Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1347
บทที่ 1347 การสะกดจิต
นี่ไม่ต่างกับการโยนปัญหามาไว้ตรงหน้าของฉินซีอีกครั้ง
—-ยอมรับการสะกดจิตหรือปฏิเสธ
ฉินซีเม้มปาก ไม่มีคำตอบให้ในทันที
แต่จ้านเซินรอไม่ไหวแล้ว
เขาลุกขึ้นยืน เดินไปด้านหลังของฉินซี มือทั้งคู่กดลงบนไหล่ของฉินซี ออกแรงหนักเล็กน้อย
ฉินซีรู้ นี่คือคำใบ้ที่เขากำหนดไว้ให้ตน พูดอีกอย่างคือ คุกคาม
ถ้าเกิดตนโพล่งคำตอบที่ทำให้จ้านเซินไม่พอใจออกไป จะเป็นยังไง?
ฉินซีคาดเดาได้อย่างหมดจด
ทำไมจู่ๆตนถึงได้โง่เง่าแบบนี้ นึกว่าตอนนี้ตนยังมีสิทธิ์เลือกไหม
จ้านเซินพาคนมาถึงที่นี่แล้ว ไม่บรรลุเป้าหมายของเขา
—-ไม่ว่าตนจะให้คำตอบอะไรไป ท้ายที่สุดเขาก็จะหาวิธีให้ได้คำตอบที่เขาต้องการ
ฉินซีหลับตาลง ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เสียเวลา พยักหน้าให้โจวซิงเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “เริ่มกันเถอะ”
ใบหน้าของโจวซิงเขียนคำว่าสับสนอย่างชัดเจน แต่จะล่าช้าต่อไปก็ไม่ดี ได้แต่ลุกขึ้นยืน พูดกับฉินซี “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็เตรียมตัวเริ่มกันเถอะ”
ใบหน้าของฉินซีเคร่งขรึม เซลล์ในร่างกายต่างเกร็งขึ้นมา ราวกับวินาทีต่อไปก็จะวิ่งหนี เพียงแต่จ้านเซินจับไหล่เธอไว้แน่น ทำให้เธอไม่มีทางเลือก ได้แต่นั่งอยู่ที่เดิม รอให้โจวซิงเข้ามาใกล้
โจวซิงนั่งลงด้านหน้าฉินซี น้ำเสียงอ่อนโยน “โอเค ตอนนี้หลับตาลง เคลียร์ความคิดที่ฟุ้งซ่านในใจ…..”
ฉินซีหลับตาลงแล้ว
ฝ่ามือของจ้านเซินยังคงวางอยู่บนไหล่ของฉินซีตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจของฉินซีแม้ว่าจะมีความกังวลและความไม่เต็มใจในทุกรูปแบบ ก็ได้แต่ทำตามที่บอกเท่านั้น
ทุกครั้งเวลาที่ถูกสะกดจิตความรู้สึกล่องลอยก็จะมีขึ้นอีกครั้ง
เธอเหมือนกำลังเดินอยู่บนสะพานแขวนสูงลิ่ว มองไม่เห็นทางข้างหน้า และไม่รู้ว่าตนมาจากที่ไหน รอบด้านมีแต่หมอกควัน ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง เธอสับสนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรเดินไปข้างหน้า หรือหยุดอยู่ที่เดิม
เสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกลๆ ความมีเหตุมีผลที่อยู่ลึกลงไปในจิตใจของฉินซีบอกกับเธอ ว่านี่คือเสียงของโจวซิง
“ข้างหน้า เดินไปดูข้างหน้า”
สัญชาตญาณของฉินซีกำลังจะก้าวขาเดินไปข้างหน้า แต่ไม่รู้ว่าทำไม ก็ลังเลหยุดขาลง
…..จะไปข้างหน้าจริงๆหรอ?
ถ้าไปข้างหน้า จะได้เจออะไร?
จะได้เจอ…..ลู่เซิ่นไหม?
คิดถึงชื่อนี้ หน้าอกของฉินซีก็เจ็บอย่างอธิบายไม่ได้ จนได้สติกลับมา ถึงพบว่าบรรยากาศรอบด้านเปลี่ยนไปแล้ว
ไม่รู้ว่าลมพัดมาจากไหน แรกเริ่มยังคงเบาบาง เอื่อยช้า แต่ผ่านไปไม่กี่วินาที ก็มีการเป็นลมกระโชก ฉินซีแทบจะไม่สามารถยืนอยู่บนสะพานได้ ต้องเอื้อมมือจับเชือกของสะพานไว้ถึงสามารถรักษาสมดุลได้
หมอกหนาทึบที่แน่นิ่งอยู่เมื่อครู่ถูกลมพัดออกไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้สลายไปทั้งหมด มีหนามีบาง เหมือนภูตผีเจ้าเล่ห์ ใบหน้าซีดขาว
ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ มือทั้งคู่ของฉินซีถูกเชือกถูจนแดง ในหูนอกจากเสียงลมหวีดแล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นอีกเลย ได้ยินเพียงเสียงคลุมเครือของโจวซิงที่สั่งการอย่างร้อนรนอยู่ด้านหน้า “ยืนอยู่กับที่ อย่าขยับ!”
ต่อให้เขาไม่พูด ฉินซีก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว เธอทุ่มแรงทั้งหมดไปที่มือทั้งคู่ ถึงสามารถทำให้ตนไม่ตกจากสะพานแขวน
เธอกำลังดิ้นรน ในตอนที่แทบจะพยุงไม่ไหว ทันใดนั้นเสียงลมในหูก็หายไป แทนที่ด้วยเสียงผู้ชายที่อ่อนโยน
“ฉินซี”
ฉินซีชะงัก
นี่คือ….เสียงของลู่เซิ่น?
ทำไมถึงมีเสียงของลู่เซิ่นได้?
ฉินซีกระวนกระวายใจ ความสนใจกระจัดกระจายไปเล็กน้อย มือที่จับเชือกอยู่ก็ค่อยๆผ่อนแรงลง
แต่เสียงของลู่เซิ่นก็ดังขึ้นแค่ในวินาทีนี้ วินาทีต่อมา เสียงของลมก็เพิ่มขึ้นกะทันหัน ลมที่พัดมากระโชกแรงกว่าเดิมมาก แล้วการผ่อนแรงชั่วขณะของฉินซีก็ทำให้เธอไม่สามารถต้านทานลมได้ ตัวโซเซไม่มั่นคง ตัวพลิกตกจากสะพานไป
ใต้สะพานมองเห็นได้ไม่ชัดเจน มีแต่ความมืด แต่ความมืดนี้ทำให้คนหวาดกลัวยิ่งกว่า
ในขณะที่หล่นลงมา ฉินซีลืมไปแล้วว่าตนกำลังถูกสะกดจิตอยู่ ความรู้สึกที่ร่วงลงมาสมจริงเกินไป ทำให้ชั่วขณะหนึ่งเธอเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ
ตกลงไปแล้วจะเป็นยังไง?
ด้านล่างเป็นอะไร?
คือหน้าผาหรือเปล่า? หรือว่าแม่น้ำ?
กระดูกฉันจะแหลกสลายไหม?
คำถามมากมายหลอกหลอนอยู่ในสมอง ทำให้ในหัวของฉินซีว้าวุ่น
เธอลืมตาขึ้น มองไปที่สะพานที่หดลงอย่างรวดเร็วเพราะตนตกลงมาด้วยความเร็ว ราวกับถูกความมืดรอบด้านกลืนกิน ในที่สุดก็กลายเป็นจุดเล็กๆ
แต่รอบตัวเธอกลับไม่มีแสงใดๆอีกแล้ว
เธอเหมือนกับย้ายจากสะพานลงไปในขวดหมึก จมดิ่งลงไปในความมืดช้าๆ อะไรก็มองเห็นไม่ชัดเจน
…..จะต้องร่วงลงไปอีกนานแค่ไหน?
จะตกลงไปที่ไหนกันแน่?
ฉินซีไร้ซึ่งคำตอบ ร่างกายกลับเกิดความง่วงอย่างอธิบายไม่ได้
ทั้งๆที่ยังคงร่วงลงมาอยู่ แต่เธอกลับหลับตาโดยไม่ได้ตั้งใจ
…..ง่วงจัง
ท่ามกลางความรางเลือน ราวกับมีเสียงตะโกนอย่างกระวนกระวาย ไม่ให้เธอหลับ แต่ฉินซีกลับต่อต้านความง่วงนี้ไม่ไหว ค่อยๆ ค่อยๆ ท่ามกลางการตกลงมาอย่างไร้ขีดจำกัด ท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่สิ้นสุด เธอหลับตาลง
……
ในตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ตรงหน้าเป็นสีขาวโพลน
ฉินซีอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง
นี่คือที่ไหน?
เธอสับสนไปชั่วขณะ
ถึงอย่างไรในสมองของฉินซี ความทรงจำสุดท้ายยังคงเป็นตอนที่อยู่ในห้องประชุมของสาขา โจวซิงสะกดจิตตน
แต่ในตอนนี้ ตนเองไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงานแน่นอน
ฉินซีชันแขนลุกขึ้นนั่ง มองไปที่สภาพแวดล้อมรอบด้าน
ผนังสีขาว ผ้าปูที่นอนสีขาว กลิ่นจางๆของน้ำยาฆ่าเชื้อ และเสาน้ำเกลือ
แม้ว่าการตกแต่งจะดีกว่าห้องผู้ป่วยธรรมดาอยู่มาก แต่ฉินซีก็ดูออกตั้งแต่แวบแรก นี่คือห้องผู้ป่วย
—-ทำไมฉันมาอยู่ที่โรงพยาบาล? ทำไมมาอยู่ในห้องผู้ป่วย?
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกันแน่?
ตอนนี้…..เป็นเวลาอะไรแล้ว?
ห้องผู้ป่วยถึงแม้จะใหญ่มาก แต่มีแค่เตียงผู้ป่วยของฉินซี ในตอนนี้ว่างเปล่า นอกจากฉินซีแล้วไม่มีใครอยู่อีก ดังนั้นแม้ว่าเธอจะมีคำถามอยู่เต็มหัว ก็ไม่มีใครตอบได้
ฉินซีหัวตัวไปดู เจอมือถือของตนวางอยู่บนหัวเตียงคนไข้ ในตอนที่จะเอื้อมมือออกไปหยิบ ทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก
ฉินซีเงยหน้า สบตาเข้ากับคนที่เดินเข้ามาพอดี
—-จ้านเซิน
ใบหน้าเขาดำมืด ราวกับพึ่งอารมณ์เสียอย่างมากไป เสียงฝีเท้าดังกว่าปกติมาก
โจวซิงตามหลังเขามา ก้มหน้าอยู่ ดูหดหู่เล็กน้อย ในตอนที่สายตามองเห็นฉินซีที่นั่งอยู่ ก็ยืดหลังขึ้นทันที “คุณฟื้นแล้ว?”
ฉินซีมีคำถามอยู่เต็มหัวพอดี ไม่สนใจโทรศัพท์มือถือแล้ว เอ่ยปากถาม “นี่มันเรื่องอะไรกัน? พวกเราไม่ใช่อยู่ในห้องทำงานหรอ? ทำไมจู่ๆถึงมาอยู่ที่นี่? ตอนนี้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว? ฉันเป็นอะไรกันแน่?”
คำถามของเธอถูกพ่นออกมาราวกับปืนใหญ่ โจวซิงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก จ้านเซินที่นิ่งเงียบตั้งแต่เข้าประตูมาจู่ๆก็พูดขึ้น