Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1337
บทที่ 1337 โจมตีก่อนเพื่อความเหนือกว่า
โจวเอ้อยิ้มอ่อน “ทั้งใช่ และไม่ใช่ครับ”
เขาดื่มน้ำในแก้วอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้หยิบมันขึ้นมาอีก แต่วางทิ้งไว้ตรงนั้น ก่อนหันไปมองฉินซี “ผมรู้เรื่องราวของคุณดี รู้ว่าคุณเป็นคนยังไง ถ้าหากคุณไม่อยากให้ตระกูลมู่หาเจอ พวกเขาไม่พบร่องรอยของคุณแน่ ความแข็งแกร่งของตระกูลมู่ แม้จะไม่มีการแทรกแซงจากลู่เซิ่น แต่ถ้าไปเผชิญหน้ากับองค์กรของคุณ มันก็ยังไม่พออยู่ดี”
ฉินซีเม้มปากแน่น
ไม่มีใครเกลียดองค์กรมากไปกว่าเธอ แต่ตอนนี้เธอต้องขอบคุณองค์กรที่ให้ที่พึ่งพิง
ความรู้สึกนี้ … มันแย่มาก
“การสืบหาของมู่วี่สิงมันไม่มีประโยชน์ ถ้าหากผมต้องพูดเรื่องนี้จริงๆ แค่โทรหาคุณก็ได้แล้ว ไม่ต้องให้มาหาถึงที่นี่หรอกครับ ผมให้คุณมาเจอในวันนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ เรื่องราวของมู่วี่สิงและเวินจิ้ง”
โจวเอ้อไม่ได้อธิบายในทั้งหมด พูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดลง
ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปมองโจวเอ้อ“คุณกำลังคิดที่จะลงมือก่อน?”
โจวเอ้อยิ้มแผ่ว “ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแค่มู่วี่สิงกำลังไล่ตามหลังคุณอยู่ แล้วถ้าไล่ตามต่อไป เกรงว่าคุณจะไม่ใช่เจตนาเดิม”
ฉินซีเงียบไปครู่หนึ่ง รีบถามกลับอย่างรวดเร็ว “นี่ไม่ได้หมายความถึงลู่เซิ่นใช่ไหมคะ?”
โจวเอ้อชะงัก ก่อนจะส่งยิ้มกลับมา “ไม่ใช่แน่นอนครับ”
เขายิ้ม “ลู่เซิ่นแค่ขอให้ผมมาพูดกับคุณ ถึงเรื่องราวระหว่างมู่วี่สิงกับเวินจิ้ง ให้คุณคอยระวังมู่วี่สิงเอาไว้ แล้วที่ให้คุณมาที่นี่ ก็เพราะคุณไม่มีเพื่อนในเมืองหนานเลย กลัวจะเบื่อเอาครับ”
… นี่คือสิ่งที่ลู่เซิ่นพูดกับเธอเอาไว้แล้ว
แค่คิดถึงเขา ใจของฉินซีก็อ่อนยวบลงไปแล้ว
โจวเอ้อค่อยๆลดรอยยิ้มลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ลู่เซิ่นทะนุถนอมคุณราวกับของล้ำค่าของเขา แต่ฉินซี ความสามารถของคุณ คุณทำอะไรได้บ้าง ผมรู้ชัดดีครับ ฉินซี ตอนสุดท้ายจะทำยังไงคุณต้องตัดสินใจให้ดี ผมคิดว่า คุณไม่ควรโดนขับไล่ คุณยังอยู่ภายใต้การปกป้องของตระกูลลู่และองค์กรของคุณอยู่ มู่วี่สิงไม่มีทางทำอะไรคุณได้แน่ แต่ว่า คุณจะยอมให้มันเป็นแบบนี้เหรอ?”
ฉินซีลดสายลงพลางนิ่งคิด แววตาพลันเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เธอพยักหน้า “ฉันรู้แล้วค่ะ”
โจวเอ้อนำเรื่องราวของเวินจิ้งและมู่วี่สิงมาบอกตัวเอง แล้วมาบอกว่าตัวเองถูกมู่วี่สิงตามหาอยู่ เหมือนจะแนะนำกลายๆว่า ถ้าหากจะแก้ปัญหายุ่งยากนี้ ต้องทำอะไรสักอย่างระหว่างพวกเขา
แต่เธอจะต้องเสี่ยงขนาดนี้เลย?
ทำไมจู่ๆโจวเอ้อถึงอยากจะให้เธอเองลงมือกับมู่วี่สิงก่อน?
ในใจของฉินซียังเต็มไปด้วยคำถาม แต่เธอไม่ได้ตอบรับอะไรออกไป และเหมือนโจวเอ้อดูออกว่าเธอกำลังคิดอย่างไร เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่เคาะแก้วเหล้าตรงหน้าเธอเท่านั้น “ดูเหมือนว่า คุณจะไม่สนใจเครื่องดื่มแก้วนี้ของผมเลยนะครับ”
ฉินซีได้สติ มองแก้วของตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้า “โอ้ ไม่ใช่ไม่สนใจหรอกค่ะ ถ้าตอนคุยธุระ ฉันไม่ดื่มค่ะ”
โจวเอ้อยืนขึ้น เขาหยิบแก้วของฉินซีขึ้นมา ก่อนเดินอ้อมไปหลังเค้าเตอร์บาร์ ก่อนจะรินเหล้าที่เหลือลงไป “ถ้าคุณสนใจมันจริงๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน คุณก็ดื่มมันให้หมด”
ฉินซีเงียบ
โจวเอ้อไม่ได้สนใจเธอมาก เขาเพียงอ่านคำแนะนำของฉินซีที่จดไว้ในสมุดเมื่อครู่ แล้วทำตามสิ่งที่เธอบอก ก่อนวางเครื่องดื่มแก้วใหม่ลงตรงหน้าเธอ “ลองชิมดูไหมครับ?”
ฉินซียกมันขึ้นมาจิบ”ดีกว่าแก้วแรกค่ะ”
หลังจากพูดเสร็จ เธอก็อดไม่ได้ที่จะจิบ
ดื่มจนหมด เธอเห็นสายตาล้อเลียนของโจวเอ้อ เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของเขา
หากคุณสนใจจริงๆ ก็คงไม่หยุดมัน
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะให้คนของผมปรับปรุงสูตรแล้วกัน” โจวเอ้อเก็บสมุดจดอย่างระมัดระวัง รินน้ำให้ตัวเอง ก่อนเดินออกมาจากบาร์
ฉินซีดื่มหมดไปครึ่งแก้ว
เกรงว่าระดับแอลกอฮอล์ในแก้วนี้ไม่นับว่าน้อย เธอรู้สึกว่าแก้มตัวเองร้อนฉ่า
เธอมองไปยังแก้วน้ำที่โจวเอ้อรินไว้ ก่อนถาม “ทำไมคุณดื่มแต่น้ำเปล่า?”
จริงๆแล้วคืนนี้เธอให้ความสนใจมาตลอด แต่ถ้าหากไม่มีเหล้าลงกระเพาะ ก็คงไม่ถามคำถามแบบนี้ออกมา
โจวเอ้อชะงัก แต่เขาไม่ได้เคือง เพียงแค่ยิ้มบางๆ “ผมไม่ดื่มสิ่งที่ผมทำมาหลายปีแล้ว”
แน่นอนว่าฉินซีจำสิ่งที่ลู่เซิ่นเล่าให้ฟังได้ เธอไม่ได้เสียการควบคุมไปทั้งหมด ไม่ได้ถามว่าทำไมต่อ แต่เปลี่ยนไปถามอย่างอื่นแทน “แล้วเครื่องดื่มที่คนอื่นทำให้ล่ะคะ?”
โจวเอ้อยิ้มบาง “ผมไม่ดื่มแล้วล่ะ”
ฉินซีเม้มริมฝีปาก เธอรู้ดีว่าไม่ควรถามต่อ
แอลกอฮอล์ทำให้สมองของเธอแล่น เธอมีคำถามที่อยากถามภายในหัวมากมาย
เห็นได้ชัดว่ามู่วี่สิงและเวินจิ้งยังคงรักกัน แต่กลับไม่ยอมเปิดเผยความรู้สึก ทำให้ไม่สามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้
ฉินซีไม่ได้สนใจความยุ่งเหยิงของพวกเขา ถ้ามู่วี่สิงไม่เล็งเป้ามาทางเธอ เธอก็คงไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับเขา
แต่มู่วี่สิงกลับหาปัญหาเข้าตัวเอง
ฉินซียิ้มในใจ ในหัวมีแผนการอะไรบางอย่าง
เธอไม่กล้าเป็นคนเลว แต่เรื่องยุ่งยากระหว่างเขาสองคน เธอก็ต้องช่วยอยู่เบื้องหลัง
เป็นเพียงการช่วยเหลือพวกเขา และให้พวกเขารับรู้หัวใจของตัวเอง มันเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างไร?
ฉินซีหมายมาดให้กับแผนการที่เธอวาดไว้ในใจ
แต่มีอีกปัญหาหนึ่ง ที่เธอยังไม่ได้รับคำอธิบาย
ทำไมโจวเอ้อถึงคิดว่าเธอจะลงมือทำ
เป็นไปได้ไหมว่ามีอะไรบางอย่างระหว่างตระกูลหนานกงและตระกูลมู่?
คงไม่ดีถ้าจะถามโจวเอ้อตรงนี้ เธอเก็บคำถามเอาไว้ในใจ รอเอาไปถามลู่เซิ่นของเธอจะดีกว่า
ฉินซีหยิบแก้วขึ้นมา เพื่อที่จะดื่มมัน
โจวเอ้อเอื้อมมือออกไปแตะแก้วของฉินซีเบาๆ “แก้วนี้แรงมาก คุณต้องดื่มมันช้าๆ”
ฉินซีเลิกคิ้ว ไม่ได้แย้งอะไร แต่วางแก้วลง
โจวเอ้อยิ้มบาง ก่อนจะเปิดหัวข้อสนทนา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ และไม่ดื่มเหล้า แต่โจวเอ้อก็เป็นเพื่อนดื่มที่ดีมากคนหนึ่ง เขาฉาด และมีความชัดเจนในการอธิบายแต่ละอย่างได้ดี
เมื่อฉินซีดื่มหมดแก้ว ทันใดก็มีสายเข้า เมื่อโจวเอ้อเห็นชื่อ ลู่เซิ่น ปรากฏอยู่บนหน้า เขาก็ยิ้มล้อเลียน ก่อนพยักหน้าให้เธอไปรับโทรศัพท์