Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1442
บทที่ 1442 หน้ากากหนังคน
โจวเอ้อสีหน้าสงสัยยื่นมือไปรับ เปิดกล่องสีดำลึกลับนั่น
เมื่อโจวเอ้อเห็นของที่อยู่ข้างใน ก็อึ้งไป
เขาเงยหน้าตื่นเต้น สายตาจ้องมองลู่เซิ่น “นี่มัน…”
น้ำเสียงโจวเอ้ออึกอัก ไม่กล้ายืนยันออกไป
เขาเคยได้ยินคนอื่นพูดถึงของสิ่งนี้ แต่ไม่เคยเห็นมันกับตาตัวเอง
“ถูกแล้ว มันคือของที่นายคิดนั่นแหละ”
ลู่เซิ่นพูดเรียบๆ มองการแสดงออกของโจวเอ้อยิ้มๆ หลังจากคำพูดของเขา ยิ่งทียิ่งรู้สึกไม่เชื่อสายตา
“มันคือหน้ากากหนังคนจริงๆ”
หน้ากากหนังคนที่เคยพูดต่อๆ กันทำได้บางเหมือนผิวหนังคน จึงเรียกกันว่า “หน้ากากหนังคน”
เขาไม่ได้ฆ่าคนแล้ว ลอกหนังออก มาทำหน้ากาก มันเป็นเพียงชื่อเท่านั้น
“หน้ากากหนังคน” ทำได้บางเท่าไร ก็ยิ่งพิสูจน์ว่าช่างมีฝีมือสูงมาก
โจวเอ้อนึกไม่ถึง เขาจะได้เห็น “หน้ากากหนังคน” จริงๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบหน้ากากหนังคนมาดูอย่างแปลกใจ
หน้ากากหนังคนบางเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง โจวเอ้อหยิบมันส่องกับแสงอาทิตย์ก็ยังโปร่งใสด้วย ริ้วรอยราวกับหายใจได้จริงๆ
“ประณีตจริงๆ”
โจวเอ้ออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา สีหน้านับถือช่างฝีมือ
แม้เขาจะไม่เคยเห็นหน้ากากหนังคนอันอื่น แต่ก็มั่นใจได้ หน้ากากหนังคนอันนี้จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง
ช่างที่สามารถประดิษฐ์งานได้ละเอียดประณีตถึงขั้นนี้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
หน้ากากที่บางเหมือนปีกจักจั่น ทำให้โจวเอ้ออดไม่ได้ที่จะจับอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะทำให้มันเสียหาย
ของชิ้นนี้ลู่เซิ่นคงจะไม่ได้มาง่ายๆ
โจวเอ้อประคองหน้ากากหนังคน เดินไปหาลู่เซิ่นอย่างระมัดระวังถามเขา “ลู่เซิ่น นายได้ของดีขนาดนี้มาจากไหนกัน”
มีหน้ากากหนังคนสองอันนี้ ต่อให้เดินสวนไหล่กับจ้านเซิน ก็ไม่แน่ว่าเขาจะจำได้ นอกเสียจากจ้านเซินจะมีสายตาแยกแยะปีศาจของซุนหงอคงมองทะลุผิวด้านนอกมองเห็นคนด้านใน
ลู่เซิ่นเผยอริมฝีปาก เผยรอยยิ้มลึกลับจนคาดเดาไม่ถูก
เขาจ้องมองโจวเอ้อพูดเสียงต่ำ “นายเอาไปลองดูก่อนใส่ได้ไหม มีตรงไหนต้องแก้ไขบ้าง”
ลู่เซิ่นไม่ได้บอกเขาตรงๆ แต่กลับอุบไว้ไม่ยอมบอก
เมื่อได้ยินลู่เซิ่นพูดอย่างนี้ โจวเอ้อยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น
ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะรู้จักคนประดิษฐ์หน้ากากหนังคนจริงๆ
“โอเค”
ที่จริงโจวเอ้ออยากจะลองใส่แต่แรกแล้ว แต่เพื่อไม่ให้ทำเสียหาย เมื่อลู่เซิ่นยังไม่อนุญาต เขาจึงไม่กล้าลองใส่ดู
สีหน้าโจวเอ้อจึงปรากฏความยินดี เขาถือหน้ากากหนังคนเดินไปหน้ากระจก ใส่อย่างระมัดระวัง
หลังจากใส่แล้วโจวเอ้อไม่รู้สึกความผิดปกติใดๆ เขาถึงกับรู้สึกว่าหน้ากากหนังคนอันนี้ คือผิวของเขาจริงๆ เมื่อสวมแล้วก็กลายเป็นเนื้อเดียวกัน
“เจ๋งมากๆ!”
โจวเอ้ออดใจไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ส่องดูไปมาหน้ากระจก
ถ้าไม่ใช่เห็นกับตาตนเองเขาคงไม่กล้าเชื่อ ในโลกใบนี้จะมีเทคนิคที่ล้ำเลิศขนาดนี้
โจวเอ้อมองตัวเองที่กลายเป็นคนแปลกหน้าในกระจก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ตอนที่เขาหัวเราะ หน้ากากหนังคนที่อยู่บนหน้าก็หัวเราะด้วย
โจวเอ้อหันไปมองก็เห็นว่าลู่เซิ่นใส่หน้ากากหนังคนอีกอันหนึ่งเช่นกัน
หลังจากลู่เซิ่นใส่หน้ากากแล้ว ใบหน้าที่หล่อขั้นเทพ ก็เปลี่ยนเป็นคนธรรมดาๆ ทันที
โจวเอ้อรีบเดินเข้าไปตรงหน้าเขา “ลู่เซิ่น นายรีบบอกฉัน ของนี่มาจากไหนกันแน่”
เขารู้สึกประหลาดใจมาก
โจวเอ้อจับแขนลู่เซิ่นแน่น สายตามีประกายของความอยากรู้
เห็นเขาอยากรู้ขนาดนี้ ลู่เซิ่นก็ไม่ปิดบังอีก “ฉันทำเองแหละ”
ลู่เซิ่นพูดเรียบๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่เขาไม่รู้ว่า คำพูดของเขาทำให้โจวเอ้อใจเต้นด้วยความตื่นเต้น
โจวเอ้อมองเขาตกตะลึง อ้าปากค้าง
เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พบว่าตัวเองไม่มีเสียงออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง โจวเอ้อถึงหุบปากที่อ้าค้างเพราะไม่อยากเชื่อ ถามอึกๆ อักๆ “ลู่เซิ่น นายทำเองจริงๆ หรือ”
สายตาของเขามีแต่ความประหลาดใจ แม้เขาจะรู้ว่าลู่เซิ่นเก่งกาจ แต่ไม่เคยคิดมาก่อน แม้แต่ด้านนี้เขาก็จะทำได้
ลู่เซิ่นยืนสุขุมเยือกเย็นอยู่ที่เดิม ดวงตาดำขลับฉายรอยยิ้มจางๆ “ไม่ใช่ฉันทำ หรือว่านายเป็นคนทำล่ะ”
น้ำเสียงย้อนถามเรียบๆ ของเขา หลังจากนั้นก็ถอดหน้ากากหนังคนออก วางกลับลงไปในกล่องตามเดิม
อย่างนี้ โจวเอ้อเชื่อคำพูดของเขาหมดใจ
โจวเอ้อขับแขนเขาแน่น ถามอย่างตื่นเต้น “ลู่เซิ่น นายไปเรียนตอนไหนมา ทำไมฉันไม่เห็นรู้”
พวกเขารู้จักกันมานานหลายปี ไม่เคยได้ยินลู่เซิ่นพูดถึงเรื่องนี้
ลู่เซิ่นก้มมองเขา ริมฝีปากบางขยับนิดหนึ่ง “นี่เป็นความลับ”
อันที่จริงนี่เป็นโอกาสที่ลู่เซิ่นบังเอิญได้มาตอนเป็นเด็ก
ตอนนั้นลู่เซิ่นถูกวางแผนลอบฆ่า พลัดหลงเข้าไปในภูเขาลึก เขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ แต่นึกไม่ถึงจะบังเอิญพบกับสุดยอดฝีมือคนหนึ่งเข้า
ยอดฝีมือคนนั้นช่วยชีวิตลู่เซิ่น และยังสอนวิธีประดิษฐ์หน้ากากหนังคนที่ไม่มีคนสืบทอดมานานด้วย หวังว่าภายภาคหน้าลู่เซิ่นจะหาลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นได้ เพื่อสืบทอดงานฝีมือนี้ต่อไป
แต่ยอดฝีมือคนนั้นกำชับกับเขา ไม่อนุญาตให้ลู่เซิ่นแพร่งพรายชื่อสกุลของเขา และจะต้องใช้งานฝีมือนี้ในทางที่ถูกต้อง จะนำไปทำเรื่องผิดกฎหมายไม่ได้
หลายปีมานี้ ลู่เซิ่นจำขึ้นใจ ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง
ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องของฉินซี ชาตินี้เขาคงไม่บอกกับใครว่าเขาทำหน้ากากหนังคนได้
โจวเอ้อก็รู้ว่าเรื่องนี้คนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี เมื่อเห็นลู่เซิ่นไม่อยากบอกก็ไม่ซักถามอีก
“โอเค ถอดหน้ากากคืนให้ฉันได้ละ”
ลู่เซิ่นยื่นมือ แสดงท่าทางให้เขาถอดหน้ากาก วางลงในกล่อง
การทำหน้ากากหนังคนที่ประณีตละเอียดอ่อน ต้องทุ่มเทกำลังกายใจมาก ตอนนี้เวลารีบเร่ง ถ้าหากทำพังล่ะก็ ลู่เซิ่นไม่มีเวลาพอที่จะทำใหม่อีกอัน จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
“โอเค”
โจวเอ้อพยักหน้า ถอดหน้ากากหนังคนออกด้วยความเสียดาย
เขาวางหน้ากากหนังคนลงในกล่องอย่างเบามือ กลัวว่าจะทำให้มุมไหนเสียหาย สายตาจับจ้องตลอด
โจวเอ้อมีรอยยิ้มยินดีบนใบหน้า “ตอนแรกฉันคิดว่างานเลี้ยงครั้งนี้อาจจะถูกจับได้ ดูท่าครั้งนี้น่าจะไม่พลาดแน่”
เดิมทีเขาไม่กล้าคุยอวด แต่ตอนนี้เมื่อเห็นลู่เซิ่นหยิบหน้ากากหนังคนขึ้นมา ความหวั่นใจจึงผ่อนคลายลงไปสิ้น
มีหน้ากากหนังคนที่ประณีตเหมือนเนรมิต โจวเอ้อไม่เชื่อจ้านเซินจะยังจำได้