Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1394
บทที่1394 เผยความในใจ
ฉินซีไม่รู้ว่าถังย่าจะบอกจ้านเซินไปแล้วไหมว่าลู่เซิ่นกำลังมาเธอ
เธอยังคงเดินเล่นอยู่ในสวนด้านหลัง ยากมากกว่าจะได้ออกมา เธอก็อยากจะอยู่ให้นานกว่านี้
ฉินซีเหลือบไปเห็นชิงช้าที่มุม ดวงตาเมล็ดซิ่งสวยปรากฏร่องรอยความดีใจ
เธออดไม่ได้ที่จะวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว ก่อนนั่งลงบนชิงช้า
“นึกไม่ถึงว่าที่นี่จะมีเจ้านี่ด้วย”
ฉินซีชอบเล่นชิงช้าตอนเธอยังเด็ก เมื่อเธอเติบโตและได้เข้าร่วมองค์กรเธอก็ไม่เคยเล่นสิ่งเหล่านี้อีกเลย
ตอนนี้มาเห็นโดยบังเอิญ นึกไม่ถึงว่าเธอยังมีความทรงจำเหล่านี้
ซิวหน่ายซิงติดตามเธออย่างใกล้ชิด หนึ่งก็เพื่อกันไม่ให้เธอหนี สองคือกังวลว่าเธอจะกระทบกระแทกล้ม พอถึงเวลานั้นจ้านเซินจะนำความวุ่นวายมาให้เขา
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของเธอ ซิวหน่ายซิงยิ้มบาง ก็พูดว่า “อยากเล่นไหมครับคุณฉิน? ถ้าอยากเล่น ผมจะผลักจากข้างหลังให้”
เขาทำเหมือนฉินซีเป็นเหมือนเด็ก
ฉินซีส่ายหน้า “ไม่ต้องค่ะ ฉันจะทำเอง”
เมื่อพูดจบ เธอจึงนั่งบนชิงช้าแตะเท้าลงพื้นเบาๆ ก่อนจะเริ่มแกว่ง
ร่างของชีวิตชีวาราวกับนกน้อยบนท้องฟ้าใหญ่ ชั่วขณะนั้น เธออยากจะกลายร่างเป็นนกจริงๆ กางปีกและโบยบินออกไปจากกรงที่กักขังตัวเองไว้
เธอค่อยๆ หลับตาลง สัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่านแก้มเบาๆ
เมื่อฉินซีต้องการที่จะแกว่งให้สูงขึ้นไปอีก จู่ๆก็มีมือมาจับที่เชือกทั้งสองด้าน บังคับให้ชิงช้าที่เธอนั่งนั้นหยุดไว้
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ก่อนค่อยๆลืมตาขึ้น เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่กับดวงตาที่ดูว่างเปล่าของจ้านเซิน
ใจของเธอกระตุกขึ้นมาที่หนึ่ง
ความรู้สึกไม่ปลอดภัยเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ฉินซีวางเท้าลงบนพื้น ก่อนจะปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว เธอยิ้มบางๆก่อนพูดกับเขา “จ้านเซิน ทำไมกลับมาเร็วละ คุยกับถังย่าเสร็จแล้วเหรอ?”
ฉินซีไม่โกรธที่โดนขัดจังหวะ เพราะว่าเธอรู้ว่าเธอจำเป็นต้องตามจ้านเซิน ถึงสามารถที่จะหนีออกไปได้
จ้านเซินไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองตรงมายังฉินซี
ดวงตาที่เฉียบแหลมคู่นั้น ทำให้หลังของฉินซีตัวชา
ฉินซียิ้มแหยๆ ยกมุมปากขึ้น “จ้านเซิน เป็นอะไรไป? ถังย่าไปไหนแล้วละ พวกเธอสองคนไม่ได้ออกไปด้วยกันเหรอ ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน”
เมื่อเห็นจ้านเซินอยู่คนเดียว ถามกลับไปอย่างฉงน
ซิวหน่ายซิงอยากรู้มากว่าตอนนี้ถังย่าอยู่ที่ไหน เป็นไปได้ไหมว่าจะกลับไปก่อน
จ้านเซินนึกถึงสิ่งที่ถังย่าพูด
“เธอไม่ไดชอบคุณ เธอแค่แสร้งทำ เธอหลอกคุณ รอให้ลู่เซิ่นมาช่วย ใจของฉินซีไม่ได้อยู่ในองค์กรนานแล้ว ทำไมคุณยังจะทำแบบนี้อีกละ”
คำพูดของถังย่าเป็นเหมือนคำสาปสะท้อนก้องอยู่ในใจของจ้านเซินอยู่ตลอดเวลา
ยิ่งจ้านเซินคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ยิ่งโกรธ และจิตใจก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้น
เขาเม้มริมฝีปาก ทั้งร่างของเขาเหมือนมีกลิ่นอายที่อำมหิตแผ่กระจายออกมา
จ้านเซินดึงข้อมือของฉินซี “กลับไปกับฉัน”
จู่ๆเขาก็หันกลับอย่างรุนแรง พาฉินซีกลับไปยังห้องพักฟื้น
ฉินซีรู้สึกได้ว่าจ้านเซินโกรธ แต่ไม่รู้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไร
เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของจ้านเซิน ฉินซีไม่กล้าที่จะต่อต้าน
เธอทำได้เพียงถูกจ้านเซินพากลับไปเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
ในตอนนี้ ฉินซีก็เห็นถังย่าเดินมาอย่างช้าๆ
ฉินซีเปิดปากพูด “ถังย่า… …”
เธอเรียกชื่อถังย่า เธออยากรู้ว่าถังย่าไปพูดอะไรกับจ้านเซิน ทำไมเขาโกรธขนาดนี้
แต่ไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ถังย่าก็หันหน้าหนี
ถังย่าเดินผ่านฉินซีและจ้านเซินไปอย่างไร้ความรู้สึก เธอเดินไปยืนข้างซิวหน่ายซิง
เรื่องที่เธอทำได้เธอก็ทำแล้ว เรื่องที่ควรพูดก็บอกจ้านเซินไปแล้ว
แต่จ้านเซินไม่ฟัง เขาดึงดันต้องการให้ฉินซีอยู่เคียงข้างเขา แม้ว่าถังย่าจะปวดใจ แต่เธอทำได้แค่นี้
เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ ฉินซีเห็นถังย่าเดินเฉียดไหลผ่านตัวเองไป
เธอขยับปากจะพูด แต่เมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของถังย่า ท้ายสุดเธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
ฉินซีตอนนี้เข้าใจแล้วว่า ถังย่ากับจ้านเซินเป็นพวกเดียวกัน
เธอไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของถังย่าได้ เธอพึ่งพาได้แค่ตัวเอง
ฉินซีถูกจ้านเซินลากตัวไปที่ห้องพักฟื้นอย่างว่าง่าย
เธอนั่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล มองไปยังหน้าตาบูดบึ้งของจ้านเซิน ก่อนเปิดปากถามเขาเสียงเบา “จ้านเซิน ฉันอยากรู้ ทำไมคุณจู่ๆถึงโกรธฉัน”
ฉินซีมองตรงไปยังจ้านเซิน เธอต้องการฟังคำอธิบาย
แต่จ้านเซินไม่อยากจะอธิบายอะไร แค่คิดว่าที่ผ่านมาทั้งหมดเธอร่วมมือกับโจวซิงโกหกเขา จ้านเซินก็เลือดขึ้นหน้า
“ฉินซี เธอคิดอยากจะออกไปจากองค์กรจริงเหรอ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่จ้านเซินพูดคุยปัญหานี้ตรงๆกับฉินซี
ก่อนหน้านี้ จ้านเซินหลีกเลี่ยงการที่จะต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาตลอด ฉินซีกังวลถ้าหากตัวเองพูดออกมาแล้ว จ้านเซินจะเพิ่มการป้องกันไม่ให้เธอหนีไปแน่นขึ้น เธอเลยไม่กล้าเปิดปาก
“ไม่นี่”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของจ้านเซิน ฉินซีไม่ได้หันหน้ากลับไป และโกหก
ดวงตาของจ้านเซินเป็นเหมือนกระจกที่สามารถส่องเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจคนได้
เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ฉินซีไม่กล้าพูดความจริงออกมา
ดวงตาของจ้านเซินมีประกายเบาๆ เขาเน้นเสียงพูด “มองมาที่ฉัน แล้วพูดอีกครั้ง!”
ตอนนี้ฉินซีเรียนรู้ที่จะโกหก แถมยังไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ทำให้จ้านเซินปวดใจ
“ฉัน… …”
ฉินซีคิดอยากจะพูดซ้ำคำเดิมอีกรอบ จ้านเซินก็พูดอย่างเย็นชาขึ้นมาทันควัน “ฉินซี เธอคิดให้ดีก่อนตอบ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเธอ”
จ้านเซินก้มลงไปมองเธอ น้ำเสียงขรึม
ตอนนี้ ฉินซีไม่รู้ว่าในใจกำลังรู้สึกอะไรกันแน่
เธอไม่เข้าใจว่าจ้านเซินหมายความว่าอะไร หรือเขาเตรียมจะปล่อยเธอไป?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉินซีอดไม่ได้ที่จะมองเขา
แต่จ้านเซินลึกลับเกินไป ฉินซีสังเกตเขาแต่กลับไม่พบอะไร
ทันใดในใจฉินซีก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา บางทีเธอควรจะลองพูดดู
ปิดบังไว้แบบนี้ต่อไปก็ทำอะไรไม่ได้ มันต้องมีสักวันที่จ้านเซินต้องรู้
เมื่อนึกไปถึงว่าคืนนี้ลู่เซิ่นจะมาช่วยตัวเองออกไป ฉินซีก็รู้สึกว่าถึงเวลาต้องพูดแล้ว
หากสามารถแก้ไขได้ด้วยสันติวิธี ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องสูญเสีย
ถ้าหากจ้านเซินไม่เห็นด้วยกับการที่เธอต้องจากไป ก็พอดีกับที่เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งอาลัยอาวรณ์กับสิ่งใด รอให้ลู่เซิ่นมา แล้วหลังจากนั้นก็ไปกับเขาเลย
จากนี้จนถึงวันที่โลกสิ้นสุด เธอกับลู่เซิ่น อย่างไรก็ไม่กลับมาอีกแล้ว
พวกเขาสามารถหาที่อยู่ที่จ้านเซินไม่สามารถหาเจอได้ ซ่อนตัวไว้ รอให้พวกเขาปล่อยวางเรื่องนี้ลงได้ แล้วค่อยหาโอกาสคืนดี
ฉินซีใช้เวลาสั้นๆภายในสองนาที คิดหาทางหนีที่ไล่ไว้เรียบร้อยแล้ว
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเผชิญหน้ากับดวงตาสีเข้มของจ้านเซินริมฝีปากสีแดงเปิดออก “ใช่ ฉันต้องการที่จะออกไปจากองค์กร”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินซีเผยความในใจอย่างชัดเจนกับจ้านเซิน
ในขณะที่ฉินซีพูด นี่เป็นครั้งแรกในชั่วชีวิตของจ้านเซินที่ได้ยินเสียงหัวใจสลาย