Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 1507
ฉินซีนึกย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่ไร้กังวลแต่อย่างใด ใบหน้าที่ขาวนวลเผยรอยยิ้มที่สดใส
เรื่องที่ฉินซีสัญญาเอาไว้เธอได้ทำตามสัญญาแล้ว นอกเสียจากช่วงที่เธอความจำเสื่อม เวลาที่เหลือ เธอจะลาพักกลับมาเยี่ยมปู่ในทุกๆปี
เธอจะไปเก็บยากับปู่ ไปจับปลาที่ลำธาร ทำยาด้วยกัน ทำอาหาร ผ่าฟืน ปลูกผัก อยู่กับคุณปู่เช่ เธอได้เรียนรู้ความรู้มากมายที่คนภายนอกไม่เป็น
ทุกครั้งที่ฉินซีมาที่นี่ ก็จะรู้สึกผ่อนคลายตัวเบาหวิวทุกครั้ง
ไร้การแก่งแย่งชิงดีของคนในเมือง พวกเขาใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เสมือนกับนกในป่าดง ที่อิสระ
ลู่เซิ่นจ้องมองใบหน้าด้านข้างที่อ่อนโยนของเธอ ฟังเสียงสดใสของเธอ ด้วยดวงตาประกายไออุ่น
ลูกกระเดือกที่เซ็กซี่เกลือกกลิ้งขึ้นลงไปมา เขาโน้มหน้าลงอย่างหักห้ามไม่ได้ หมุนหน้าของฉินซีกลับมา
ฉินซีไม่ทันตั้งตัว กำลังคิดที่จะถามลู่เซิ่นว่าจะทำอะไร หากแต่กลับถูกประกบริมฝีปากเสียก่อน
เธอจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่ห่างเพียงคืบ ดวงตาอำพันฉายแววความตกใจ
ฉินซีไม่คิดเลย ว่าลู่เซิ่นจะเล่นเป็นโจรขโมย
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง จับจ้องลู่เซิ่นนิ่ง ในหัวขาวโพลน
เสมือนกับว่ารู้สึกได้ถึงสายตาของเธอ ลู่เซิ่นจึงค่อยๆ ผละออก กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “ตั้งใจหน่อยสิ”
เขาบีบนิ้วมือของฉินซีเบาๆ ทันใดนั้นหัวของเขาชาขึ้นมา
ความรู้สึกไฟฟ้าช็อต ไหลเวียนเข้าสู่เส้นเลือดของฉินซี
ฉินซีไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร ในห้องเงียบเสียเหลือเกิน เงียบจนเขาได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครม
เธอหลับตาลงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ตอบรับลู่เซิ่นอย่างใจสั่น
ไม่นาน ลู่เซิ่นถึงได้ค่อยๆ ผละออก
“ซู๊ด…..”
ฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด เสมือนกับปลาที่ขาดอากาศหายใจ
หากช้าไปมากกว่านี้ เธอก็จะขาดอากาศหายใจตาย
เพราะจูบจึงขาดอากาศกายใจตาย เธอเป็นคนแรก
เมื่อนึกได้อย่างนั้น ใบหน้าของฉินซีแดงก่ำ
ลู่เซิ่นจ้องมองพวกแก้มที่แดงก่ำของเธอ ด้วยความรู้สึกน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน
เขาเอื้อมมือออกไป แนบลงบนใบหน้าของฉินซี “ร้อนจังเลย”
ลู่เซิ่นกล่าวอย่างแผ่วเบา ด้วยน้ำเสียงแกมเย้าแหย่
ฉินซีพลันโมโหขึ้นมา เธอกล่าวอย่างกระฟัดกระเฟียด “อย่าแตะต้องฉัน!”
น้ำเสียงของเธอเสมือนกับลูกแมวน้อย วนเวียนอยู่ในหัวใจของลู่เซิ่น จนรู้สึกจั๊กจี้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรั้งเธอเข้ามาในอ้อมก่อน
ลู่เซิ่นเป็นคนที่ถ้าหากมีความคิด ก็ต้องลงมือทำทันที
เขาไม่พูดมาก พลันจับหัวของเธอ กดเข้ากับอ้อมอกของเขา
ฉินซีถลึงตาโตด้วยความตกใจ รู้สึกว่าวันนี้ลู่เซิ่นจะมากเกินไปแล้ว
เธออยากจะผละออกด้วยความโกรธ เพื่อพิสูจน์ความเก่งกาจของเธอ
แต่กลับได้ยินน้ำเสียงที่เหนื่อยงอ่อนจากเหนือหัว “อย่าขยับ ฉินซี”
น้ำเสียงของลู่เซิ่นอ่อนแรง ทำให้ฉินซีหัวใจตกวูบ
“ผมเหนื่อยจังเลย ขอผมกอดหน่อยนะ เพื่อชาร์จพลัง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หัวใจของฉินซีเต้นแรงกว่าเดิม
ลู่เซิ่นมองเธอเป็นอะไรกัน ที่ชาร์จแบตหรือ?
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อนของลู่เซิ่น ฉินซีเกิดเจ็บปวดหัวใจ
เธอตบมือของลู่เซิ่นเบาๆ “นายปล่อยฉันก่อน”
ฉินซีกล่าวอย่างอ่อนโยน ในใจของเธอมีแผนการอื่น
ลู่เซิ่นคลายอ้อมกอดอย่างไร้หนทาง ฉินซีโอบกอดเขาเอาไว้ ให้เขาซับกับไหล่ของเธอ “เหนื่อยก็พักก่อนเถอะ ไม่เป็นไร มีฉันอยู่ ฉันจะปกป้องนายเอง”
เธอตบหลังจองลู่เซิ่นเบาๆ เสมือนกับปลอบใจเด็กน้อยด้วยความอดทน
สำหรับฉินซี ผู้ชายเองก็มีตอนที่เหนื่อยล้า พวกเขาไม่ใช่เหล็ก ไม่ใช่หุ่นยนต์ พวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ
ผู้ชายเองก็ต้องการอ้อมกอดที่อ่อนโยน เพราะงั้นในตอนนี้เธอยินยอมที่จะมอบไหล่ของเธอ เพื่อให้ลู่เซิ่นได้พักพิง
ลู่เซิ่นนิ่งไป ทันใดนั้นขอบตาเกิดร้อนผ่าว
เขาโตมาขนาดนี้ เขาไม่เคยเสียน้ำตามาก่อน
ตอนที่บิดาลู่เซิ่นเสีย เขาคุกเข่าอยู่ที่โถง จับต้องที่ภาพขาวดำยังไงก็ร้องไม่ออก ไม่ใช่เพราะเขาไม่เสียใจ แต่เพราะต่อมน้ำตาของเขานั้นไม่ทำงาน ไม่ว่าจะบีบเคล้นอย่างไรก็ไหลไม่ออกแม้สักหยด
ตอนนั้น ทุกคนต่างบอกว่าลู่เซิ่นเลือดเย็น บอกว่าเขาไร้หัวใจ กับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูยังทำแบบนี้ ใครที่อยู่กับเขา จะต้องไม่เป็นผลดี
หลังจากนั้น ญาติของเขาก็ไม่ไปมาหาสู่กับเขาอีก เพราะคิดว่าเขาเป็นคนนำพาสิ่งชั่วร้าย หรือแม้แต่มีคนคิดที่จะไล่เขาออกจากบ้าน
หากแต่ ตอนนี้ลู่เซิ่นกลับรู้สึกน้ำตาจะไหล
เพราะเขาอยู่กับฉินซี เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
ลู่เซิ่นแหงนหน้าขึ้น จ้องมองฉินซีอยู่อย่างนั้น ด้วยความอัดอั้นตันใจ
ดวงตาที่ร้อนผ่าวของลู่เซิ่น จับจ้องฉินซีด้วยความรู้สึกที่ประหลาดออกไป
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นอะไร?”
ฉินซีไม่รู้สึกว่าประโยคเมื่อสักครู่นั่นมีความหมายใดๆ ทำไมลู่เซิ่นถึงต้องจ้องมองเขาสายตาเช่นนั้น
เผชิญต่อคำถามที่เป็นห่วงเป็นใยของฉินซี ลู่เซิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ไม่เป็นไร”
เขาพิงกับไหล่ของฉินซีเงียบๆ เขาได้กลิ่นดอกจัสมินอ่อนๆ แตะจมูก
กลิ่นหอมนั้น ช่างสดชื่นและสบาย ทำให้ลู่เซิ่นผ่อนคลาย
หลังจากที่ได้พบกับฉินซี นิสัยของลู่เซิ่นก็ดีขึ้นมาก
เขาในอดีต อารมณ์ร้อน โมโหง่าย
แต่ตอนนี้ กลับถูกฉินซีหล่อหลอมจนละลายทีละน้อย หนามอันแหลมคมในร่างค่อยๆ ถอดออก เปิดประตูหัวใจให้กับเธอ
ฉินซีรีบรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าลู่เซิ่นนั้นมีความผิดปกติ “อาเซิ่น อย่าคิดมากเลย ฉันไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ฉันมีความสามารถในการปกป้องตัวเอง ในเวลาเดียวกันก็ยังยื่นมือช่วยเหลือนายได้ด้วย ฉันไม่ต้องการให้คุณคิดว่าฉันเป็นนกขมิ้นที่อ่อนแอที่คอยวิตกกังวลว่าจะตกอยู่ในอันตราย”
เธอก้มหน้าลงมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา กล่าวของอ่อนโยน “ฉันอยากจะสู้ไปกับนาย ตอนนี้นายเหนื่อยคอยสนับสนุนนาย ผู้ชายของฉันไม่ต้องเข้มแข็งขนาดนั้นก็ได้ ไม่ต้องพยายามขนาดนั้น เพราะฉันรักนาย เพราะงั้นฉันยอมเสียสละทุกอย่างของฉัน”
พูดถึงตรงนี้ ฉินซีหยุดนิ่ง
ลู่เซิ่นไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เขาขัดคำของฉินซี ประกบริมฝีปากของเธออีกครั้ง
เขาต้องการบอกฉินซี ว่าไม่ต้องพูดอะไรอีก เขาเข้าใจ
ลู่เซิ่นไม่อยากเสียน้ำตาต่อหน้าฉินซี อย่างนั้นคงขายขี้หน้าแย่
แต่ประโยคของฉินซีช่างจริงใจ ทำให้เขาอดน้ำตาคลอไม่ได้
ฉินซีมุมานะที่จะกล่าวประโยคสุดท้ายให้จบให้ได้ พลันไม่แยแสการขัดขวางของเขา กล่าวต่อ “อาเซิ่น ความยุ่งเหยิงของฉันตลอดยี่สิบปีแรก ทุกวันได้แต่ทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย มีชีวิตเหมือนกับหุ่นเชิด ไร้จิตวิญญาณ”