Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1490
บทที่1490 แผนการร้าย
ในขณะเดียวกัน
จ้านเซินที่กำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือในความคิดของเหยาจ้าว ได้ออกจากองค์กรไปนานแล้ว
จ้านเซินนั่งอยู่บนรถ มองไปนอกหน้าต่าง
การเคลื่อนไหวของเขาในครั้งนี้ นอกจากบอกถังย่าแล้ว เขาก็ไม่ได้บอกกับใครอื่นอีกเลย
สองชั่วโมงผ่านไป ถังย่าได้รับโทรศัพท์จากจ้านเซิน รอการมาถึงของเขาอยู่ที่หน้าประตู
รถคาเยนน์สีดำ จอดอยู่หน้าวิลล่า
ถังย่ายืนอยู่ริมถนน ใบหน้ามีการแต่งหน้าอย่างงดงาม
ประตูรถเปิดออก เผยใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพบุตรของจ้านเซิน
เค้าโค้งตัวลงจากรถ ถังย่ารีบเข้าไปต้อนรับ “นายมาแล้ว”
ใบหน้าเธอมีรอยยิ้มที่มีความสุข จ้านเซินเหลือบมอง แล้วพยักหน้านิ่งๆ “อืม”
พูดจบ จ้านเซินก็เก็บสายตากลับมา
เขาก้าวเร็วเดินเข้าไปในบ้าน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “เรื่องที่มอบหมายให้เธอไปจัดการ เธอเตรียมการไปถึงไหนแล้ว?”
จ้านเซินไม่ได้อ้อมค้อม เข้าประเด็นโดยตรง
เดิมทีถังย่าอยากที่จะคุยนอกเรื่องกับเข้าสองสามประโยค แต่คิดไม่ถึงว่า เขามาถึงก็เข้าประเด็นเลย รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในทันที
เธอเม้มริมฝีปาก ฝีเท้าที่เตรียมจะเดินตามไปชะงักลง
ในใจของถังย่าหลากหลายความรู้สึก ความขมขื่นรูปแบบหนึ่งโผล่ออกมาไม่หยุด
เธอยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้พูดตอบ
จ้านเซินหันหน้ามาด้วยความสงสัย มองท่าทางทึ่มๆของเธอ ก็ขมวดคิ้ว “ถังย่า”
เขาเรียกเสียงต่ำ ถังย่าถึงได้สติกลับมาจากการครุ่นคิด
ถังย่าระงับความขมขื่นในใจลง พูดพลางยิ้มบางๆ “มาแล้ว”
เธอรีบเข้าไปหา “เมื่อกี้นายพูดอะไร ฉันฟังไม่ชัด”
ถังย่าจัดการอารมณ์อย่างรวดเร็ว เอ่ยถาม
เธอรู้ ตนไม่สามารถแสดงออกชัดเจนมากเกินไป ไม่อย่างนั้นจะถูกจ้านเซินรู้เข้า
ตอนนี้จ้านเซินจัดการเรื่องของฉินซีกับลู่เซิ่นให้เรียบร้อย ไม่ได้นึกถึงอารมณ์ของถังย่า “ฉันถามเธอว่า เรื่องทางฝั่งโรงพยาบาลจัดการเรียบร้อยหรือยัง?”
เขาเพิ่มโทนเสียงขึ้นเล็กน้อย คิ้วล็อคแน่น
ท่าทางจริงจังแบบนี้ ทำให้ถังย่ารู้สึกใจแน่นอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอรู้สึกว่า จ้านเซินเหมือนกำลังตำหนิเธอ ที่เมื่อกี้ไม่ตั้งใจทำธุระ
เพื่อได้รับความไว้วางใจจากจ้านเซิน ถังย่าได้เพียงต้องทำให้ดีขึ้น “จัดการเรียบร้อยแล้ว แค่รอให้ฉินซีปรากฏตัวออกมา”
เมื่อวานถังย่าก็จัดเตรียมไว้แล้ว เพียงเพื่อคำชมคำเดียวจากจ้านเซิน
แต่ว่า ตอนนี้จ้านเซินไม่มีอารมณ์คิดเรื่องเหล่านั้น เป็นธรรมดาที่จะไม่มีคำชม
“อืม ฉินซีน่าจะไปหาลู่เซิ่นคืนนี้ ถึงตอนนั้นพวกเราไปล่วงหน้าไว้ก่อน”
จ้านเซินพยักหน้า หรี่ตาทั้งคู่ลงอย่างอันตราย
เขาคิดไว้เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้จะไม่ใจอ่อนอีกเด็ดขาด
ไม่ได้รับคำชม ในใจถังย่าก็ยิ่งทุกข์ใจ
แต่เธอรู้ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาทะเลาะอะไรแบบนี้ มีเพียงสามารถช่วยเหลือจ้านเซินได้ ถึงจะมีคุณสมบัติที่จะอยู่ข้างกายเขา ไม่อยากนั้นก็จะถูกกำจัดในที่สุด
“โอเค”
ถังย่าพยักหน้าด้วยใบหน้าจริงจัง “ฉันเตรียมห้องไว้แล้ว คุณพักผ่อนเสียหน่อยก่อนเถอะ ใกล้ถึงเวลาฉันจะขึ้นไปเรียกนาย”
เธอเห็นรอยช้ำใต้ตาของจ้านเซินได้อย่างชัดเจน คิดว่าเป็นเพราะเมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ
จ้านเซินไม่ได้ปฏิเสธ ก้าวขาเรียวยาวสองข้างขึ้นชั้นบนไป
……
ฉินซีขับรถเอง ออกจากองค์กรมาเพียงลำพัง
ความรู้สึกเป็นอิสระที่ห่างหายไปนาน ทำให้ฉินซีอดไม่ได้ที่จะดื่มด่ำไปกับมัน
เธอหลับตาลง สูดอากาศทุกตารางนิ้ว รู้สึกว่าอารมณ์กลายเป็นมีความสุขขึ้นมา
ถ้าสามารถใช้ชีวิตต่อไปแบบนี้ ใช้ชีวิตอย่างไม่มีข้อจำกัด นั่นจะดีแค่ไหนกัน
แต่ว่า ความเป็นจริงมักจะแตกต่างจากจินตนาการอย่างมาก
นึกถึงทางฝั่งลู่เซิ่น ฉินซีถอนหายใจยาว
เธอจะต้องรีบทำภารกิจให้สำเร็จ แบบนี้ตอนกลางคืนถึงจะสามารถปะปนเข้าไปในโรงพยาบาล ไปหาลู่เซิ่น รู้ความจริงให้ชัดเจน
ก่อนจะมาฉินซีดูภารกิจ ง่ายดายมาก สำหรับเธอแล้วเป็นแค่ของกล้วยๆ
เธอปฏิบัติภารกิจเสร็จล่วงหน้าสองชั่วโมง นั่งอยู่ในร้านกาแฟรอให้ท้องฟ้ามืดลง
ฉินซีมองดูคนที่เดินผ่านไปมา ดูพระอาทิตย์ตกดิน ในใจไม่ได้สงบลงตาม กลับไม่สงบขึ้นเรื่อยๆเพราะเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ
เธอลูบหน้าอก ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆตนก็เป็นแบบนี้
หรือว่าป่วยแล้ว?
เป็นไปไม่ได้ ก่อนเธอจะมาพึ่งจะไปตรวจกับเหยาจ้าว แข็งแรงอย่างมาก
ฉินซีไม่มีโทรศัพท์ ได้แต่มองนอกหน้าต่าง เฝ้ารอให้เวลาผ่านไป
เมื่อกลางคืนมาถึงโดยสมบูรณ์ เธอถึงลุกขึ้นจากไป
ฉินซีรู้จักโรงพยาบาลนี้ เคยสำรวจมาล่วงหน้า ดังนั้นจึงหลบซ่อนจากกล้องวงจรปิดได้อย่างง่ายดาย กระโดดกำแพงเข้าไป
อันที่จริง ฉินซีไม่สนใจคนในโรงพยาบาลเลย หลักๆเธอกังวลว่าตนจะถูกลูกน้องของจ้านเซินตามมา
แม้ว่าครั้งนี้จ้านเซินจะไม่ได้ส่งคนมากับเธอต่อหน้า แต่ใครจะรู้ว่าเขาแอบเหลือใครไว้หรือเปล่า
ดังนั้น ตลอดทางที่ฉินซีเดินมา ล้วนระมัดระวัง พยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนเยอะอย่างเต็มที่
จากการลาดตระเวนของฉินซี จ้านเซินน่าจะไม่ได้ส่งคนไล่ตามมา
เป็นอย่างที่ฉินซีคิดไว้ ครั้งนี้จ้านเซินไม่ได้ส่งคนมาตามฉินซีจริง เพราะเขารู้ว่า ฉินซีจะต้องมาปรากฏตัวที่โรงพยาบาล
จ้านเซินอยู่ในโรงพยาบาลตั้งนานแล้ว จัดเตรียมกองทัพ เผ้ารอการมาถึงของฉินซี
ฉินซีไม่รู้ว่า ตั้งแต่นาทีที่เธอกระโดดเข้ามาในโรงพยาบาล ตนเองก็ถูกเฝ้าดูแล้ว
เธอหลบเลี่ยงอย่างระมัดระวัง มาถึงนอกห้องผู้ป่วยของลู่เซิ่น
ฉินซีอยู่ท่ามกลางกองหญ้า แนบหน้าลงบนหน้าต่าง มองดูสถานการณ์ด้านใน
ในขณะเดียวกัน
ภายในห้องผู้ป่วย
โจวซิงหยิบกล่องยา เดินไปถึงตรงหน้าลู่เซิ่น “ถกเสื้อผ้าขึ้นมา ฉันจะช่วยเปลี่ยนยาให้นาย”
ภายใต้คำสั่งของเขา ลู่เซิ่นปล่อยให้เขาทำด้วยความเคยชิน
ฉินซีมองดูฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าบาดแผลของลู่เซิ่นมันเรื่องอะไรกันแน่
วันนั้นตอนอยู่ที่งานเลี้ยง เธอเห็นบาดแผลของลู่เซิ่นกับตาตัวเอง เกือบจะฟื้นตัวดีแล้ว ตอนนี้ทำไมถึงบาดเจ็บอีก
ดังนั้นจะบอกว่า นี่คือเหตุผลที่ตลอดมานี้ลู่เซิ่นไม่ยอมมาเจอตนหรอ?”
ลู่เซิ่นเป็นห่วงว่าเธอเห็นแล้วจะเสียใจ ดังนั้นจึงหลบซ่อน
คิดมาถึงตรงนี้ ฉินซีก็เข้าใจทุกอย่างทันที ในใจขมขื่น
ฉินซีอดไม่ได้ที่จะพลิกหน้าต่างเข้าไป
เธอเหมือนกับแมวตัวเบา ตกลงที่พื้น
เป็นธรรมดาที่คนรอบข้างจะไม่ได้ยิน แต่ลู่เซิ่นไม่เหมือนคนทั่วไป
เส้นประสาทของเขาตึงเครียดทันที หันตัวกะทันหัน ปาลูกดอกออกไป “ใคร!”
ดวงตาคมกริบของลู่เซิ่นมองไปที่หน้าต่าง สายตาราวกับจะฆ่าคนได้
ฉินซีมองลูกดอกที่พุ่งตรงเข้ามา หลบเลี่ยงได้อย่างชาญฉลาด
ลูกดอกตั้งตรงแทรกอยู่บนกำแพง ทิ้งร่องรอยลึกไว้ เห็นได้ว่าลู่เซิ่นใช้แรงมากแค่ไหน
ฉินซีมองดูฉากนี้ด้วยความตกใจ เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
ดีที่เมื่อกี้เธอหลบเลี่ยงได้เร็ว ไม่อย่างนั้นได้ตายอย่างอนาถไปแล้ว
เดิมทีลู่เซิ่นนึกว่ามือสังหารบุกเข้ามา กลับนึกไม่ถึงว่าคนที่มาจะเป็นฉินซี
ในตอนที่เขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย หัวใจก็หยุดเต้นชั่วขณะ
ปลายนิ้วของลู่เซิ่นสั่นเล็กน้อย เขามองไปที่ฉินซีด้วยใบหน้าตกใจ รูม่านตาหดตัวเล็กน้อย