Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1481
บทที่1481 กลับโรงพยาบาล
เหยาจ้าวเม้มริมฝีปากค่อยๆเอ่ยปาก “ฉินซี เธออธิบายกับฉันมาตรงๆ ความหมายในคำพูดนี้ของเธอคือกำลังบอกว่าฉันยอดเยี่ยมไม่พอหรอ?”
ฉินซีมองดูอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเขา ยังนึกว่าเกิดเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้น ในใจตึงเครียด
ใครจะนึกว่า วงจรกลับจะพิเศษขนาดนี้
ฉินซีอยากที่จะแงะสมองเขาออกจริงๆ ดูว่าข้างในมีอะไรอยู่บ้าง
ทำไมหักเลี้ยวมาถึงตรงนี้ได้ แปลกมากจริงๆ
ฉินซีพูดอธิบายอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันไม่ได้พูดว่านายยอดเยี่ยมไม่พอ ฉันแค่กำลังบอกนายว่า นายไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น ของที่เป็นของนายอาจจะล่าช้า แต่ต้องมาแน่นอน”
เธอเอ่ยปากพูดอย่างจริงจังจริงใจ มองตรงไปที่เหยาจ้าว
“ไม่ถูกต้อง!”
“จิตสำนึกของเธอไม่มีทางเรียบง่ายขนาดนั้น เธอรู้สึกว่ายังมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น ฉินซี เธอพูดมาตรงๆเถอะ ฉันไม่โกรธหรอก”
เหยาจ้าวรู้สึกจริงๆว่าพละกำลังของเขาไม่ดีเท่าเมื่อก่อนแล้ว เขาเองก็อยากรู้ว่าตนเป็นอย่างไรในสายตาคนนอก ค้นหาว่าปัญหาอยู่ตรงไหน แบบนี้จึงจะสามารถยกระดับต่อไปได้
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามซอกแซกของเหยาจ้าว ฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะกรอกตาทันที
ตอนนี้ในใจเธอเสียใจอย่างมาก ทำไมเมื่อกี้ไปอธิบายกับเหยาจ้าวมากมายขนาดนั้น หลังจากอธิบายไปเขาก็ไม่ฟังซักคำ นี่มันช่างเปลืองน้ำลายจริงๆ
แล้วยังทำให้ตนโมโหไม่เบา นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ความพยายามสูญเปล่า
ฉินซีหันตัวเตรียมจะจากไป “พอ! นายค่อยๆคิดไปเถอะ ฉันยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำ ไม่ถกเถียงกับนายต่อแล้ว”
เธอโบกมือ หันตัวจะจากไป
ฉินซีโดนรังควานขนาดนั้น ตอนนี้ลืมไปโดยสิ้นเชิงเลยว่า เมื่อกี้มาหาเหยาจ้าวเพื่ออะไร
ฉินซีหันตัวอย่างไร้เยื่อใย เห็นเธอจะจากไปแล้วจริงๆ เหยาจ้าวก็มือไม้พันกันรีบเข้าไปหยุดไว้ “เฮ้เฮ้เฮ้! ฉันล้อเธอเล่นหน่า เธอดันโกรธเข้าจริงๆ”
เหยาจ้าวจับข้อมือเธอไว้แน่น ป้องกันไม่ให้เธอหลุดพ้น
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ดวงตาสีดำเข้มของฉินซีก็เผยแสงเฉียบคม
อันตรายค่อยๆใกล้เข้ามา เหยาจ้าวตัวสั่นเทาทันที
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ความโกรธที่แผ่ออกมาจากร่างของฉินซี กำลังแพร่กระจายทีละนิด อีกเดี๋ยวก็จะเผาไหม้ร่างกายของเขาแล้ว
ความรู้สึกที่น่ากลัวแบบนี้ ทำให้สมองของเหยาจ้าวหมุนอย่างรวดเร็ว
ไม่ได้ ตอนนี้เขาจำเป็นต้องคิดว่าจะผ่านพ้นภัยพิบัตินี้ไปได้อย่างไร
ในใจเหยาจ้าวเสียใจอย่างมาก เมื่อกี้ทำไมต้องไปยั่วโมโหฉินซี ตอนนี้เข็ดหรือยัง?
ทันใดนั้นในสมองเขาก็มีแสงแวบผ่าน
มีแล้ว!
เหยาจ้าวโห่ร้องในใจ
“ใช่แล้ว เธอมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เหยาจ้าวเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องธุรกิจ เตือนฉินซี
ฉินซีถึงตระหนักได้ว่าตนมาที่นี่เพื่ออะไร ถูกเหยาจ้าวขัดจังหวะจนเกือบจะลืมไปแล้ว
เธอระงับความโกรธไว้ในใจ เอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา “จ้านเซินให้นายทำการตรวจสอบอย่างละเอียดให้ฉัน เขาบอกต้องให้แน่ใจว่า ตอนนี้ทุกระบบในร่างกายฉันดีทุกด้าน ถึงจะพิจารณาให้ฉันรับภารกิจอันต่อไป”
ฉินซีพูดอย่างตรงไปตรงมา ในใจเธอไม่กังวลเรื่องนี้เลย
ต่อให้มีตรงไหนไม่เพียงพอจริงๆ เธอก็สามารถขอให้เหยาจ้าวช่วยแก้ไขได้
อีกอย่างตอนนี้ฉินซีรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนค่อนข้างดี เทียบกับตอนที่พึ่งกลับมาองค์กร ไม่รู้ว่าดีกว่ากี่เท่า
“ดูท่าเขายังคงไม่ค่อยวางใจเธอ”
ดวงตาเหยาจ้าวมีแสงแวบผ่าน ค่อยๆเอ่ยปากพูด
สาเหตุที่จ้านเซินหาคำพูดเหล่านี้มา ก็เพียงแค่อยากหาข้ออ้างให้ฉินซีอยู่ข้างกาย ป้องกันไม่ให้เธอออกไปข้างนอกอีกเท่านั้น
เรื่องพวกนี้คนที่มีสายตาล้วนสามารถดูออก แต่ใครให้จ้านเซินเป็นผู้นำล่ะ
ตราบใดที่วันนึงเธอยังอยู่องค์กร เธอก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งของจ้านเซิน
“อืม”
ฉินซีพยักหน้า เห็นด้วยกับมุมมองของเขา
คนที่มีสายตาล้วนดูความคิดของจ้านเซินออก จ้านเซินก็ยังคิดที่จะปกปิดไว้
เหยาจ้าวยักไหล่ เอ่ยปากอย่างเฉยเมย “ในเมื่อเขาต้องการให้ตรวจสอบเธออย่างละเอียด งั้นตอนนี้เรามาเริ่มกันเถอะ รอผลตรวจออกมา ส่งไปแล้ว ค่อยดูว่าเขาจะว่ายังไง”
ในเมื่อตอนนี้พวกเขายังอยู่ในองค์กร ถูกจ้านเซินควบคุม
นอกเหนือจากปฏิบัติตามคำสั่งของจ้านเซิน ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว
ฉินซีฟังออกถึงความทำอะไรไม่ได้ในน้ำเสียงเขา ก็ถอนหายใจตาม “โอเค”
……
เมืองไห่
ลู่เซิ่นหลังจากงานเลี้ยงจบลง ก็กลับไปที่โรงพยาบาล
เขากลับมาอย่างเร่งรีบ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เวลาที่จากไปนานเกินไป ถูกถังย่าพบความน่าสงสัย
ในห้องผู้ป่วย โจวซิงเห็นเขากลับมาอย่างปลอดภัย ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มปิติยินดี
เขาเข้าไปต้อนรับ เอ่ยถามอย่างมีความสุข “จัดการเรื่องเป็นยังไงบ้าง? ได้เจอฉินซีสำเร็จไหม?”
สองวันมานี้ โจวซิงเอาแต่กังวลใจอยู่ในโรงพยาบาล ไม่มีจิตใจทำอะไร
ตอนนี้เห็นลู่เซิ่นกลับมาแล้ว ในที่สุดจิตใจของเขาก็สงบลงได้
โจวเอ้อไม่รอให้ลู่เซิ่นเอ่ยปาก ก้าวล้ำหน้าไปก่อน บอกข่าวดีกับเขา “ด้วยไอคิวของลู่เซิ่นแล้ว จะไม่ได้เจอฉินซีได้ยังไงล่ะ นายอย่าลืมนะ หน้ากากหนังคนลู่เซิ่นเป็นคนทำขึ้นมา”
ต่อให้ไม่มีงานเต้นรำสวมหน้ากากครั้งนี้ โจวเอ้อก็กล้าตัดสินว่า ลูกน้องที่จ้านเซินจัดเตรียมมาไม่สามารถหาร่องรอยของลู่เซิ่นได้ ถึงอย่างไรหน้ากากหนังคนนั่นก็ทำมาได้อย่างสมจริงมาก แม้แต่เขาก็จำไม่ได้
โจวซิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นของที่ละเอียดลออขนาดนี้ ฉันยังนึกว่าของสิ่งนี้สร้างขึ้นจากละครศิลปะการต่อสู้ คิดไม่ถึงว่ามีจริงๆ”
เมื่อนึกย้อนถึงหน้ากากหนังคนที่มีทักษะเหนือคนอื่น ในใจโจวซิงก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถอนหายใจออกมา
ลู่เซิ่นมองท่าทางเออออไปตามกันของทั้งสอง ก็เม้มริมฝีปาก “พอแล้ว พวกนายสองคนไม่ต้องชมฉันแล้ว เรื่องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด แล้วก็ไม่ต้องไปบอกใครว่าในมือฉันมีของที่สามารถเปลี่ยนใบหน้าได้”
น้ำเสียงของเขาพลิก สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา
ถ้าของสิ่งนี้เผชิญโลก จะต้องเกิดความโกลาหลอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ก็ไม่อาจคาดเดาได้
ตอนนี้ความคิดของลู่เซิ่นล้วนอยู่บนตัวของฉินซี เขารู้ว่าที่ฉินซีต้องการคืออะไร เขาเองก็มีความคิดแบบเดียวกันกับฉันซี
ใจเขาอยากที่จะช่วยฉินซีออกมาจากองค์กร ทั้งสองหาสถานที่ที่ทิวทัศน์งดงาม ไปใช้ชีวิตที่สงบและมีความสุข ไม่อยากที่จะเดินบนปลายมีดอีกต่อไปแล้ว
“หน้ากากหนังคน” มันเย้ายวนเกินไป ใช้งานได้จริงเกินไปแล้ว
เมื่อคนเหล่านั้น รู้ว่าในมือลู่เซิ่นมีของแบบนี้อยู่ จะต้องมาแอบขโมยไปแน่ กระทั่งจะลงมือกับลู่เซิ่น จับเขาไปทำ
“ครับ”
โจวเอ้อและโจวซิงเองก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ทั้งสองพยักหน้าโดยพร้อมเพรียงกัน
เห็นช่วงที่ผ่านมา พวกเขาใจนิ่งลงไม่น้อย ใบหน้าลู่เซิ่นก็เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจ