Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1474
ผู้อำนวยการผู้สง่างามอย่างเขา ตกไปอยู่ในจุดที่ต้องช่วยคนอื่นเสิร์ฟชารินน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่
ถ้าไม่ใช่เพราะได้เจอฉินซี ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีวันมาเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงแรม
ตลอดมามีแต่คนอื่นรับใช้ลู่เซิ่น มีที่ไหนที่เขาจะไปรับใช้คนอื่น
ลู่เซิ่นเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน ฉินซีไปแล้ว เขาก็อยากไป แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
ถ้าเขาออกไปอย่างบุ่มบ่าม ขาดคนไป ทางโรงแรมจะต้องรู้สึกได้ถึงความแปลก
ถึงเวลาจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะเชื่อมเขากับฉินซีเข้าด้วยกัน ตอนที่จ้านเซินตรวจสอบ จะต้องสงสัยแน่
ดังนั้น เพื่อฉินซีแล้ว ลู่เซิ่นจะต้องอดทน
โจวเอ้อมองความทุกข์ของเขาออก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
หลังจากหลูจื๋อหลินส่งฉินซีกลับไปแล้ว ก็เรียกหรูเว่ยเสียงเข้าไปในห้องรับรอง
“วันนี้แกคิดจะสร้างปัญหาให้ฉันซักกี่เรื่อง ทำไมแต่ก่อนฉันไม่รู้เลยว่าแกมันยั่วโมโหขนาดนี้!”
หลูจื๋อหลินโกรธจนตัวสั่น ชี้ไปที่หรูเว่ยเสียงพร้อมด่าทอ
เมื่อกี้อยู่ด้านนอกเพื่อที่จะรักษาภาพลักษณ์ เขาอดทนไว้ตลอด ตอนนี้ในที่สุดก็ระบายออกมาได้
หรูเว่ยเสียงขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะโต้เถียง “ประธานหลู ผมไม่ได้ยั่วโมโห เมื่อกี้มือสั่งหารคล้ายกับฉินซีมากจริงๆ”
ถ้าไม่มีความมั่นใจ70% เขาก็ไม่กล้าทำเรื่องผลีผลาม
“แกยังจะพูดอีก!”
หลูจื๋อหลินได้ฟังคำพูดของเขา ก็แทบหมดลมทันที
หลูจื๋อหลินพูดด้วยความโมโห “หรูเว่ยเสียง แกดูตรงไหนว่าคุณฉินกับมือสังหารคนนั้นคล้ายกัน! คุณฉินหน้าตาสวยขนาดนั้น อันที่จริงมือสังหารคนนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง”
ในสายตาของหลูจื๋อหลิน ในเมืองไห่ไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถเปรียบเทียบกับฉินซีได้
หรูเว่ยเสียงไร้คำจะพูดต่อคำพูดของเขา
เห็นได้ชัดว่าเขาถูกความงามของฉินซี ทำให้สับสน
หรูเว่ยเสียงรู้ ว่าตอนนี้ตนพูดอะไรไป หลูจื๋อหลินก็ไม่ฟัง
เขาได้แต่ปิดปากลงอย่างช่วยไม่ได้
หลูจื๋อหลินเห็นเขาไม่โต้ตอบ ความโมโหในใจก็เบาลงเล็กน้อย
เขามองตรงไปที่หรูเว่ยเสียงแล้วเอ่ยถาม “เมื่อกี้ฉันให้แกสังเกตแขกที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงอย่างละเอียด แกพบคนน่าสงสัยหรือเปล่า”
หรูเว่ยเสียงกำลังคิดที่จะเอ่ยปากพูด ว่าเขาเจอแต่ฉินซี
แต่หลูจื๋อหลินกลับพูดขึ้นมาก่อน “นอกจากคุณฉิน”
เขาจ้องไปที่หรูเว่ยเสียงอย่างดุร้าย
หรูเว่ยเสียงส่ายหน้า “งั้นก็ไม่มีแล้ว”
เขาไม่รู้ว่าทำไม หลูจื๋อหลินถึงไม่ยินยอมที่จะเชื่อเขา
หรูเว่ยเสียงรู้สึกว่า เขาจะต้องเสียใจที่ปล่อยฉินซีไป การมีอยู่ของเธอเป็นปัญหาใหญ่ อีกอย่างฉินซียังมีพรรคพวก ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปหลบซ่อนที่ไหนแล้ว
เห็นเขาสร้างเรื่องไว้มากมาย แต่กลับไม่ได้ผลสำเร็จอะไรเลย หลูจื๋อหลินก็อับอายจนโกรธขึ้นมาทันที
มือทั้งสองของเขากำหมัดแน่น พูดอย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน “รองานเลี้ยงใกล้จบลง ฉันจะให้ทุกคนถอดหน้ากากออก ครั้งนี้ถ้าแกยังไม่แหกตา หามือสังหารสองคนนั้นให้เจอ ฉันจะไม่ปรานีแก!”
เพื่อที่จะหามือสังหารสองคนนั้นให้เจอ หลูจื๋อหลินได้แต่เพิ่มขั้นตอนนี้เข้าไป
ถ้าเขาหยุดงานเลี้ยงกะทันหัน ให้ทุกคนถอดหน้ากากออก จะต้องเกิดความโกลาหลขึ้นแน่นอน
หลูจื๋อหลินไม่อยากให้ใครขุ่นเคือง ดังนั้นจึงเลือกวิธีนี้
หรูเว่ยเสียงขมวดคิ้วพูดตอบ “ครับ”
เขารู้สึกว่ามือสังหารตัวจริงถูกหลูจื๋อหลินปล่อยตัวไปแล้ว ทำไมมาทำเรื่องพวกนี้อีก มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
แต่ว่า เขาก็ไม่สามารถเอ่ยปากแย้งคำพูดของหลูจื๋อหลินได้ ไม่อย่างนั้น เขาก็จะถูกทุบตีอย่างรุนแรงอีก
หลูจื๋อหลินตอนนี้เห็นเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว “ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก!”
เขาจ้องหรูเว่ยเสียงด้วยความหงุดหงิด นั่งลงยกขาจะถีบเขา
หรูเว่ยเสียงได้รับคำสั่ง ก็รีบออกไปจากห้องรับรอง
หัวหน้าผู้คุ้มกันเคาะประตู เข้ามารายงาน
“ประธานหลู กล้องวงจรปิดทุกอันในคืนวันนี้ ผมได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบคนน่าสงสย”
หัวหน้าบอกสถานการณ์ที่ตรวจสอบมาได้ต่อหลูจื๋อหลินรวดเดียวจบ
หลูจื๋อหลินได้ยินคำนี้ ก็ไม่ได้ผันผวนมากนัก
เขารู้ ว่าอีกฝ่ายสามารถหลบหนีภายใต้เปลือกตาของหรูเว่ยเสียงได้อย่างง่ายดาย ก็แสดงว่าเขาเตรียมตัวมาดี และมีทักษะที่ยอดเยี่ยม
ถ้าแม้แต่กล้องวงจรปิดเล็กๆยังจัดการไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงการขโมยของ
หลูจื๋อหลินเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากกล้องวงจรปิด ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ผิดหวัง
“อืม ฉันรู้แล้ว”
หลูจื๋อหลินพูดขึ้นเบาๆ แสงสลัวประกายขึ้นในดวงตาของเขา
จิตใจของเขาหยั่งลึกมาก หัวหน้าผู้คุ้มกันเดาความคิดของเขาไม่ออก จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ประธานหลู ตอนนี้ผมควรทำอะไร?”
หัวหน้าผู้คุ้มกันโค้งตัวลง สังเกตสีหน้าของหลูจื๋อหลินอยู่เงียบๆ
ช่วงหนึ่งหลูจื๋อหลินเองก็ไม่มีแผนการดีๆ ได้แต่ใช้วิธีที่โง่เขลาที่สุด “แกอย่าพึ่งทำผลีผลาม กลับไปที่จุดของแก เฝ้าประตูให้ดี ไว้จะใช้งานแกแล้ว ฉันจะไปเรียกแกเอง”
ถ้ามือสังหารยังไม่ออกจากห้องจัดเลี้ยง งั้นอีกเดี๋ยวหรูเว่ยเสียงก็คงจะหาเขาเจอ
ถึงตอนนั้น เขาค่อยติดต่อหัวหน้าผู้คุ้มกัน ให้เขานำคนมาจับกุม
“ครับ ประธานหลู”
เดิมทีหัวหน้าผู้คุ้มกันนึกว่าครั้งนี้จะถูกใช้งานหนัก ไม่คิดว่าจะยังเป็นงานคนเฝ้าประตูอยู่
เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ นึกถึงคำที่คนในทีมพูดเมื่อกี้ ก็อดที่จะเปิดปากไม่ได้ “ประธานหลู ถ้าครั้งนี้เอาเอกสารนั่นกลับมาไม่ได้…..”
คำพูดของหัวหน้าผู้คุ้มกันยังไม่ทันพูดจบ หลูจื๋อหลินก็เขวี้ยงแก้วใบหนึ่งไป
เขาจ้องไปที่หัวหน้าผู้คุ้มกันด้วยสายตาดุดัน พูดด้วยน้ำเสียงมืดมน “แกรู้ไหม ว่าแกกำลังพูดอะไร?”
“นี่แกกำลังแช่งฉันหรอ?”
หลูจื๋อหลินขบเคี้ยวเขี้ยวฟันพูด แทบทนไม่ไหวที่จะใช้แก้วทุบหัวเขาให้แตก ให้เขาไม่ต้องใช้สมองเวลาพูด
หัวหน้าผู้คุ้มกันสบตากับดวงตาที่มุ่งร้ายของเขา เมื่อเห็นความกระหายเลือดในแววตา ถึงพึ่งรู้สึกตัวว่าตนพูดผิดไป
เขารีบปิดปาก แล้วอธิบายด้วยความตื่นตระหนก “ประธานหลู ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ผมแค่กำลังเป็นห่วงคุณ ก็เลยพูดผิดไป คุณได้โปรดยกโทษให้ผมซักครั้ง”
หัวหน้าผู้คุ้มกันยังอยากที่จะอาศัยโอกาสนี้เลื่อนตำแหน่ง ไม่คิดว่าจะทำให้หลูจื๋อหลินโกรธ
หลูจื๋อหลินตะคอกอย่างเย็นชา “ดูแล้วฉันว่าแกจงใจ!”
ตอนนี้เขาเหมือนกับพลุ นิดเดียวก็ระเบิด ไม่สามารถทนรับการกระตุ้นได้
หัวหน้าผู้คุ้มกันตัวสั่นเทา ภายใต้การจ้องมองของเขา
เขาส่ายหัว “ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆครับ! ประธานหลู ผมเพียงแค่อยากช่วยคุณเตรียมรับมือกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ไม่มีความหมายอื่นแน่นอน ถ้าหากมี ผมขอให้ถูกรถถูกประตูชนตายทันที”
หัวหน้าผู้คุ้มกันสาบานน้ำตาคลอเบ้า อยากที่จะพิสูจน์ความจริงใจของตน
หลูจื๋อหลินมองเขาก็ไม่ได้มีความกล้าหาญขนาดนั้น ความโกรธจึงค่อยๆหายไป
อย่างที่หัวหน้าผู้คุ้มกันพูดมา ตอนนี้เขาควรที่จะเตรียมวางแผนล่วงหน้าสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดจริงๆ