Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1482
บทที่1482 ความในใจอีกอย่าง
ลู่เซิ่นก้าวขาคู่เรียวยาว เดินไปถึงข้างเตียง หยิบชุดผู้ป่วยบนนั้นมาใส่ “ฉินซีตอนนี้ควรจะถึงองค์กรแล้วหรือเปล่า?”
เขาเอ่ยปากถามเบาๆ ในสมองเผยใบหน้าที่มีเสน่ห์นั้น
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า หน้าตาของฉินซีสามารถใช้คำว่าสวยกว่านางฟ้ามาบรรยายได้
ในงานเลี้ยง ทันทีที่ฉินซีปรากฏตัว ก็ยึดเอาสายตาของทุกคนไป
เธอเปล่งปลั่งขนาดนั้น ระหว่างที่เดิน ก็แผ่ออร่าที่มีเสน่ห์
ฉินซีเป็นแบบนี้ จะให้ลู่เซิ่นไม่ชอบเธอได้ยังไง
เขารู้สึกว่า แม้ว่าความรักของทั้งสองจะมีความซับซ้อนมากมาย แต่ถ้าท้ายที่สุดแล้วคนที่สามารถเดินไปถึงตอนท้ายกับเขาได้คือฉินซี งั้นทั้งหมดมันก็คุ้มค่า
“ถึงแล้ว”
โจวเอ้อรายงานไปตามจริง
เขาเอาเนื้อหาที่พึ่งค้นพบ บอกกับลู่เซิ่นไป “ฉันได้ยินมาจากหมอเหยา ว่าฉินซีอยากจะออกมาปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง แต่จ้านเซินกลับพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่าจะพิจารณาดู แล้วยังให้ฉินซีทำการตรวจสอบอย่างละเอียด นายว่าจ้านเซินจะ……”
พูดมาถึงตรงนี้ โจวเอ้อก็ชะงัก มองไปที่ลู่เซิ่นด้วยแววตาเคร่งขรึม
แม้ว่าคำพูดของโจวเอ้อจะไม่ได้พูดจบ แต่ลู่เซิ่นก็ฟังความหมายของเขาออก
“ไม่หรอก”
ลู่เซิ่นกล่าวอย่างหนักแน่น
เขามั่นใจในการแต่งกายและการจัดแต่งในครั้งนี้ของเขามาก จ้านเซินไม่มีทางที่จะรู้เข้าเด็ดขาด
โจวเอ้อขมวดคิ้ว “งั้นทำไมจ้านเซินถึงไม่ปล่อยให้ฉินซีออกมาล่ะ?”
หรือว่าจะมีความในใจอื่นอยู่ในนั้น
โจวเอ้อรู้สึกว่าแปลกมาก
พูดตามเหตุผล หลังจากปฏิบัติภารกิจครั้งนี้แล้ว จ้านเซินควรจะเชื่อใจในตัวฉินซีบ้างแล้ว ทำไมถึงมาห้ามไม่ให้เธอออกไปในเวลานี้
ต้องรู้ว่า ฉินซีกับถังย่าเป็นอดีตเสาหลักขององค์กร
ตอนนี้ภารกิจที่ฉินซีทำน้อย ภาระหนักอึ้งทั้งหมดตกอยู่บนตัวของถังย่า
แต่ฉินซีกลับมาแล้ว เธอยอดเยี่ยมขนาดนั้น ไม่ควรจะถูกกลบฝังไว้แบบนี้
หรือจะบอกว่า จ้านเซินยังคงไม่วางใจฉินซี
พูดถึงจ้านเซิน ลู่เซิ่นก็ส่งเสียงเย็นชา “หึหึ……”
เขาโค้งมุมปากขึ้นอย่างเย้ยหยัน พูดอย่างเหยียดหยาม “ใครจะไปรู้ว่าในสมองเขาคิดอะไรอยู่ กลุ่มคนอย่างพวกเขามีใครปกติบ้าง”
นึกถึงท่าทางที่จ้านเซินบังคับพาฉินซีไป ต่อหน้าต่อตาเขาดื้อๆ ลู่เซิ่นก็มีไฟโกรธขึ้นในท้อง
มือทั้งคู่ของลู่เซิ่นกำหมัดแน่น ในดวงตาสีเข้มเปล่งแสงที่เด็ดเดี่ยว “ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไร ครั้งนี้ฉันมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้”
ไม่ว่าทางข้างหน้าจะยากอันตรายแค่ไหน เขาจะช่วยฉินซีออกมาจากองค์กรให้ได้
ลู่เซิ่นหายใจเข้าลึก ระงับความโกรธในใจ ค่อยๆเอ่ยปาก “ในช่วงนี้ นายกับทางหมอเหยารักษาการติดต่อต่อไป ถ้ามีสถานการณ์อะไรที่ผิดปกติ แจ้งให้ฉันรู้ทันที”
เขานั่งอยู่ข้างเตียง ใบหน้าอันหล่อเหลาเผยความเหนื่อยล้า
บาดเจ็บหนักมาเป็นร้อยวัน ลู่เซิ่นแม้ว่าจะมีสมรรถภาพร่างกายดีกว่าคนอื่น แต่ยังไม่ทันถึงสองเดือน ก็แอบออกจากโรงพยาบาล เมื่อคืนเพื่อช่วยฉินซี ยังเข้าร่วมการออกกำลังกายที่รุนแรง ตอนนี้ซี่โครงเกิดความเจ็บปวดเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว ใบหน้าซีดขาว
โจวซิงสังเกตเห็นได้อย่างว่องไวว่าร่างกายของเขาไม่สบาย รีบเดินเข้าไปถาม “ลู่เซิ่น นายเป็นอะไร? บาดแผลเริ่มเจ็บอีกแล้วหรอ?”
เขารีบเดินไปที่ข้างเตียงของลู่เซิ่น มองเขาด้วยใบหน้าเป็นห่วง
ลู่เซิ่นเจ็บมากจริงๆ แต่กลับไม่อยากให้ทั้งสองคนกังวล
เขาส่ายหน้า พูดอย่างอวดเก่ง “ฉันไม่เป็นไร แค่สองวันนี้ไม่ได้พักผ่อนให้ดี ก็เลยเหนื่อย นอนซักตื่นก็หายแล้ว”
น้ำเสียงของลู่เซิ่นฟังดูอ่อนแรงขนาดนั้น แวบเดียวก็รู้ว่าป่วยแล้ว
ใบหน้าของโจวซิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม “เปิดเสื้อผ้าออก ฉันดูบาดแผลนายหน่อย”
เขายืนอยู่ตรงหน้าลู่เซิ่น ดวงตาสีเข้มเผยแสงที่ดุดัน
แววตาที่โจวซิงมองลู่เซิ่นในตอนนี้ ราวกับกำลังมองเด็กที่ไม่เชื่อฟัง
ลู่เซิ่นไม่อยากให้โจวซิงดู จิกมุมเสื้อ นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ขยับเขยื้อน “ฉันบอกแล้ว ฉันไม่เป็นไร พวกนายไม่ต้องเป็นห่วง ออกไปก่อนเถอะ ฉันอยากพักผ่อนเสียหน่อย”
เขาพูดอย่างแข็งกร้าว อยากที่จะหนีจากหายนะนี้
แต่ว่า โจวซิงในฐานะหมอ จะถูกอุบายเล็กๆน้อยๆของเขาหลอกได้อย่างไร
โจวซิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มองไปที่เขาจากมุมสูง “ลู่เซิ่น ถ้านายไม่ให้ความร่วมมือฉัน ฉันก็ได้เพียงช่วยกันกับโจวเอ้อมัดนายไว้ เพื่อตรวจสอบ”
น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมมาก ไม่มีความล้อเล่นใดๆอยู่เลย
ลู่เซิ่นเงยหน้าเล็กน้อย สบตากับแววตาที่จริงจังคู่นั้นของเขา สุดท้ายก็เลือกที่จะประนีประนอม “ก็ได้”
เขายกมุมเสื้อขึ้นอย่างไม่เต็มใจ เผยให้เห็นบาดแผลที่หน้าท้อง
เมื่อกี้ลู่เซิ่นหยิบชุดผู้ป่วยมา จะสวมใส่ แต่ก็วางกลับไปสาเหตุมันอยู่ตรงนี้
เขาไม่อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าโจวซิง เลี่ยงไม่ให้โจวซิงเห็นพิรุธ
แต่ว่า ใครจะไปรู้ ว่าซ่อนมาตั้งนาน ก็ยังซ่อนไม่พ้น
โจวซิงเห็นบาดแผลของลู่เซิ่นยังนับว่าอยู่ดี แต่มีเลือดไหลออกมาเล็กน้อยในบางแห่ง
ในใจเขาถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แต่พริบตาเดียวใบหน้าเดิมก็กลับมา “นี่มันเรื่องอะไรกัน เดิมทีบาดแผลใกล้จะหายดีแล้ว ทำไมเลือดไหลอีก เมื่อคืนนายทำอะไรไป?”
ถ้าลู่เซิ่นไปอย่างซื่อตรง เป็นไปไม่ได้ที่บาดแผลจะแย่ลง
ตอนที่พูดคำนี้ สายตาของโจวซิงก็กวาดไปที่โจวเอ้อ
สายตานั้นราวกับกำลังถามโจวเอ้อ ว่าดูแลลู่เซิ่นยังไง แม้แต่บาดแผลบนตัวเขาแย่ลงยังไม่รู้เรื่อง ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเลยแม้แต่น้อย
โจวเอ้อถูกเขาถลึงตาใส่ ก้มศีรษะลงด้วยความรู้สึกผิด
เมื่อคืนเขาเองก็ไม่อยากปล่อยให้ลู่เซิ่นไปช่วยฉินซี แต่ว่าฉินซีตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก โจวเอ้อสกัดไว้ไม่ได้ และไม่สามารถหยุดยั้งได้
ลู่เซิ่นมองออกถึงคลื่นที่ปั่นป่วนระหว่างทั้งสอง เอ่ยปากขึ้นเบาๆ “ก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น โจวซิง นายอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโจวเอ้อ ฉันต้องการจะไปเอง”
เขาไม่ต้องการให้คนอื่นเป็นแพะรับบาป เอาความรับผิดชอบทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเอง
โจวซิงได้ยินเขาพูดอย่างไม่ใส่ใจแบบนี้ ก็โมโหทันที “บาดเจ็บเล็กน้อย?”
เขาโกรธจนไฟลุก ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันพูด “นายรู้ไหมว่าบาดแผลตรงนี้รักษายากที่สุด ถ้ามีโรคหลงเหลือ จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อชีวิตนายในอนาคต! นายยังคิดที่จะช่วยฉินซีออกมาอยู่ไหม? ด้วยร่างกายนายในตอนนี้ จะไปสู้กับจ้านเซินได้ยังไงฮะ!”
โจวซิงเคยเห็นความสุดยอดของจ้านเซินมาแล้ว แม้แต่ถังย่าลูกน้องของจ้านเซิน เขายังสู้ไม่ได้
จากความแข็งแกร่งของถังย่า เดาได้ไม่ยากว่าจ้านเซินจะทรงพลังแค่ไหน อย่างน้อยก็อยู่เหนือถังย่า
ลู่เซิ่นที่อยู่ในช่วงแข็งแรงไม่เคยต่อสู้กับจ้านเซิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามที่ดุเดือดของโจวซิง สีหน้าของลู่เซิ่นก็มืดมนลงทันที
เขาเองก็รู้ ว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้
แต่สถานการณ์เมื่อวาน ถ้าเขาไม่ก้าวออกไป ตอนนี้ฉินซีอาจจะถูกหรูเว่ยเสียงจับตัวไว้แล้ว