Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1342
บทที่ 1342 การเผชิญหน้า
จ้านเซินชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มากจริงๆ แทบจะทุ่มเทให้กับเนื้อเรื่องอย่างสุดใจ แม้แต่ฉินซีลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับรองไปแล้วก็ไม่ได้สนใจ เพียงแค่โบกมือให้เธอ
ฉินซีออกมาจากห้องรับแขก ไม่ได้กลับไปที่ห้องตัวเองทันที แต่เดินไปที่ห้องครัวเล็กๆตรงปลายสุดของทางเดิน รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว
เธอไม่ชอบภาพยนตร์แอคชั่นต่อสู้ เลยไม่มีความสนใจที่จะอยู่ที่ห้องรับแขกกับจ้านเซินให้เปลืองเวลา
แต่ดูท่าทางวันนี้ของจ้านเซิน คงไม่ออกจากที่นี่ไปง่ายๆแน่นอน
ฉินซีก้มหน้าจิบน้ำหนึ่งอึก หรี่ตาลงใคร่ครวญ
…..ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาคิดจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน
น้ำหนึ่งแก้วยังดื่มไม่หมด ทันใดนั้นเสียงของจ้านเซินก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“ฉินซี? ทำไมเธอมาหลบอยู่ที่นี่?”
ฉินซีเก็บความรู้สึกบนใบหน้าไว้ หันหน้าไปหาจ้านเซินแล้วยกแก้ว “มาดื่มน้ำ”
จ้านเซินพยักหน้า ไม่รู้ว่าดูออกหรือเปล่าว่านี่เป็นเพียงข้ออ้างของฉินซี เดินผ่านฉินซีไปรินน้ำให้ตัวเองด้วย เงยหน้าดื่มหมดแก้ว จู่ๆก็เปิดปากพูดอย่างมีความนัย “เธอหนีออกมากลางคันแบบนี้ ผมนึกว่าเธอไม่ชอบหนังเรื่องนี้ซะอีก”
ฉินซีเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
“ฉินซี” ทันใดนั้นจ้านเซินก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอชอบ หรือว่าไม่ชอบ ก็บอกผมมาโดยตรง ผมเดาความชอบของคนอื่นไม่เก่ง แล้วก็ไม่ชอบแบบนี้ มันเสียเวลาด้วย”
เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงเรียกร้องความคิดเห็นของผู้อื่นของจ้านเซิน ยังคงอยู่เหนือกว่า ราวกับว่าถ้าฉินซีไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยความชอบของตน ก็จะเกิดอาชญากรรมที่ชั่วร้ายบางอย่าง
สีหน้าของฉินซีมีความเย้ยหยันที่ให้เห็นไม่ได้แวบผ่าน
ที่เธอไม่ชอบที่สุดก็คือการอยู่ในองค์กรต่อไป แต่เธอจะพูดอะไรได้หรอ?
คนอย่างจ้านเซิน ไม่ใช่คาดเดาความชอบของคนอื่นไม่เก่ง แต่ก็แค่จะไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้
เขาไม่เคยใช้ไปกับการสนใจว่าคนอื่นชอบหรือไม่ชอบอะไร เขาเพียงแค่จะทำสิ่งที่ตามที่ความชอบเองก็โอเคแล้ว
ดังนั้นเมื่อหันไปมองสายตาที่สาดส่องของจ้านเซิน ฉินซียังคงรักษารอยยิ้มจางๆไว้ ยกแก้วไปทางจ้านเซิน “ฉันก็แค่กระหายน้ำนิดหน่อย”
เธอไม่โง่ถึงขนาดจะเชื่อคำพูดแบบนี้ของจ้านเซิน
ชอบแล้วยังไง ไม่ชอบแล้วยังไง
ต่อหน้าคนที่ไม่เรียนรู้ที่จะเคารพคนอื่นอย่างจ้านเซิน ความชอบของฉินซีจะไปมีความสำคัญอะไร
เขาเสแสร้งทำเป็นพูด ถ้าฉินซีถูกทำให้หวั่นไหว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ฉินซีรู้จักเขาดียิ่งกว่าใคร
แม้ว่าวันนี้ฉินซีเปิดปากพูดว่าไม่ชอบหนังแอคชั่น เขาก็จะมีเหตุผลมากมายพูดโน้มน้าวฉินซี ให้กลับไปดู
เขาจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพราะความชอบของฉินซี และเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะคล้อยตามคนอื่น
แล้วทำไมจะต้องเปลืองลิ้นกับเรื่องแบบนี้
ถ้าเขาเคารพตัวเธอได้จริงๆ งั้นในตอนที่เธอเหนื่อยล้าทั้งกายใจ แทบจะหมดอาลัยตายอยาก เสนอความต้องการที่จะออกจากองค์กร ก็จะไม่ถูกเขาหลอกลวง กลายเป็นอย่างตอนนี้ แล้วในตอนที่ในที่สุดตัวเธอได้รับชีวิตใหม่ที่มีความสุข เขาก็จะไม่ใช้วิธีการแบบนั้นบังคับให้เธอกลับมา
สำหรับคำตอบของฉินซี จ้านเซินเพียงแค่มองเธออย่างลึกๆ ไม่ได้ไล่ถามต่อ หันตัวแล้วพูดว่า “งั้นดื่มน้ำเสร็จแล้ว กลับกันเถอะ”
ที่เขาใช้คือคำพูดเด็ดขาด ราวกับว่าฉินซีจะต้องกลับไปด้วยกันกับเขาอย่างแน่นอน
บนหน้าของฉินซีดูไม่ออกว่ามีอาการอย่างไร วางแก้วในมือลง พยักหน้าให้เขา “ไปเถอะ”
ใบหน้าของจ้านเซินเผยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่รออยู่ข้างหลังฉินซีอย่างดื้อรั้น รอเธอก้าวเท้าแล้ว ตัวเองถึงเดิน
ทั้งสองคนกลับมาถึงห้องรับแขกตามๆกัน
เพื่อผลที่ได้รับของการฉายโปรเจคเตอร์ ม่านบังแดดรอบด้านล้วนถูกดึงลงมา ฉินซีเดินเข้ามาจากข้างนอก ปรับตัวกับความมืดไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ระวัง เดินเหยียบสิ่งของตรงหน้าประตู สะดุดพุ่งไปข้างหน้า
พื้นห้องรับรองปูพรมไว้ แม้ว่าจะล้มลงไปก็จะไม่เกิดปัญหาใหญ่อะไรขึ้น ดังนั้นฉินซีจึงไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้น แม้แต่เสียงร้องตกใจออกมา แต่จ้านเซินที่ตามมาด้านหลังเธอ จับเธอไว้อย่างตาไวมือเร็ว
ฝ่ามือของจ้านเซินใหญ่มาก แรงก็เยอะมาก ทันทีที่จับไหล่ของฉินซีไว้ ก็หยุดความเป็นไปได้ที่เธอจะล้มลงไปต่อ
“เป็นอะไรไหม?” เห็นฉินซีลุกขึ้นยืนอีกครั้ง มือของเขาก็คลายจากไหล่ แต่ไม่ได้เก็บกลับไป แต่เลื่อนลงไปที่มือของฉินซี นำไปสู่การจับมือของฉินซี
ฉินซีกลับเหมือนถูกไฟดูด เก็บมือของตัวเอง แล้วก้าวถอยหลังทันที
การปฏิเสธโดยไม่รู้ตัวแบบนี้ของเธอนั้นซื่อตรงยิ่งกว่าคำพูดใดๆ สีหน้าของจ้านเซินจมดิ่งลงทันที ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เข้าใกล้ด้านหน้าของฉินซีอีกครั้ง
ร่างของเขาสูงมาก ยืนอยู่ตรงหน้าฉินซีแทบจะเหมือนกำแพง มองลงไปที่ฉินซีจากความสูงด้วยร่างสูง สายตามีความเย็นชาไม่สะทกสะท้าน “เธอกำลังหลบผม”
ที่เขาใช้คือประโยคบอกเล่า ไม่ได้มีความหมายของการถามฉินซี เพียงแค่ใส่ความจริงที่ทำให้คนเย็นชาไปตรงหน้าฉินซี
ดูเหมือนกำลังตั้งคำถาม แล้วยังดูเหมือนเป็นสัญญาณของความโกรธ
ฉินซีรู้สึกกลัวโดยไม่รู้ตัวเมื่อเขาเข้ามาใกล้ แต่ความมีเหตุมีผลยับยั้งการเคลื่อนที่ของเธอที่จะก้าวถอยไปอีก เธอไม่ได้ขยับ และไม่ได้เงยหน้า น้ำเสียงฟังดูสงบนิ่ง “ฉันแค่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่ใกล้คนอื่นมากไป”
แต่ความสงบของเธอกลับดูเหมือนไปจุดประกายความโกรธของจ้านเซิน เขาเอื้อมมือออกไปทันที จับคางของฉินซี บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น “ไม่คุ้นเคยการอยู่ใกล้คนอื่น? ฉินซี เธออย่าบอกผม ว่าในหนึ่งปีที่เธออยู่กับลู่เซิ่น ไม่เคยทำอะไรกันเลย”
ฉินซีถูกบังคับให้เงยหน้าและมองไปที่จ้านเซิน แม้จะอยู่ในห้องรับแขกที่มืดสลัว ความโกรธในแววตาของจ้านเซินก็เห็นได้อย่างชัดเจน
ฉินซีรู้ว่าคำพูดของจ้านเซินมันหมายถึงอะไร
สำหรับเรื่องอดีตของตนกับลู่เซิ่น เขาก็เป็นเหมือนเด็กน้อยที่พบว่า ของเล่นสุดรักของตนถูกคนอื่นเอาไปเล่น เป็นความไม่พอใจอย่างหนึ่ง
แน่นอนว่าจ้านเซินรู้ดีกว่าใครว่า ในหนึ่งปีที่ฉินซีอยู่กับลู่เซิ่นเคยทำมาทุกอย่างทั้งทำได้และทำไม่ได้ ถ้าเขาพูดไปแบบนี้ ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองอารมณ์เสีย
แต่….นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเอ่ยชื่อของลู่เซิ่น หลังจากนานมาแล้ว
ฉินซีใช้นิ้วบีบฝ่ามือของตน บังคับให้ตัวเองใจเย็นลง อย่าปล่อยให้จ้านเซินพบข้อบกพร่องในการแสดงออกใดๆจากหน้า
ในตอนที่เปิดปากพูดอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงใจเย็น “ไม่ว่าฉันจะทำอะไรตอนอยู่กับลู่เซิ่น ทั้งหมดเป็นธุรกิจ ในตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือก ได้แต่พึ่งพาลู่เซิ่น”
ในน้ำเสียงของเธอไม่มีความกล่าวโทษ แต่จ้านเซินกลับรู้สึกตัวหดลงอย่างไม่มีเหตุผล
ไม่ว่าจะเป็นฉินซีในตอนไหน อันที่จริงก็อยู่ภายใต้การสังเกตการณ์อย่างลับๆของเขา
ดังนั้นในตอนที่ฉินซีชีวิตยากลำบาก พบเจอความเจ็บปวด เขารู้ดียิ่งกว่าใคร
แต่เขากลับไม่ได้ยื่นมือช่วยเหลือ
นี่เพราะไม่ให้ฉินซีรู้ได้ว่าเธอยังไม่ได้ออกจากองค์กรไปอย่างสมบูรณ์ จ้านเซินพูดปลอบใจตัวเองแบบนี้
แต่ในใจเขารู้ดีว่า เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แท้จริงคือกำลังรอ
รอให้ถึงตอนที่ฉินซีสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างสมบูรณ์ ค่อยช่วยเหลือฉินซี
ในตอนที่คนกำลังจมน้ำจะคว้าไม้ทุกชิ้น
ฉินซีที่เปราะบางในตอนนั้น ก็จะถูกเขาควบคุมได้ง่ายที่สุด