับรถได้ คนขับรถเขากำลังรออยู่ที่หน้าประตู เมื่อเข้ามาในรถ ฉินซีก็คลายกังวลลง
ลู่เซิ่นโทรหาโจวเอ้อ ขอให้เขาตรวจดูกล้องวงจรปิดของบาร์ และตรวจสอบว่ามีคนที่น่าสงสัยอยู่หรือไม่ เมื่อสั่งการเสร็จ จึงวางโทรศัพท์ และหันตัวไปหาฉินซีก่อนกุมมือเธอ
“ฉันไม่เป็นไร” ฉินซีพูดให้เขาสบายใจ “ตอนที่เรากำลังออกมา ฉันรู้สึกได้ว่าคนคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว”
แม้ว่าเธอจะพูดเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่ผ่อนคลายลงเลย
ลู่เซิ่นเข้าใจดี ว่าหากมีใครบางคนในองค์กรเห็นเธอ คงจะถ่ายรูปและนำไปบอกองค์กร
ความสุขที่ได้ลงมาจากฟลอร์เต้นรำจางหายไป ฉินซีกลับรู้สึกผิดขึ้นมาแทน “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันอยากไปที่ฟลอร์เต้นรำ -”
“ชู่ว” ลู่เซิ่นเอื้อมมือออกไปกดริมฝีปากของฉินซีไว้ “อย่าพูดอะไรโง่ๆ มีความสุขก็พอแล้ว อย่าคิดมาก”
ฉินซีเงียบ และทำได้เพียงแค่พยักหน้า
โทรศัพท์มือถือของลู่เซิ่นสว่างขึ้นมา เป็นโจวเอ้อที่นำภาพจากกล้องวงจรปิดส่งมาให้ พร้อมทั้งข้อความเสียง
“ภาพมันไม่ค่อยชัดนะ ฉันทำตามที่นาบบอกให้ทำ ว่าให้ถ่ายภาพช่วงเวลาที่พวกนายสองคนกลับไปที่ฟลอร์เต้นรำ ลองดูก่อนครับ ถ้าไม่มีเบาะแสอะไร ฉันจะส่งไฟล์วิดีโอไปให้”
ลู่เซิ่นตอบรับ พลางคลิกที่หน้าจอเพื่อตรวจดู ฉินซีเองก็ขยับใกล้เข้ามาดูด้วย
ไฟแถบนั้นมืดสลัว วิดีโอของกล้องวงจรก็ไม่ชัด นอกจากนี้ภาพถ่ายยังถ่ายมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือมาอีกที มันค่อนข้างที่จะเบลอไปหมด
แต่ทั้งสองคนแค่มองครั้งแรกก็เห็นบุคคลที่ผิดปกติตั้งแต่ครั้งแรก
“… มู่วี่สิง?” ฉินซีพึมพำ
ลู่เซิ่นชะงัก ก่อนหันไปมองฉินซี “คุณ รู้จักเขาด้วย?”
ฉินซีไม่ได้ต้องการที่จะปิดบังลู่เซิ่น เธอพยักหน้าน้อยๆ “เขาเป็นสามีของเวินจิ้งนี่”
ลู่เซิ่นไม่ได้สนใจสิ่งที่ฉินซีพูดถึงคำว่า ‘สามี’อย่างตั้งใจนัก ตอนนี้เขาเพียงแค่ตั้งใจภาพจากกล้องวงจรปิดเท่านั้น เพื่อที่จะได้แน่ใจว่าเวลานั้นไม่มีคนที่น่าสงสัยเพิ่มมาอีก ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาวางโทรศัพท์ลง หันหน้าไปทางฉินซี “ถ้าเป็นมู่วี่สิงจริงๆ ทำไมเขาถึงต้องมองมาทางคุณ ทำให้คุณรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องอยู่?”
ฉินซีนิ่งคิดไปพักหนึ่ง พูดเสียงเบา “ฉันบอกไม่ได้ ฉันแค่รู้สึกได้ ว่าสายตาที่จ้องมานั้น ไม่ได้มีเจตนาที่ดี”
หลังจากพบว่าคือ มู่วี่สิง ความรู้สึกหนักอึ้งในใจค่อยๆหายไป
อย่างไรก็แค่ตระกูลมู่ในเมืองหนาน เธอคงไม่ต้องกังวลอะไรมาก
แต่อย่างไรลู่เซิ่นก็อยากจะจับตาดูเอาไว้ เขาส่งข้อความไปบอกโจวเอ้อว่าไม่ต้องตรวจสอบวิดีโอแล้ว แค่ให้ดูความเคลื่อนไหวของมู่วี่สิง เมื่อโจวเอ้อรับทราบ เขาจึงวางโทรศัพท์ลง
พิสูจน์แล้วว่าเป็นสัญญาณเตือนของเธอที่ผิด เขาและเธอต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ตอนนี้กลับไปที่บาร์คงไม่ได้แล้ว ตอนนี้เวลาก็ค่อนข้างดึกแล้ว เขาเลยบอกให้คนขับรถขับกลับโรงแรมที่จองไว้แทน
โรงแรมนี้เป็นทรัพย์สินของตระกูลลู่ เมื่อรถจอดที่ลานจอดรถลิฟต์จะตรงไปยังห้องชุดชั้นบนสุดเพื่อให้มั่นใจถึงความเป็นส่วนตัวสูงสุด
เมื่อผลักประตูขึ้นไป ฉินซีพบเครื่องดื่มค็อกเทลสองแก้วบนเคาน์เตอร์บาร์ในห้อง
“ลองไอส์แลนด์ไอซ์ที” ลู่เซิ่นเดินเข้ามาโอบเธอจากด้านหลัง พูดเบาๆ ว่า “เรายังดื่มกันไม่เสร็จเลยเมื่อตะกี้ ดื่มสิ่งนี้แทนก็แล้วกัน”
ฉินซียิ้มจาง พลางหันไปมองเขา “ถ้าฉันเมาแอ๋ขึ้นมาจะทำยังไง?”
ลู่เซิ่นจูบลงไปที่ปลายจมูกของเธอ “ถ้างั้นคืนนี้ก็พักผ่อนให้สบายเถอะ ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณ เรื่องอื่นค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
ฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ใจดีจังเลยนะคะ”
ลู่เซิ่นกระชับอ้อมแขนของเขาที่โอบเธอให้แน่นขึ้น ก่อนก้มลงไปกระซิบ “ดังนั้นคุณจะให้โอกาสผมได้ดูแลคุณ หรือ… ให้เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้นวันพรุ่งนี้ทำให้เสร็จภายในวันนี้เลยล่ะ?”
ฉินซีกระพริบตาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “ฉันต้องการให้คุณดูแลฉัน แต่ … เหล้าแก้วนี้ไม่ได้ให้โอกาสฉันนี่”
ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ ก่อนก้มลงไปประกบปากฉินซี เพื่อส่งต่อแอลกอฮอล์ลงสู่ลำคอของเธอ
ฉินซีเงยหน้าขึ้น รู้สึกถึงรสหวานเล็กน้อยในปาก
ลองไอส์แลนด์ไอซ์ที ของที่นี่ได้รับการปรับปรุงเป็นอย่างดี ไม่มีรสของแอลกอฮอล์เลยแม้แต่น้อย ทว่าทันใดฉินซีก็รู้สึกได้ถึงความเข้มข้นของมัน
ทำไม ร่างกายมันถึงได้เบาขนาดนี้นะ คล้ายกับจะเมาเข้าแล้ว