Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1447
บทที่ 1447 จำได้
“ผมยังมีครอบครัวต้องดูแล ต้องเลี้ยงหลายคนทั้งบ้าน ถ้าผมตกงาน งั้นครอบครัวผมจะอยู่ยังไง”
เสียงของผู้จัดการสะอื้น ดูท่าจะร้องไห้ออกมา
“อย่ามาแสดงบทน่าสงสารที่นี่ ครอบครัวคุณจะอยู่ยังไงไม่เกี่ยวกับฉัน ต่อให้คุณออกจากที่นี่ ก็ยังไปหางานใหม่ได้”
ฉินซีไม่เชื่อมุกนี้ เธอมองปราดเดียวก็รู้ นี่เป็นแค่ละครที่ผู้จัดการอยากรักษาเก้าอี้ตัวเอง เปิดโปงความเสแสร้งของเขาโดยไม่ไว้หน้า
ตอนแรกผู้จัดการคิดอยากจะขอร้อง แต่ในหัวก็เกิดความคิดขึ้นแวบหนึ่ง
เขายืนตัวตรง พูดอย่างจริงจัง “เลขานุการฉิน พวกเราต่างทำงานให้คนอื่นเหมือนกัน หวังว่าคุณจะให้อภัยผม คุณคิดว่าใช้ความสวยไต่เต้าหรือ จะอยู่กับ ประธานหลูได้อีกนานสักเท่าไรเชียว ไม่เคยขาดผู้หญิงสวย ผมยอมรับคุณสวยกว่าผู้หญิงพวกนั้นที่ประธานหลู เคยเลี้ยงดู แต่คนเรายังไงก็ต้องแก่ตัวถึงวันนั้นคุณจะทำยังไง”
เขาพูดทีละคำชัดๆ สายตาจ้องมองฉินซี
ถ้าเป็นคนอื่น คงจะโกรธเกรี้ยวไปแล้ว แต่ฉินซีไม่โกรธ และใบหน้ากลับมีรอยยิ้มบางๆ เธอมองผู้จัดการที่สงสัยตัวเอง พูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “วางใจเถอะค่ะ ฉันฉลาดกว่าคุณ ก่อนฉันไปจะต้องจัดการทางหนีทีไล่เรียบร้อยแล้ว”
น้ำเสียงของเธอเรียบๆ กระทั่งได้ยินถึงความอ่อนโยน
แต่คำพูดเบาๆ เช่นนี้ กลับทำให้ในใจผู้จัดการเต้นแรง
“คุณ!”
คำพูดเมื่อครู่ของฉินซี แทงใจทุกประโยค
ผู้จัดการสูดลมหายใจลึก ระงับไฟแค้นลง “เลขานุการฉิน คุณเป็นแค่เลขาเล็กๆ ไม่ใช่หัวหน้าของโรงแรมเรา มีสิทธิ์อะไรไล่ผมออก”
เขากัดฟันพูด สายตาจ้องฉินซีเดือดดาล
ฉินซีก้มหน้ามองปลายเท้า พูดเรื่อยๆ “ฉันกลับไปคุยกับประธานหลู ก็ได้ บอกเขา คุณไม่ใช่แค่ทำงานไม่เต็มที่ และยังทำตัวไม่ดีกับฉันด้วย ให้เขาช่วยเตือนโรงแรมพวกคุณ ไล่คุณออกก็ได้”
เมื่อเธอพูดจบ สีหน้าของผู้จัดการก็บอกบุญไม่รับทันที
แม้ฉินซีไม่มีสิทธิ์ แต่ หลูจื๋อหลินมีสิทธิ์
ผู้จัดการรู้ดี หัวหน้าของเขาไม่มีทางทำเพื่อเขาหักหน้าหลูจื๋อหลิน แน่นอน แค่เพียงฉินซีพูด เขาต้องตกเก้าอี้แน่
เขาคำรามโมโห “คุณอย่ามาวางอำนาจ ตอนแรกผมให้เกียรติคุณมาก ไม่เข้าใจทำไมต้องปรักปรำผมขนาดนี้”
ผู้จัดการระงับความโกรธไม่อยู่ ก้าวพรวดมาทางฉินซีจะเงื้อมือตบ
ในหัวเขาเกิดความคิดที่บ้าคลั่ง
ในเมื่อฉินซีไม่คุยกันด้วยเหตุผล จะลากเขาลงนรก ถ้าอย่างนั้นมีอะไรต้องคิดอีก สู้ตายคู่ดีกว่า
ผู้จัดการมองฉินซีสายตาและใบหน้าดุร้าย ดวงตามีประกายกระหายเลือด
ขณะเดินเข้าไป หางตาเขาเหลือบเห็นมีดปอกผลไม้ที่วางบนโต๊ะข้างๆ
ผู้จัดการหยิบมีดปอกผลไม้นั้น พุ่งเข้ามาทางฉินซีอย่างบ้าคลั่ง
ลู่เซิ่นระวังไม่ให้จั่วยีจั่วเอ้อ รู้เบาะแสความจริง จึงยืนข้างๆ ไม่พูดจาอะไรมาตลอด แต่เมื่อเขาเห็นผู้จัดการจะลงมือกับฉินซี ก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก
ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไป ปกป้องฉินซี จั่วยีจั่วเอ้อ ไวกว่าเขาก้าวหนึ่งชกผู้จัดการหมอบลงไป
“โครม!”
ได้ยินแต่เสียงร้องโอดโอย ร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของผู้จัดการ กระแทกพื้นเต็มแรง ทำเอาฝุ่นกระจาย
จั่วยีจั่วเอ้อ ต่างแยกกันกดไหล่ซ้ายขวาของเขา
“แกร๊ก!”
มีดปอกผลไม้ร่วงหล่นลงพื้น เกิดเสียงดังของคมมีด
จั่วยีกดหัวของผู้จัดการ ทำให้หน้าของเขาแนบติดกับพื้น
ความรู้สึกเย็นวาบ แทงโสตประสาทของผู้จัดการ
ความรู้สึกอัปยศอดสูเข้าครอบงำจิตใจของเขา เขาดิ้นรนเดือดดาล “ปล่อยกู พวกหมารับใช้”
เขากัดฟันกรอดด่ากราด
จั่วยีจั่วเอ้อ สายตาเย็นเฉียบ
พวกเขาออกแรงเพิ่มโดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้แขนผู้จัดการหัก
“โอ๊ยยย!”
ผู้จัดการรู้สึกว่าแขนสองข้างของตัวเองเหมือนกับขาดแล้ว ร้องเจ็บปวด “ปล่อยกู ปล่อยเดี๋ยวนี้ ข้าจะสู้กับแก!”
เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ปากยังคงร้องด่า
ผู้จัดการยิ่งด่าเจ็บแสบเท่าไร จั่วยีกับจั่วเอ้อ ก็ยิ่งออกแรงหนักขึ้น
เมื่อรู้สึกได้เช่นนั้น ผู้จัดการรีบร้องขอชีวิต “ขอโทษลูกพี่สองคน ผมผิดไปแล้ว เมื่อกี้ไม่ควรวางโต ลูกพี่ปล่อยผมไปเถอะ”
เขามองทั้งสองคนสีหน้าเจ็บปวด ขอบตาแดง คล้ายกับจะร้องไห้
จั่วยีจั่วเอ้อ ฝึกอบรมที่องค์กรจนใจแข็งเป็นหินตั้งนานแล้ว ผู้จัดการขอร้องเช่นนี้ ทั้งไม่แยแส และไม่มีวี่แววใจอ่อนสักนิด
ก่อนมาที่นี่ จ้านเซินกำชับกำชาพวกเขา
เวลาอยู่ข้างนอก จะต้องดูแลฉินซีให้เต็มที่ อย่าให้เธอได้รับอันตรายแม้ปลายเล็บ
ภารกิจครั้งนี้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม สุดท้ายแล้วจะต้องทำให้ฉินซีมีชีวิตปลอดภัยกลับมา
จั่วยีจั่วเอ้อ จดจำขึ้นใจ เมื่อเห็นผู้จัดการพุ่งเข้าหาฉินซีเช่นนั้น พวกเขาจึงเอาตัวเข้าขวางในเสี้ยววินาที
ฉินซีคาดเดาไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องเข้ามาขวาง แต่นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ก็ขยับเช่นกัน
ตอนนี้ ฉินซีก็เห็นด้านข้างของชายหนุ่ม ใต้ติ่งหูมีไฝดำ
ตำแหน่งไฝนั้นเหมือนกับลู่เซิ่นเปี๊ยบ
ฉินซีสีหน้าประหลาดใจ สายตาของเธอมอง ลู่เซิ่นไม่วางตา ในใจเต้นโครมคราม
แม้หน้าตาเขาจะต่างกับลู่เซิ่นสิ้นเชิง แต่ครั้งนี้ฉินซีมั่นใจสถานะของเขา เขาคือลู่เซิ่น
เหมือนจะรู้สึกได้ ลู่เซิ่นมองเธอ
สองคนสบตากัน ทันใดนั้นขอบตาแดง
ฉินซีไม่รู้ว่าควรบรรยายความรู้สึกในใจอย่างไร เธอคาดไม่ถึง ลู่เซิ่นจะอยู่ที่นี่จริงๆ และใช้วิธีนี้ ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ
เธออยากจะถามลู่เซิ่นเหลือเกิน นี่มันเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมอยู่ๆ ใบหน้าของเขาถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หรือว่าช่วงเดือนกว่านี้ ลู่เซิ่นไปผ่าตัดศัลยกรรมหน้ามา
แต่ ศัลยกรรมไม่น่าจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้และดีขนาดนี้
โดยเฉพาะการผ่าตัดศัลยกรรมขนาดใหญ่ ยากที่จะไม่มีร่องรอยแผลเป็น
“ชู่…”
ลู่เซิ่นส่งสายตาให้เธอ บอกใบ้ให้เธอใจเย็น อย่าเพิ่งผลีผลาม
ฉินซีสูดลมหายใจลึก บังคับให้ตัวเองอย่ามีพิรุธ
เธอมองจั่วยีจั่วเอ้อ สีหน้าเคร่งเครียด ขยับริมฝีปากนิดๆ “พวกคุณสองคน โยนเขาออกไป อย่าให้เข้ามา เดี๋ยวจะมาก่อเรื่องอีก ถ้าเขายังดื้อด้าน ก็ส่งตัวให้ตำรวจซะ”