Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 157
บทที่ 157 คุ้นเคยกับทุกอย่างของเขา
ได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนตอนนี้เย็นชา
“ทำไม เข้ามาหาเรื่อง?” มู่วี่สิงพิงพนักเก้าอี้ คิ้วคมบิดเบี้ยว ใบหน้าผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
“ไม่ได้อยากหาเรื่อง” ลี่หนานเฉิงเอ่ยอย่างเป็นมิตร เห็นลู่หวั่นเข้ามา เขาจึงเอ่ย “น้องลู่หวั่นมีธุระก็พูดก่อนเลย”
ลู่หวั่นขมวดคิ้ว เธอแค่ได้ยินว่าวันนี้มู่วี่สิงอารมณ์ไม่ดีเลยขึ้นมาดู แต่ว่าลี่หนานเฉิงอยู่ด้วย เธอจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
“ฉันพึ่งเข้ามาทำงาน ประธานมู่ คุณมีงานอะไรจะสั่งไหมคะ?” ลู่หวั่นเอ่ยถาม
มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้น ให้เกาเชียนเข้ามาดูแลลู่หวั่น เธอจึงรีบออกไป
ลี่หนานเฉิงหรี่ตาคมเข้มลง มองลู่หวั่นเดินออกไป จึงหันมาหามู่วี่สิง
“ผมไปเจอภรรยาของคุณแล้ว บอกตามตรง เธอไม่เหมาะ” ลี่หนานเฉิงเอ่ยตรงๆ
ประโยคนี้ เสี้ยงหงก็เคยบอก พวกเขาโตมากับมู่วี่สิง เข้าใจตระกูลมู่เป็นอย่างดี นายหญิงของตระกูลมู่คนต่อไป จะต้องเป็นคนที่สวย ฉลาดและเป็นหนึ่งในล้าน
“ถ้าคุณจะมาโน้มน้าวผม ก็ไสหัวไปเถอะ” มู่วี่สิงเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ
ลี่หนานเฉิงลูบปลายคาง มองใบหน้าเกรี้ยวกราดของมู่วี่สิง อดไม่ได้เอ่ยถาม “วันนี้คุณทะเลาะกับเธอหรอ?”
“เกี่ยวอะไรกับคุณ?” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“พี่ชาย แต่ว่าเวินจิ้งบุคลิกอ่อนโยน ที่แท้คุณก็ชอบแบบนี้….” ลี่หนานเฉิงนึกย้อนไปถึงท่าทางไม่ยินดียินร้ายของเวินจิ้ง แต่รู้สึกว่า บนตัวผู้หญิงคนนี้มีหนาม
หนามนี้ ไม่รู้เมื่อไหร่จะแทงมายังมู่วี่สิง
“คุณลี่ ดูเหมือนว่าช่วงนี้คุณจะว่างมาก ช่วงนี้แอฟริกาใต้มีโครงการหนึ่ง คุณไปดู…..”
“อย่า………ไม่ได้ไม่ได้ ผมจะไปทำงานตอนนี้เลย ผมไม่ไปไหน ตอนนี้ผมจะไปจากหนานเฉิงไม่ได้” ลี่หนานเฉิงเอ่ยอย่างขันแข็ง
มองลี่หนานเฉิงจากไป มู่วี่สิงค่อยๆหลับตา ปลายนิ้วกดแน่น
ชั่วครู่ เขาเรียกเกาเชียนเข้ามาพบ “อาทิตย์หน้าเตรียมเรียกประชุม คุณปู่จะมาร่วมด้วย คุณวางแผนดีๆ”
“ครับ ท่านประธาน”
ตอนนั้นเอง ลู่หวั่นเคาะประตูเดินเข้ามา “ท่านประธาน กาแฟนของคุณค่ะ น้ำตาลหนึ่งส่วน”
มู่วี่สิงพยักหน้า ไม่ได้มองเธออีก
ลู่หวั่นไม่เป็นธรรมชาติ ยังไม่ออกไป ราวกับมีอะไรจะพูด
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว แต่ลู่หวั่นเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเขา ระยะห่างของทั้งคู่นั้นใกล้มาก
“วี่สิง ฉันรู้ว่าพวกคุณเตรียมจะวิจัยยาตัวใหม่ ฉันมีประสบการณ์ ฉันอยากขอรับผิดชอบโครงการนี้” ลู่หวั่นเอ่ยปาก
มู่วี่สิงมองเธอ โครงการนี้ตอนนี้กำลังเลือกคนรับผิดชอบ แต่ลู่หวั่นพึ่งจะเข้ามาทำงาน ดังนั้นไม่ได้อยู่ในขอบข่ายพิจารณา
แต่จากความสามารถของเธอ คงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้
“อืม งั้นคุณก็ดูแล”
“วี่สิง ขอบคุณนะ”
“ลู่หวั่น คุณอยู่โรงพยาบาลก็ดีแล้ว ผมอยากจะเตือนคุณ หากไม่จำเป็นไม่ต้องมาที่มู่วื่อกรุ๊ป” มู่วี่สิงเอ่ยเสียงเข้ม
ลู่หวั่นที่งานที่ปรเทศ c มานานหลายปี การพัฒนาที่นั่นไม่เลว ถ้าเป็นเพราะลี่หนานเฉิงรบเร้าให้มา คงจะลำบากเปล่าๆ
แม้ว่าเธอจะยังคงได้ทำงานในด้านการแพทย์ แต่ว่า นี่คงเปลี่ยนเส้นทางอาชีพของลู่หวั่นไปเลย
“เป็นฉันที่อยากมาเอง วี่สิง ฉันจะไม่เปลี่ยนใจ” ลู่หวั่นบอกอย่างมั่นคง แววตามุ่งมั่น
เพียงแต่มู่วี่สิงไม่เคยสังเกตเห็น
ตอนเย็น ถึงเวลาเลิกงาน
หายากมากที่เวินจิ้งจะสามารถอยู่บริษัทจนถึงเวลาเลิกงาน อั้ยเถียนเดินเข้ามาผลักเธอ “ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้ให้งานเธอเยอะขนาดนั้นนะ”
“ฉันเต็มใจทำงานล่วงเวลา” เวินจิ้งยิ้ม
“ฉันว่าคุณคงรอคุณหมอมู่มารับมากกว่า” อั้ยเถียนท่าทางรู้ทัน
ได้ยิน “คุณหมอมู่” สามคำนี้ ใบหน้าของเวินจิ้งก็นิ่งลง คีย์บอร์ดถูกเธอกดเสียงดังจนอั้ยเถียนตกใจ
“จิ้งจิ้ง หรือว่าพวกคุณทะเลาะกันหรอ?” สีหน้าอั้ยเถียนเป็นห่วงเป็นใย
เวินจิ้งไม่ได้เอ่ยอะไร พยายามบังคับตัวเองให้ใส่ใจกับงาน
อั้ยเถียนถามไม่ออก แต่ก็ยังเป็นห่วงเวินจิ้ง จึงอยู่เป็นเพื่อนเธอ
จนถึงเวลาสามทุ่ม โทรศัพท์ของอั้ยเถียนดังขึ้นหลายครั้ง เธอไม่ได้รับ สุดท้ายจึงปิดเครื่องไป
ไม่นาน ร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามา อั้ยเถียนตกใจรีบหาที่ซ่อน
ตอนเสี้ยงหงเดินเข้ามาจึงเห็นเพียงเวินจิ้ง ขมวดคิ้วอย่างไม่มั่นใจ เขาตรวจสอบแล้วว่าอั้ยเถียนยังไม่ลงชื่อ ดังนั้นเธอยังอยู่ที่บริษัท
“เวินจิ้ง คุณเห็นอั้ยเถียนไหม?” น้ำเสียงเสี้ยงหงติดร้อนรน
เวินจิ้งนิ่งไปพักหนึ่ง มองไปรอบๆ เมื่อกี้ก็เห็นอยู่ว่าอั้ยเถียนอยู่ข้างๆเธอ
เธอขมวดคิ้ว พลันนึกขึ้นได้ว่าอั้ยเถียนคงหลบเสี้ยงหงอีกแล้ว เธอส่ายหน้า “เหมือนเธอจะเลิกงานไปตั้งนานแล้วนะ”
“อืม” เสี้ยงหงตอบรับ หมุนตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว สายตากลับมองไปยังมุมหนึ่ง ดวงตาคมค่อยๆหรี่แคบ
เห็นเสี้ยงหงเดินออกไปแล้ว อั้ยเถียนรีบเดินออกมาจากห้องเก็บของ ผ่อนลมหายใจ “โชคดีโชคดี”
“คุณกับเสี้ยงหงช่วงนี้เป็นยังไง?” เวินจิ้งเอ่ยถามอย่างห่วงใย
แต่เดิมเสี้ยงหงกับอั้ยเถียนนั้นสนิทสนม ปกติบริษัทก็ไม่ได้เอ่ยถึงข่ายไม่ดีของทั้งคู่ เพียงแต่ทุกคนไม่ได้สังเกตก็เท่านั้น
แต่เวินจิ้งกับอั้ยเถียนเป็นเพื่อนกันมานาน จึงเป็นห่วงว่าอั้ยเถียนจะเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์
“ไม่ยังไง ยังไงซะ ปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ” อั้ยเถียนเอ่ยอย่างหงอยเหงา
เธอไม่ได้คาดหวังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพียงแค่เสี้ยงหงเข้าหาเธอ เธอก็ยอมจำนนแล้ว ยังไงก็ต่อด้านเขาไม่ไหว
“ดังนั้นเธอจึงยอมเล่นกับเขา?” น้ำเสียงของเวินจิ้งโกรธบ้าง
อั้ยเถียนนิ่งเงียบ
ตอนนั้นเอง ไม่คิดว่าเสี้ยงหงที่เดินออกไปแล้วจะวกกลับมา ความโศกเศร้าเสียใจของอั้ยเถียนยังไม่ทันได้ซ่อนจนมิด เสี้ยงหงก็คว้าข้อมือของเธอไว้”
“คุณเสี้ยง ให้เกียรติกันด้วย” อั้ยเถียนผลักไสเขา
เสี้ยงหงตอบรับในลำคอ ไม่ได้ใส่ใจกับการปฏิเสธของอั้ยเถียน “อั้ยเถียน ผมไม่อนุญาตให้คุณหลบหน้าผม”
“ฉันเปล่า ฉันจะทำงาน ไม่เห็นหรอว่าฉันยุ่งอยู่” อั้ยเถียนชี้ไปที่กองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ
เสี้ยงหงไม่หันไปมองด้วยซ้ำ คว้าเธอไว้จะพาเธอกลับไป เวินจิ้งใบหน้าเข้มขึ้น ขวางหน้าเสี้ยงหงเอาไว้ “คุณไม่เห็นว่าอั้ยเถียนกำลังยุ่งอยู่หรอ?”
“เธอจะยุ่งไม่ยุ่งมันเป็นคำสั่งของผม” ใบหน้าของเขาเย็นเยือก
“คุณเสี้ยง คุณปล่อยอั้ยเถียนก่อน เธอไม่ยินยอมไปกับคุณ”
“ใช่หรอ?” เสี้ยงหงมุมปากยกยิ้มหยอกล้อ ก้มลงมองอั้ยจิ้งที่พยายามผลักเขาออกด้วยแรงเล็กน้อย มือของเขากำแน่นขึ้น “อั้ยเถียน คุณมั่นใจว่าจะไม่กลับไปกับผม?”
อั้ยเถียนสบตากับดวงตาคมเข้ม ในใจนั้นขลาดกลัว สุดท้ายจึงยอม
“จิ้งจิ้ง คุณรีบกลับไปเถอะ ฉันมีธุระกับคุณเสี้ยงนิดหน่อย”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว แต่เป็นการตัดสินใจของอั้ยเถียน เธอจึงไม่ขวางทั้งคู่ไว้
เธอนั่งลง ไม่รู้ตัวเวลาก็ล่วงเลยไปจนเที่ยงคืนแล้ว เธอกดดูโทรศัพท์ ไม่มีสายจากมู่วี่สิง
ถ้าเป็นปกติ เขาคงเป็นฝ่ายโทรหาเธอ และมารับเธอตรงเวลา
แต่ตอนนี้ ไม่มีอะไรเลย
เธอเคยชินกับทุกอย่างที่เขาทำให้ ถึงขั้นหนักมากจริงๆ