Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1351
บทที่ 1351 ไปแล้วกลับมาอีกครั้ง
คำพูดของลู่เซิ่น ราวกับเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด แสงที่สาดส่องมายังมุมมืดของฉินซี
ความอ่อนโยนของลู่เซิ่น ทำให้หัวใจของฉินซีอ่อนยวบ
เมื่อนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ลู่เซิ่นทำเพื่อตัวเธอนั้น ฉินซีก็ยิ่งรู้สึกว่าอยากจะเก็บรักษามันไว้ให้ดีๆ
ฉินซีที่ถูกองค์กรบ่มเพาะให้กลายเป็นคนหนักแน่นและเด็กเดี่ยวมาตั้งแต่ยังเล็ก เป็นผู้หญิงที่มีความเป็นตัวของตัวเอง
เธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ว่าชอบเรียกร้องความสนใจ เพื่อมาพิสูจน์ว่าผู้ชายชอบเธอหรือไม่
ตรงกันข้าม เพราะฉินซีขาดความรักมาตั้งแต่เด็กๆ ดังนั้นเธอจึงต้องการความรักมากกว่าคนอื่นๆ
เมื่อเธอรู้สึกถึงความรัก ประการแรกที่คำนึงคือจะทำอย่างไรให้ความรักนี้คงอยู่ไปตราดนานได้เท่านั้น ประการที่สองคือตอบแทนความรักของอีกฝ่ายด้วยความรักของเธอเอง
เพราะความรักคือซึ่งกันและกัน
แรกเริ่มฉินซีไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้เลย แต่หลังจากที่ได้อยู่เคียงข้างลู่เซิ่น เธอก็ค่อยๆเข้าใจถึงเหตุผลเหล่านี้
เธออยากจะไปได้ด้วยดีกับลู่เซิ่น อยากจะอยู่กับลู่เซิ่นไปชั่วชีวิต
ฉินซียอมเอาทุกสิ่งอย่าง เพื่อให้ได้มาซึ่งความฝันที่เป็นจริง
ฉินซีที่กำลังสะอื้นพยักหน้ารับ “โอเค”
เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นนกที่ติดอยู่ในกรง ไม่มีอิสระเป็นของตัวเอง
ฉินซีตั้งตารอวันที่จะได้ออกไปโดยเร็ว ได้เจอลู่เซิ่นเร็วๆ เธอคิดถึงเขา อยากจะกอดเขาเอาไว้ให้แน่นๆและจะไม่แยกจากกันไปไหนอีกแล้ว
“อาเซิ่น หลังจากที่เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ฉันอยากไปเที่ยว”
จู่ๆฉินซีก็พูดอะไรบางอย่างออกมา ทำให้ลู่เซิ่นถึงกับนิ่งอึ้ง
ลู่เซิ่นเข้าใจความคิดของเธอได้อย่างรวดเร็ว เขาพยักหน้ารับอย่างอบอุ่น มุมปากพลางยกยิ้มขึ้น “โอเค ถึงเวลาเธออยากไปเที่ยวที่ไหน ฉันจะพาเธอไปเอง”
เขาพูดอย่างเรียบนิ่งด้วยท่าทีที่สงบ แต่ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
มีแต่ฟ้ารู้ว่าลู่เซิ่นรู้สึกแย่มากแค่ไหน ตอนที่ฉินซีพูดประโยคนั้นออกมา
เขาโทษตัวเองที่ไร้ประโยชน์ ในเวลานี้ เขาไม่สามารถอยู่เคียงข้างฉินซี และปล่อยให้เธอต้องเผชิญหน้ากับปีศาจที่โหดร้ายและไร้ความปรานีอย่างจ้านเซินเพียงลำพัง
แม้ว่าฉินซีจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่เธอก็ยังเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น ไหล่บางๆของเธอ ทำไมถึงได้แบกรับเรื่องต่างๆไว้ได้กันนะ
“ฉินซี เธอคุยเสร็จแล้วหรือยัง”
ที่ปลายสายของโทรศัพท์ โจวซิงเอ่ยถามอย่างร้อนรน
สายตาที่เขามองฉินซีเต็มไปด้วยความกังวล
หัวใจของฉินซีเต้น“ตึกตัก” รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง
เธอไม่อยากวางสาย ไม่อยากไปจากลู่เซิ่น
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ฉินซีจะทำตามอำเภอใจ
โจวซิงรีบเดินมาหยุดที่ข้างๆเธอ “ฉินซี ผมคิดว่าได้ยินเสียงฝีเท้า เธอรีบวางก่อนเถอะ คราวหลังถ้ามีโอกาสผมจะให้พวกเธอติดต่อกันอีก”
เข้าเร่งเร้าอย่างกระวนกระวาย
เมื่อลู่เซิ่นได้ยินอย่างนั้น คิ้วก็ขมวดขึ้นมาเป็นปม
ฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอกดความอาลัยอาวอนที่มีไว้ในใจพลางพยักหน้า “อาเซิ่น ฉันวางก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกัน จำที่เรานัดกันไว้นะ หลังจากที่ฉันกลับไป นายต้องพาฉันไปเที่ยวนะ ”
เธอรีบพูดอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจ้านเซินจะมาในวินาทีถัดไป
หากถูกจ้านเซินจับได้ขึ้นมา การใช้โทรศัพท์ของฉินซีจะกลายเป็นเรื่องยากทันที
“อื่ม ฉันสัญญา”
ในใจของลู่เซิ่นเองก็อึดอัดไม่ต่างกัน แต่เขาไม่สามารถทำตามความรู้สึกของตัวเองได้
เดิมทีจ้านเซินเป็นเหมือนหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึกตัวหนึ่ง ถึงแม้ว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อฉินซีจะแตกต่างออกไป แต่คนเห็นแก่ตัวอย่างเขา อีกทั้งใครๆก็รู้ดี ถ้าทั้งสองอยู่ด้วยกันในอนาคตแล้ว เกิดมีน้ำโหกันขึ้นมา เขาอาจจะลงไม่ลงมือกับฉินซี
แม้ว่าโจวซิงเองก็มีทักษะกังฟูอยู่บ้าง แต่ความสามารถของเขาก็นับว่ายอดเยี่ยมในหมู่ของคนทั่วไป เพียงแต่ในมุมของจ้านเซิน เขาก็เป็นเพียงหมอเท่านั้น
ลู่เซิ่นไม่กล้าเอาชีวิตของฉินซีเข้ามาเสี่ยง ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม เขาจะไม่มีวันเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก่อนที่จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ทั้งลู่เซิ่นและฉินซีต่างก็ไม่รู้ว่า เรื่องราวของพวกเขาถูกเปิดเผยมานานแล้ว
เพียงแต่เพราะจ้านเซินฟังคำแนะนำของถังย่า และอดทนไม่ได้ทำอะไร
แต่ตอนนี้ เขาที่เห็นว่าระหว่างลู่เซิ่นและฉินซีที่ดูจะไปกันได้ด้วยดี ในใจก็เริ่มรู้สึกบางอย่าง เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ทนเห็นฉินซียิ้มอย่างสดใสให้กับผู้ชายคนอื่นไม่ได้แล้ว
เมื่อเห็นทั้งสองคนยังคุยกันกะหนุงกะหนิงไม่ยอมวางสาย โจวซิงถึงพูดขึ้นอย่างร้อนรน “โอเคๆ วางได้แล้ว”
เขาคว้าโทรศัพท์ของฉินซี และกดวางสายทันที
ฉินซียังอยู่ในท่าคุยโทรศัพท์ เมื่อรู้สึกได้ว่าที่มือว่างเปล่า ก็ยิ่งรู้สึกเศร้า
เธอมองไปที่โจวซิงอย่างเหม่อลอย เห็นว่าเขาเอาโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างรวดเร็วและอ้าปากค้างพลางจะเอ่ย แต่แล้วจู่ๆประตูก็เปิดออก
“ครืด!”
จ้านเซินกลับมาแล้ว
เมื่อฉินซีได้ยินก็หันหน้าไปตามเสียง
ทันทีที่เห็นร่างสูงใหญ่ของจ้านเซิน หัวใจก็เริ่มบีบรัดอย่างอธิบายไม่ถูก
ฉินซีก้มหน้าอย่างไม่รู้ตัว เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสายตาของจ้านเซิน
ทำไมจ้านเซินที่ไปแล้วถึงกลับมาไวขนาดนี้กันนะ ถึงแม้ฉินซีจะเตรียมใจอยู่แล้วก็ตาม แต่เธอก็ไม่อยากเผชิญกันมันอยู่ดี
จ้านเซินที่เห็นโจวซิงกำลังยืนอยู่ข้างๆฉินซี ดวงตาที่เรียวยาวก็ค่อยๆหรี่เล็กลง ท่ามกลางนัยน์ตานั้นแฝงไว้ซึ้งรังสีที่มืดมน
เมื่อเห็นว่าฉินซีฟื้นแล้ว ขาเรียวยาวทั้งสองของเขาก็ก้าวตรงไปยังข้างกายเธอ
“ฉินซี เธอฟื้นแล้วเหรอ”
จ้านเซินเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล โดยไม่รู้ว่ามาจากความเป็นห่วงหรือมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝง
ร่างสูงใหญ่เดินตรงมาและเบียดตัวเข้าด้านข้างของโจวซิง
โจวซิงขมวดคิ้ว ถึงจุดหนึ่งที่อยากจะระเบิดมันออกมา แต่เมื่อคิดๆดีแล้ว เขาก็ได้แต่สะกดมันเอาไว้
ฉินซีที่ก้มหน้าอยู่นั้น รับรู้ได้ถึงสายตาที่ร้อนผ่าวราวกับไฟกำลังจับจ้องมาที่เธอ ราวกับอยากจะมองทะลุร่างกายของเธอไปยังหัวใจอย่างไรอย่างนั้น
สายตาที่พุ่งตรงมาเช่นนี้ ทำให้ฉินซีรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
เธอรู้สึกราวกับว่ามีหินก้อนใหญ่กดทับหัวใจอย่างไรอย่างนั้น มันทำให้เธอหายใจไม่ออก แม้ต่อให้จะพยายามหายใจมากเท่าไหร่ก็ตาม
เมื่อเจอเข้ากับคำถามของจ้านเซิน ฉินซีก็ตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองไปชั่วขณะ จนลืมที่จะตอบคำถาม
จ้านเซินขมวดคิ้วทันทีที่เห็นว่าเธอไม่สนใจตัวเอง “ฉินซี เธอยังโทษผมอยู่หรือเปล่า”
น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยน ถึงขนาดที่ว่าหากมีใครในองค์กรได้ยินเข้า ต้องพากันตกใจจนอ้าปากค้างอย่างแน่นอน
พี่ใหญ่ของพวกเขา เปลี่ยนไปเป็นคนอ่อนโยนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
จ้านเซิน คนที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นตามวิถีเลือดเหล็กคนนั้นหายไปไหนแล้ว นี่ไม่น่าจะใช่ตัวปลอมหรอกหน่า
“ฉันไม่ได้โทษนาย”
ทันใดนั้นเอง ฉินซีที่ได้สติตอบกลับด้วยเสียงที่แหบพร่า
หากเธอพูดออกไปว่าโทษเขา จ้านเซินต้องโกรธอีกแน่นอน
ฉินซีกำลังวางแผนในใจอยู่ว่าทำอย่างไรถึงจะสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของจ้านเซินได้
เธอนึกวิธีดีๆได้อย่างหนุ่งนั่นก็คือ แสร้งทำตัวดีไปพลางๆ เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากจ้านเซิน หลังจากนั้นก็ค่อยๆหยั่งเชิงขีดจำกัดของเขา
เพื่อดูว่าจ้านเซินสามารถทนเธอได้มากน้อยเท่าไหร่ และเมื่อใกล้ถึงเวลา เธอจะให้โจวซิงติดต่อลู่เซิ่นและโจวเอ้อ เพื่อมาพบกับพวกเขาที่ข้างนอก
หลังจากนั้น เธอและโจวซิงก็จะใช้โอกาสช่วงที่จ้านเซินไม่ทันระวังตัวหนีออกไป
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินซีก็เงยหน้าขึ้น
เธอเงยขึ้นมองจ้านเซินและพูดซ้ำในประโยคที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่ “จ้านเซิน ฉันไม่โทษนาย ฉันรู้ว่านายก็แค่เป็นห่วงร่างกายของฉัน ถึงได้ให้หมอโจวมาตรวจฉัน ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ นายไม่ต้องโทษตัวเองหรอก”