Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 192
บทที่ 192 ยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญได้
คุณนายฉี?
“เขาคิดถึงคุณมากนะ ถ้าคุณไม่ไป แม่ของผมอาจโทรไปหาคุณน้าเจี่ยนอี”
เวินจิ้งหยุดเดินทันที “คุณข่มขู่ฉันหรอ?”
“ไม่กล้าๆ แต่ผมรู้ถึงความจริงใจของแม่ พอรู้ว่าคุณมา เขาถึงกับกำชับมาว่าให้ต้อนรับคุณอย่าง
ดี”
“ฉันแค่มาทำงาน ไม่มีเวลาส่วนตัวหรอก” เวินจิ้งก้มหน้าลง
“วันนี้ดูคุณยังไม่ได้จัดตารางงานสินะ” ฉีเซินเม้มริมฝีปากบางด้วยความเย็นชา
“ฉันต้องการพักผ่อน อยู่เป็นเพื่อนไม่ได้” เห็นแท็กซี่ผ่านมาแล้ว เวินจิ้งก็เดินเข้าไป
ฉีเซินเหล่ตามอง ด้วยสีหน้าใจเย็น
เป็นอย่างที่คิดไว้ เวินจิ้งขึ้นรถได้ไม่นานเดี๋ยวก็ลงมา
คนขับรถปฏิเสธรับ มองไปที่ผู้ชายที่อยู่ไม่ไกล เวินจิ้งเดินอย่างรวดเร็ว
“ฉีเซิน คุณพอได้แล้ว!” เวินจิ้งเดินไปข้างหน้าเขาด้วยความโกรธ
ฉีเซินยังคงเชิญเธอขึ้นรถอย่างสุภาพบุรุษ พร้อมใบหน้าที่ยิ้มอย่างมีมารยาท
“คุณต้องเชื่อว่า ใน B 市ไม่มีเรื่องอะไรที่ผมทำไม่ได้” ฉีเซินพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส
เวินจิ้งกัดปาก เข้าไปนั่งในรถด้วยความโกรธ
“แค่กินข้าวเป็นเพื่อนคุณนายฉีใช่เปล่า? ” เวินจิ้งปลอบใจตัวเอง ถือว่าเห็นแก่มิตรภาพของคุณ
แม่และคุณนายฉีแล้วกัน คิดว่าเห็นแก่คุณแม่ เธอถึงไป
“แน่นอน ถ้าคุณอยากจะค้างคืน แม่ผมก็ไม่คัดค้านนะ” ฉีเซินผุดรอยยิ้มขึ้นมา
เวินจิ้งจ้องเขาอย่างโมโห “ฝันไปเถอะ!”
สำหรับฉีเซินแล้ว เธอเกลียดเขามาก
“ฉินเฟยทำไมไม่อยู่ข้างๆคุณล่ะ?” เวินจิ้งถามด้วยเสียงเย็นชา
“ผมกับเขายังไม่ได้แต่งงานกัน ปกติก็ไม่ค่อยอยู่ด้วยกัน” ฉีเซินพูดเสียงเบา
“เขารู้ไหมว่าคุณนายฉีเชิญฉันมา?” เวินจิ้งถามต่อ
“ถึงรู้แล้วยังไง?” ฉีเซินพลางขมวดคิ้ว
“อย่างไรก็ตามเขาก็คือคู่หมั้นคุณ คุณเชิญฉันเข้าบ้าน ถึงเวลานั้นเขาก็คงเข้าใจฉันผิด” เวินจิ้งพูด
แบบราบเรียบ
“ถ้าหากเขากล้าหาเรื่องคุณ ตระกูลฉีเราก็ไม่ต้องการสะใภ้ใจแคบแบบนี้หรอก” ฉีเซินพูดด้วยเสียงเย็นชา ไม่สนใจแม้แต่นิด
เวินจิ้งขมวดคิ้ว รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ของฉีเซินกับฉินเฟยไม่ค่อยดีนัก ถ้าการแต่งงานพัวพัน
ถึงธุรกิจ เป้าหมายก็แค่ผลประโยชน์
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป มีรถเก๋งขับเข้ามาบ้านพักตากอากาศที่หรูหรา ซ่อนอยู่ในท่ามกลางพืชที่เขียว
ชอุ่ม ราวกับว่าเข้าไปอยู่ในป่า
มีฉีเซินอยู่ข้างกาย เวินจิ้งไม่มีทางได้สงบ
ความคิดคนๆนี้ลึกลับเกินไป ทุกเรื่องที่เขาทำ ทำให้คนต่างก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีแผนการอยู่
ตลอดเวลา
“คุณนายฉี ปกติพักอยู่ที่ เมืองBหรอ?” ลงจากรถ เวินจิ้งมองไปข้างหน้าสถาปัตยกรรมที่
อลังการ ที่นี่เองถึงจะเป็นบ้านเก่าของตระกูลฉี
“อืม แม่ของฉันถ้ามีธุระถึงจะไปเมืองหนานเฉิง ปกติเขาจะอาศัยอยู่ที่นี่”
ไม่นานพ่อบ้านก็ออกมาต้อนรับ เวินจิ้งถูกพาเข้าไปที่ห้องรับแขก แต่ฉีเซินไม่ได้เข้าไปด้วย
หลินเวยลงมารอตั้งนานแล้ว พอเห็นเวินจิ้งก็ยิ้มแย้มแจ่มใส “ครั้งที่แล้วงานหมั้นของฉีเซินไม่ได้
ต้อนรับเธออย่างดี ฉันรู้สึกไม่สบายใจมาตลอด เสี่ยวจิ้งเอ๋ย ไม่ง่ายเลยนะที่เธอจะยอมมา”
เวินจิ้งฝืนยิ้ม ถ้าไม่ใช่ฉีเซินใช้วิธีที่แข็งกร้าว ฉันก็คงไม่มาเด็ดขาด
แต่พอได้เห็นหลินเวย ทันใดนั้นความรู้สึกที่แย่ๆก็หายไปไม่น้อย ความสนิทสนมเป็นมิตรของ
เขาทำให้ไม่รู้สึกเบื่อเลย
“คุณฉี รอฉันอยู่ที่สนามบิน ความรักที่หนักแน่นนั้นยากที่จะปฏิเสธ” เวินจิ้งบ่นพึมพำ
บนใบหน้าของหลินเวยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฉันยังกลัวว่าเด็กคนนั้นจะทำให้เธอตกใจ
เสี่ยวจิ้งเอ๋ย อยู่ที่นี่ก็คิดเสียว่าเป็นบ้านของตัวเองนะ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลามื้อค่ำ เดี๋ยวฉันพาเธอเดิน
ชมที่นี่ก่อน”
เวินจิ้งมองดูรอบๆ บ้านพักตากอากาศหลังนี้ใช้พื้นที่กว้างมากจริงๆ นอกจากตึกนี้แล้ว ข้างหลัง
สวนดอกไม้ยังแบ่งออกเป็นหลายจุด เกรงว่าฉีเซินก็อยู่หนึ่งในตึกพวกนั้นด้วย
“คุณนายฉี คุณพักผ่อนเถอะค่ะ ฉันอยู่ที่นี่คุยเป็นเพื่อนคุณได้นะคะ” เป็นเพราะเธอไม่อยาก
ออกไปเจอหน้าฉีเซิน เทียบกับการคบหากับเขาแล้ว คุณนายฉีทำให้เธอสบายใจกว่าเยอะ
หลินเวยชะงัก ก่อนจะเอามือตีหน้าผากตัวเองอย่างหัวเสีย “ดูความจำฉันสิ เด็กคนนี้พึ่งลงจาก
เครื่องคงเหนื่อยแย่แล้ว งั้นพวกเราก็นั่งพักตรงนี้ก่อนแล้วกันนะ”
พูดจบ เขาก็สั่งให้คนใช้ชงชากุหลาบแดง
รสชาตินี้ ทำให้เวินจิ้งขมวดคิ้ว ราวกับว่าคุ้นเคยชานี้มานาน
“รสชาติชานี้มีเอกลักษณ์มากค่ะ” เวินจิ้งชิมรสชาติ
รสชาติไม่เหมือนชาดอกไม้ทั่วไปที่เคยดื่ม
“ใช่จ่ะ ดอกกุหลาบนี้ฉันไปเก็บเองถึงที่เขาซีซานเลยนะ อุณหภูมิที่นั่นไม่เหมือนที่นี่ ดอก
กุหลาบที่ปลูกออกมาจะยิ่งหอมหวานมาก”
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”
เขาซีซาน สมัยเด็กๆ เวินจิ้งก็เคยไปที่นั่น มิน่าถึงรู้สึกว่าคุ้นเคยกับรสชาตินี้
สมัยตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ก็เคยชอบชงชานี้ รสชาติ…..ไม่ต่างกัน
จนถึงเวลามื้อค่ำฉีเซินพึ่งจะมา หลินเวยถึงกับด่าเสียงดังว่า “ลูกคนนี้อยู่แต่ในห้องทำอะไร
เวินจิ้งไม่ได้มาง่ายๆนะ ยังไม่มานั่งคุยเป็นเพื่อนกับพวกเราอีก”
“เกรงว่านางสาวเวินไม่อยากเจอหน้าผม” ฉีเซินหรี่ตามองเหมือนมีอะไรแอบแฝง
“เธอทำให้เวินจิ้งตกใจรึเปล่า?” หลินเวยชักสีหน้า
“นางสาวเวินว่าไงล่ะ?” ฉีเซินมองไปที่เวินจิ้ง
เวินจิ้งถากถางกลับ “แน่นอน วันนี้คุณฉี มารอฉันอยู่ที่สนามบิน ท่าทางที่วางมาดนั้นทำ
เอาฉันตกใจจริงๆ”
ฉีเซินหัวเราะเบาๆ “อย่างไรก็ตามเธอเป็นแขกพิเศษของแม่ฉัน”
หลินเวยฟังที่สองคนนี้เถียงกันตาต่อตาฟันต่อฟันไม่มีใครยอมใคร ขมวดคิ้วแล้วเปลี่ยน
บรรยากาศให้ผ่อนคลายลง “มากินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวให้ฉีเซินไปส่งเวินจิ้งกลับโรงแรม”
“เป็นเกียรติของผมครับ” ฉีเซินเลิกคิ้วใส่เวินจิ้ง
เวินจิ้งแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
บนโต๊ะอาหาร กับข้าวทุกอย่างที่หลินเวยเตรียมไว้ล้วนเป็นอาหารที่เวินจิ้งชอบ เขาชอบกินอาหารภาคใต้ รสชาติไปทางหวานหน่อย สำหรับคืนนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารประเภทนี้เกือบหมด
ฉีเซินพูดแบบไม่พอใจทันที “แม่ ลำเอียงมากไปรึเปล่า?”
“ลำเอียงอะไร เธอไม่ชอบหรอ” หลินเวยมองดูลูกชาย
“ไม่กล้าครับ” ฉีเซินมองไปที่เวินจิ้ง แล้วก้มตาลง
เวินจิ้งขมวดคิ้ว แต่ก็สงสัยทำไมหลินเวยถึงเข้าใจรสชาติของเขาขนาดนี้ แค่เรื่องบังเอิญมั้ง?
“เวินจิ้ง ช่วงนี้กำลังเตรียมสอบปริญญาโทอยู่หรอ” ฉีเซินถามอย่างกระทันหัน
เวินจิ้งลืมตาขึ้น เขารู้ได้ไง?
“เผลอไปมองเห็นคู่มือเตรียมสอบของคุณ” ฉีเซินรู้ทันแววตาของเขา เลยอธิบาย
“อืม” เวินจิ้งพยักหน้า
“สอบปริญญาโทหรอ อยากสอบที่ไหนเอ่ย? เดี๋ยวฉันให้ฉีเซินหาคนแนะนำให้” หลินเวยพูด
เวินจิ้งยิ้ม “คุณนายฉี ไม่รบกวนคุณแล้ว ขอบคุณในความหวังดีนะคะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องนี้ฉีเซินจำไว้นะ” หลินเวยย้ำลูกชาย
ฉีเซินเม้มปากอันบอบบาง “ผมยินดีที่จะช่วยเวินจิ้งอยู่แล้วครับ”
เวินจิ้งจ้องไปที่ตาเขา เธอไม่ต้องการความช่วยเหลือของผู้ชายคนนี้หรอก
ทันใดนั้น พ่อบ้านเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ “คุณชาย นางสาวฉิน มาครับ”
“เฟยเฟยมาแล้วหรอ? ช่วงนี้เธออยู่ B 市?” หลินเวยไม่หยุดที่จะถามฉีเซิน
ฉีเซินหรี่ตามอง พร้อมกับลูบคาง ความเย็นชานั้นแวบผ่านสายตา
“คุณน้าฉี” ฉินเฟยเดินเข้ามา พอเห็นเวินจิ้งก็อยู่ด้วย เลยชะงักขึ้นมา แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วย
ความไม่พอใจ
ผู้หญิงคนนี้ทำไมก็อยู่ด้วย?