Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1439
บทที่1439 สงบใจรอฉัน
“เปลี่ยนอันอื่นดีกว่า”
เดิมทีโจวเอ้อก็รู้สึกว่าอันนี้มันธรรมดา น่าจะค่อนข้างเหมาะ แต่กลับไม่คิดว่าสวมแล้วจะมีผลลัพธ์แบบนี้
เขารู้สึกว่า ยังดูเด่นเกินไป
ลู่เซิ่นถอดหน้ากากออก หยิบเสือดาวข้างๆขึ้นมา
หลังจากเขาสวมเข้าไปอีกครั้ง โจวเอ้อก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยได้
“เอ่อ….”
“เปลี่ยนอีกอัน”
โจวเอ้อส่งสิงโตไปให้
ลู่เซิ่นมองเขาอย่างขุ่นเคือง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ทำไมมีแต่สัตว์ ไม่มีที่เรียบง่ายหน่อยหรอ แบบที่ไม่มีลวดลายอะไร”
มองไปจนทั่ว นอกจากพวกอันที่เขาลองไปเมื่อกี้ ยังมีกระต่าย แกะ เสือและอื่นๆ
ลู่เซิ่นรู้สึกว่าโจวเอ้อคงจะอยากย้ายสวนสัตว์มานี่
“มี”
ตอนนั้นโจวเอ้อสุ่มหยิบมาจากร้านขายของเล่น
ร้านขายของเล่นนะ! มีแต่ของเล่นของเด็ก
เด็กๆเป็นธรรมดาที่จะชื่นชอบแนวสิงสาราสัตว์ ดังนั้นจึงมีแบบเยอะหน่อย
แบบที่เรียบง่าย ไม่มีลวดลาย กลับมีน้อยมาก
แต่โจวเอ้อก็หามาได้สองสามอัน
เขารู้ ลู่เซิ่นไม่ค่อยชอบของที่หวือหวา
โจวเอ้อส่งอันที่เป็นสีดำล้วนให้
ในตอนที่ลู่เซิ่นเห็นหน้ากากสีดำ บนนั้นมีแถบสีทองอยู่สองสามเส้น ตาก็เป็นประกาย
หลังจากเขาสวมแล้ว ส่องกระจกดู ก็เอ่ยปากอย่างพอใจ “เอาอันนี้แหละ”
โจวเอ้อสังเกตดูเล็กน้อย อันนี้หลบซ่อนกว่าพวกเมื่อกี้หน่อยจริงๆ
ดังนั้น โจวเอ้อจึงหยิบสีเงินอีกอันขึ้นมา
“งั้นฉันเอาอันนี้”
ลายสัตว์พวกนั้นมันเว่อร์เกินไป แล้วยังดูปัญญาอ่อนด้วย
โจวเอ้อเองก็ไม่ได้ชอบมาก อาจเป็นเพราะอยู่กับลู่เซิ่นมานานแล้ว แม้แต่ความชอบยังค่อยๆเปลี่ยนเป็นคล้ายกัน
ทั้งสองอยู่ที่นี่เตรียมการเพื่องานเลี้ยงในอีกสองวัน พริบตาเดียวฟ้าก็สว่างแล้ว
……
ขณะเดียวกัน
ในองค์กร
ฉินซีไม่ฝันทั้งคืน หลับจนฟ้าสว่าง
เดิมทีเธอนึกว่าเมื่อคืนตนจะต้องนอนไม่หลับแน่ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะหลับได้สนิทขนาดนี้
อาจเป็นเพราะเดี๋ยวจะได้เจอลู่เซิ่นแล้ว อารมณ์ดี มีความสุขจนคุณภาพการนอนดีขึ้นมา
ฉินซีคิดอย่างดีใจ ไม่ได้รอให้นาฬิกาปลุกดัง ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างตัว
แต่ก่อนตอนเธออยู่ข้างนอก เธอขี้เกียจมาก
ช่วงหนึ่งเดือนกว่ามานี้ ฉินซีก็กลับมาสู่กิจวัตรเดิม
พอฉินซีจัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ตอนที่ออกไป ก็บังเอิญได้ยินเสียงเคาะประตู
“ก๊อกก๊อกก๊อก…..”
ฉินซีวางผ้าขนหนูไว้บนไม้แขวนเสื้อ นึกว่าเหยาจ้าวมาแล้ว ใบหน้าเผยความตื่นเต้นดีใจ
เธอรีบเดินไปเปิดประตู
ในนาทีที่ประตูห้องเปิดออก รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีก็หายไปทันที
คนที่อยู่นอกประตูไม่ใช่เหยาจ้าว แต่เป็นจ้านเซิน
จ้านเซินเห็นอารมณ์เธอเปลี่ยน ก็ขมวดคิ้ว “เธอเป็นอะไร?”
เขารู้สึกว่าอารมณ์ของฉินซีดูผิดปกติ หรี่ตาลงอย่างอันตราย
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร นายมาทำไม”
ฉินซีส่ายหัว น้ำเสียงยังมีความเศร้าซึมจากการพึ่งตื่นนอน
มองไม่เห็นเหยาจ้าว ในใจของฉินซีก็รู้สึกไม่เป็นสุข และยังรู้สึกกังวล
แต่ว่า เธอไม่สามารถแสดงออกมาต่อหน้าจ้านเซิน
ฉินซีสูดหายใจลึก ไม่นานก็จัดการอารมณ์ได้
จ้านเซินก้มมองเธอจากมุมสูง อยากจะหาพิรุธในการแสดงออกของเธอ “วันนี้เธอออกไปปฏิบัติภารกิจ ฉันมาทำให้เธอผ่อนคลาย เตือนเธอซักสองสามคำ”
“ฉันเข้าไปได้ไหม?”
จ้านเซินมองเข้าไปข้างใน เอ่ยปากเบาๆ
ฉินซีพึ่งตระหนักได้ว่าเขายังยืนอยู่ที่หน้าประตู จึงรีบพูดขึ้น “ได้แน่นอน”
เธอเบี่ยงตัว ให้จ้านเซินเดินเข้าไป
ในตอนที่ฉินซีเตรียมจะปิดประตูห้อง เหยาจ้าวก็รีบร้อนมา
“รอก่อน!”
เห็นฉินซีจะปิดประตู เหยาจ้าวก็รีบส่งเสียงหยุดไว้
ฉินซีได้ยินเสียง ใบหน้าก็เผยความตื่นเต้นดีใจ
เธอสังเกตสีหน้าของเหยาจ้าวอย่างละเอียด เห็นเขาดูท่าทางผ่อนคลายมาก ในใจก็รู้สึกโล่งไม่น้อย
ดูท่าเรื่องที่มอบหมายไปเมื่อคืน เหยาจ้าวจะทำสำเร็จแล้ว
ฉินซีแสร้งทำเป็นเฉยเมย “นายมาทำอะไร?”
เธอทำท่าขวางประตูห้องไว้ ไม่ให้เหยาจ้าวเข้ามา
เหยาจ้าวยืนกั้นกลางประตูด้วยความหน้าหนา “เฮ้เฮ้ น้องสาวคนดีของฉัน เธอบอกว่าฉันมาทำอะไร แน่นอนว่าเป้าหมายเดียวกับจ้านเซินไง”
เขาใช้โอกาสนี้ เข้าใกล้ฉินซี
เหยาจ้าวใช้เสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนที่ได้ยินพูดขึ้น “ทางด้านลู่เซิ่นตอบตกลงมาแล้ว เธอออกไปอย่างวางใจได้”
เสียงของเขาเล็กเหมือนยุง จ้านเซินที่อยู่ในห้องไกลๆก็ไม่ได้ยิน
ร่างของฉินซีบังเอิญบดบังรูปปากของเหยาจ้าวพอดี เธอได้ยินคำพูดของเหยาจ้าว ดวงตาสีเข้มก็มีแสงแวบผ่าน
เธอเม้มมุมปาก ไม่ได้พูดอะไร
ฉินซีอดกลั้นอารมณ์ตื่นเต้นในใจเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใครต้องการให้นายมาส่ง”
แม้ว่าใบหน้าของเธอจะดูหมดความอดทน แต่ก็ยังปล่อยมือที่จับประตูไว้
ฉินซีพูด พลางหันตัวเดินเข้าไปในห้อง
เธอปล่อยมือกะทันหัน ทำเอาเหยาจ้าวเกือบจะล้มลงกับพื้น
เหยาจ้าวรีบจับขอบประตูไว้ ถึงประคองตัวไว้ได้
เขากัดฟันกรอดมองไปที่ฉินซีที่หันตัวไปอย่างไม่แยแส แล้วพูดอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย “ฉินซี เธอใจร้ายเกินไปแล้วนะ”
เหยาจ้าวเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
มองดูความเข้ากันได้ของเหยาจ้าวกับฉินซี จู่ๆจ้านเซินก็รู้สึกอิจฉา
ตอนนี้เวลาที่ฉินซีอยู่ต่อหน้าเขา จ้านเซินมักจะรู้สึกว่ามีอะไรน้อยกว่าเมื่อก่อน
“ฉันใจร้ายตรงไหน”
เพราะว่าทำเรื่องสำเร็จมาครึ่งนึงแล้ว ฉินซีจึงอารมณ์ดีมาก พูดจาก็มีความขี้เล่น
จ้านเซินพอจะดูออก ว่าตอนนี้ฉินซีดีใจมาก
เพียงแต่ เธอมีความสุขเพราะจะได้ออกไปทำภารกิจ หรือว่า อยากออกไปเจอลู่เซิ่น ถึงได้มีความสุขล่ะ?
จ้านเซินเหลือบตาขึ้น ในสมองคิดอย่างสับสน
“เธอ!”
เหยาจ้าวถูกฉินซีทำให้โกรธจนฉุน อดไม่ได้ที่จะกรอกตา
“หึ!”
เขาหึอย่างเย็นชา “ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน ฉันจะไม่โต้เถียงกับเธอ”
เหยาจ้าวหย่อนก้นลงบนโซฟา
จ้านเซินก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ “ใกล้ได้เวลาแล้ว เธอเก็บของเรียบร้อยหมดหรือยัง?”
เขารู้ ว่าเวลาฉินซีปฏิบัติภารกิจ ชอบเอาอุปกรณ์ของตัวเองไปด้วย
“เก็บเรียบร้อยแล้ว”
เมื่อพูดถึงเรื่องธุรกิจ ใบหน้าของฉินซีก็กลับมาจริงจัง พยักหน้า
จ้านเซินหยิบกล่องเล็กๆหนึ่งใบออกมาส่งให้เธอ “ด้านในเป็นหน้ากากกับเสื้อผ้าที่เธอจำเป็นต้องใช้ สำหรับงานเต้นรำสวมหน้ากากในครั้งนี้ ฉันเตรียมไว้ให้เธอแล้ว”
เขาคิดไว้รอบคอบมาก
ฉินซีเปิดออกดู ด้านในเป็นชุดกระโปรงประดับเลื่อมสีเบอร์กันดี
ความยาวถึงหัวเข่าพอดี สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก
ด้านในยังมีหน้ากากสีทอง ดูละเอียดสวยงามมาก
ปฏิเสธว่า จ้านเซินเข้าใจความชอบของเธอมากจริงๆ
ใบหน้าของฉินซีเผยรอยยิ้มบางๆ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ของคุณนะ จ้านเซิน ฉันออกไปครั้งนี้ จะไม่ทรยศความคาดหวังของนาย นายรอฉันอย่างสบายใจอยู่ที่องค์กรได้เลย”