Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1398
บทที่ 1398 พ่ายแพ้
โจวซิงคิดอย่างหวาดกลัวในภายหลัง แรงของถังย่าเมื่อตะกี้ ถ้าหากเขาล้มลงไปจริง ใบหน้าบวมช้ำแน่นอน แถมฟันหน้าสองซี่คงหลุดอีก
แม้ว่าเขาจะหลบได้ แต่ข้อศอกของเขาก็แตกเพราะกระแทกพื้น
ถังย่ามองลงไปที่เขา ตาสวยเต็มไปด้วยแววตาหยิ่งยโส “ฝีมือแค่นี้ จะมาแย่งอะไรจากมือฉันไปได้ ไสหัวกลับไปฝึกฝนมาใหม่เถอะ”
เธอไม่ได้ห่วงว่าโจวซิงจะโกรธสักนิด ที่นี่ ใครมีพละกำลังมากที่สุด คือพระราชา
บนโลกใบนี้ มีทั้งคนอ่อนแอและเข้มแข็ง คนอ่อนแอเท่านั้นที่จะต้องถูกรังแก ดังนั้นเธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นคนอ่อนแอ
คำพูดของถังย่าบาดเข้าไปในใจของโจวซิง
โจวซิงใช้ช่องโหว่ตอนถังย่าเผลอจะชกเธอ ถังย่าเห็นว่าเขายังไม่ยอมแพ้ จึงเตะเข้าไปที่ท้องของเขา
“ปัง”
โจวซิงล้มลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้โต๊ะและเก้าอี้ด้านข้างล้มลง
เขารู้สึกได้ทันทีราวกับว่าร่างกายของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ อวัยวะภายในร่างกายเขาปวดร้าว
โจวซิงกำหน้าอกของ ก่อนไอออกมาอย่างรุนแรง “แค่กแค่กแค่ก… …”
เลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปาก นัยน์ตาพร่ามัว
ถังย่าเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา และเปิดข้อความ
– เปลี่ยนแผน ไม่ต้องลงมือ
เมื่อถังย่าเห็นข้อความที่โจวซิงจะส่งให้ลู่เซิ่น ดวงตาดอกท้อทอประกายอันตราย
โชคดีที่ถังย่าลงมือทันเวลา โจวซิงยังไม่ส่งข้อความออกไป
ถังย่าลบข้อความที่ยังแก้ไขไม่เสร็จทันที และเดินไปหาโจวซิงที่กำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยก้าวย่างที่สง่างาม
ฝีเท้าของเธอเบามาก แต่ทุกทุกย่างเท้าของเธอกลับเหยียบย่ำส่วนลึกของหัวใจของโจวซิง
โจวซิงมองเธอที่ก้าวเข้ามาหา ตึงเครียดภายในใจ
เขาไม่คาดคิดว่า ผู้หญิงอย่างถังย่าจะฝีมือดีขนาดนี้ เขาประมาทเกินไป
ถังย่าย่อตัวลงมองเขาด้วยความโกรธ เธอกรีดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มลึก “เป็นอะไรไป? ไม่ยอม?”
เธออมยิ้มมองโจวซิงด้วยใบหน้าที่งดงาม
ใครจะไปคิด ผู้หญิงที่สวยงามเช่นเธอจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้
จริงๆแล้วโจวซิงไม่เต็มใจ “ถ้าหากคุณไม่ฉกฉวยโอกาส คุณคิดเหรอว่าผมจะแพ้!”
ถ้าเริ่มแรกเขารู้ว่าถังย่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ก็คงจะงัดฝีมือทั้งหมดออกมาใช้แน่นอน
ถังย่ามองเขาอย่างโกรธเคือง ริมฝีปากสีแดงยกขึ้น “แกด้อยฝีมือเอง อย่ามาโทษฉัน ฉันยังไม่ได้โจมตีแกเลย แต่แกเมื่อกี้ต่างหากที่ฉวยโอกาสลงมือก่อน ฉันยังไม่คิดบัญชีเลยนะ”
การปัดความรับผิดชอบของโจวซิงแบบนี้ มันทำให้ถังย่ายิ่งดูถูก
ระดับอย่างโจวซิง ถ้ามาอีกสามหรือสี่คน ก็ยังไม่ใช่คู่ปะฝีมือของเธอ แพ้ก็คือแพ้ จะมาอวดฝีมืออะไรที่นี่
“คุณ!”
โจวซิงเก่งในเรื่องวิชาด้านการแพทย์ ถึงแม้ร่างกายจะผ่านการฝึกฝน แต่เขาก็สามารถรับมือได้แค่คนทั่วไป เป็นธรรมดาที่จะเทียบไม่ได้กับถังย่าที่ได้รับการฝึกฝนมาให้เป็น “อาวุธ” ขององค์กร
มันเป็นเรื่องแน่นอนที่เขาแพ้ แต่เพราะโจวซิงต้องมาแพ้ให้กับผู้หญิง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเสียหน้า
ถังย่าขี้เกียจที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับเขา “โอเค มัดเขาไว้”
เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พูดแผ่วเบา
สองคนหน้าประตูทันใดก็กรูกันเข้ามาในห้อง มัดตัวโจวซิงที่นอนอยู่บนพื้น
โจวซิงหน้าถอดสี ก่อนถามด้วยน้ำเสียงดุเดือด “พวกคุณคิดจะทำอะไร”
เขารู้ว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าจ้านเซินจะรู้การเคลื่อนไหวของลู่เซิ่นหรือยัง
ถ้าหากไม่รู้ บางทีคืนนี้ลู่เซิ่นอาจจะรีบมาช่วยเขาและฉินซีออกไป
ถ้าวางกับดักไว้ ก็จบแล้ว
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรถาม”
ถังย่าเหลือบมองเขา ขี้เกียจจะสนใจเขา
เธอมองโจวซิงที่ถูกปิดปากโดนนำตัวออกไปอย่างเย็นชา
ทันทีที่โจวซิงออกมา เขาก็หันไปเห็นจ้านเซินที่พิงกำแพงสูบบุหรี่อยู่
หน้าตาหล่อเหลาราวกับรูปสลัก แต่กลับเย็นชาจนทำให้ใจสั่นด้วยความกลัว
จ้านเซินรู้ว่าถังย่าเก่งแค่ไหน เขาขี้เกียจจะลงมือกับคนอ่อนแออย่างโจวซิง
ท่าทางเย่อหยิ่งเช่นนี้ ทำให้โจวซิงโมโหสุดๆ
โจวซิงเกลียดตัวเองที่ทำได้แค่มองจ้านเซินทำเรื่องชั่วๆ แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
“อื้ออื้ออื้อ! จ้านเซิน แก… …”
ปากของโจวซิงถูกอุดด้วยผ้า เขาทำได้เพียงแค่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธ
จ้านเซินเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงร้อง
เขามองดูโจวซิง ที่ถูกจับตัวไปข้างหน้า ด้วยสายตาว่างเปล่า
ถังย่าเดินตามออกมาช้าๆ มองไปทางจ้านเซิน “จัดการเรียบร้อย”
เธอสั่นโทรศัพท์ในมือ นี่คือของที่ระลึกที่ยึดมาจากโจวซิง
จ้านเซินดับก้นบุหรี่ที่อยู่ในมือ เดินไปข้างเธอ ก่อนจะนำโทรศัพท์มา
เขาพูดเสียงต่ำ “ไป ไปสอบสวนโจวซิง”
แม้ว่าถังย่าจะติดตั้งเครื่องดักฟังในที่ที่ลู่เซิ่นอยู่ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลู่เซิ่นจับได้ เธอเพียงแค่ติดตั้งไว้ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
เมื่อลู่เซิ่นออกจากห้องนั่งเล่น ก็ไม่ได้ยินอะไรเลย
ลู่เซิ่นก็เป็นคนที่ระมัดระวังในระดับหนึ่ง ในสถานการณ์ทั่วไป เขาจะพูดคุยแผนการกับโจวเอ้อในห้องทำงาน
ดังนั้นถังย่าและจ้านเซินรู้แค่ว่า ลู่เซิ่นจะลงมือในคืนนี้ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าลู่เซิ่นจะทำอะไร
จ้านเซินต้องการแผนทั้งหมดจากโจวซิง เพื่อที่เขาจะได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
แต่เห็นได้ชัดว่าโจวซิงไม่ยอมปริปากพูดแน่
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของจ้านเซิน โจวซิงยิ้ม
เขาแสดงให้จ้านเซินเห็นว่าต้องการเอาสิ่งของที่อยู่ในปากตัวเองออก
จ้านเซินส่งสัญญาณให้ถังย่า ถังย่าก้าวไปข้างหน้าและเอาเศษผ้าที่อุดอยู่ในปากโจวซิงออก
“พูดมา”
จ้านเซินมองเขาอย่างเย็นชา
“ถุย ถุย”
โจวซิงมีนิสัยรักสะอาด เขาถุยออกมาด้วยความรังเกียจ
จ้านเซินยืนมองดูท่าทางเขาอยู่ตรงหน้า ไม่ได้พูดเร่งรัด
ยิ่งในช่วงเวลาแบบนี้ ใครยิ่งร้อนใจ คนนั้นยิ่งแพ้
โจวซิงต้องการรอให้จ้านเซินพูดก่อน แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะข่มอารมณ์ไว้ได้ขนาดนี้ “คุณคิดว่าผมจะบอกคุณไหม?”
เขาอดไม่ได้ที่จะแย่งพูดก่อน และมองไปที่ดวงตาของจ้านเซินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหน็บแนม
โจวซิงพูดด้วยเสียงเย็นชา “จ้านเซิน คุณคิดว่าผมโง่เหรอ! ผมจะบอกอะไรให้นะ อย่าคิดว่าจะมีใครรอดออกไปจากที่นี่ได้”
มือของเขาที่อยู่ข้างหลังแอบแกะเชือก
ทันทีที่โจวซิงถูกนำมาที่นี่ เขาก็สังเกตสภาพโดยรอบ
ห้องดำเล็กๆ นี่ไม่มีหน้าต่าง ถ้าอยากออกไป ต้องทะลวงไปทางด้านหน้าเท่านั้น
ตอนนี้ประตูเปิดอยู่ ถ้ามันถูกล็อคจากด้านนอก ในมือของโจวซิงไม่มีเครื่องมือใด คิดออกไปก็ยาก
ดังนั้น โจวซิงจึงเตรียมจะฉวยโอกาสตอนนี้ ให้จ้านเซินและถังย่าผ่อนคลายการระวังตัวลง หลังจากนั้นจะหาโอกาสหนี
ดูเหมือนว่าจ้านเซินจะมองแผนเขาทะลุปรุโปร่ง “ใส่กุญแจมือเขาบนเชือกที่มัดไว้ที่มือ”
เมื่อเขาสั่ง บอดี้การ์ดก็รีบนำกุญแจมือมาล็อคแขนและขาเขาอย่างแน่นหนา