Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 195
บทที่ 195 ความสัมพันธ์ของเราจบสิ้นกันเพียงเท่านี้
“เรื่องเมื่อคืนนี้ คุณเป็นคนทำใช่มั้ย” ฉีเซินเข้าใกล้ บีบคางฉินเฟยภายใต้สายตาที่เย็นชา
ฉินเฟยชะงัก แสดงสีหน้าบริสุทธิ์ “ฉันทำอะไร?”
“เมื่อคืนเวินจิ้งเจอเหตุการณ์อันตราย” ฉีเซินจ้องตามองฉินเฟย
ฉินเฟยขมวดคิ้ว ผลักฉีเซินออก “ถึงแม้ปกติฉันจะไม่ชอบเธอ แต่ก็ไม่เคยคิดร้ายกับเธอนะ”
ฉีเซินล็อกไหล่ของเธอไว้ จนฉินเฟยไม่สามารถขยับตัวได้
นิ้วมือของฉีเซินจับแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอเจ็บจนสีหน้าเปลี่ยน
“ฉีเซิน ในเมื่อคุณไม่เชื่อฉัน แล้วมาถามฉันทำไม?” ฉินเฟยตอบกลับอย่างโมโห
ฉีเซินยิ้มแบบดูแคลน “ผมกำลังตรวจสอบอยู่ ถ้าหากว่าเป็นคุณจริงๆล่ะก็ ความสัมพันธ์ระหว่าง
เราเป็นอันจบสิ้น”
“ไม่ได้!” ฉินเฟยรีบปฏิเสธทันที “ ฉีเซิน ครอบครัวเราทั้งสองฝ่ายร่วมงานกันมานานนะ คุณจะ
ทิ้งกันอย่างงี้หรอ!”
“เรื่องที่ฉันอยากทำ ไม่มีใครที่จะมาขัดขวางได้ ฉีเฟยเธอก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง อย่าเพ้อฝันว่า
ตัวเองเป็นคนสำคัญ” ฉีเซินพูดอย่างเยือกเย็น หมุนตัวนั่งลงบนโซฟา
สีหน้าที่ลึกลับไม่มีใครสามารถคาดการณ์ออกได้
ฉีเฟยกัดริมฝีปากแน่น สั่นไปทั้งตัว สักพักหนึ่ง เธอเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ฉีเซิน “ไม่ว่ายังไง ฉัน
ก็จะแต่งงานกับคุณ”
“ตลอดเวลาเธอชอบฉืออี้เหิงไม่ใช่หรอ? ทำไม ตัดใจจากเขาแล้ว? “ ฉีเซินเขย่าไหล่เธอ
ฉินเฟยหัวเราะ “เขาไม่คู่ควรกับฉัน ฉีเซิน มีแต่เราสองคนที่สวรรค์สร้างให้เรามาคู่กัน”
พูดจบ เธอก็พิงเข้ามาใกล้ๆ อยากที่จะจูบผู้ชายที่หล่อเหลาคนนี้ แต่เขากลับผลักเธอให้ออกห่าง
พูดด้วยน้ำเสียงเงียบขรึม “ผู้หญิงที่มีอำนาจอย่างเธอ ฉันก็แค่ยังไม่เบื่อในเวลานี้”
………..
แสงอาทิตย์ตกเย็น ส่องลงมาโอบล้อมเวินจิ้ง
มู่วี่สิง กอดผู้หญิงไว้ในอ้อมแขน นัยน์ตาดำคล้ำจูบที่ระหว่างคิ้วของเธอ พอขยับ เวินจิ้งส่งเสียง
ยิ่งกอดมู่วี่สิงแน่น ผู้ชายค่อยๆ ดึงมือกลับมา และเดินออกจากห้องไป พอดีกับที่เกาเชียนมาถึง
“ตรวจเจออะไรไหม?” มู่วี่สิงนั่งลงบนโซฟา ได้กลิ่นอายที่น่ากลัวจากทั่วทั้งร่างกาย
เกาเชียนก้มหน้าลง พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผู้ชายชื่อ เฉินเวย เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายก่อน
ตายเขาได้ส่งลูกเมียไปต่างประเทศ ช่วงเวลาครึ่งปีที่อยู่ในโรงพยาบาล เขาไม่ได้คลุกคลีกับใคร
เลย แต่ว่าผมได้สืบประวัติการโทรของเขามาแล้ว ช่วงหลายวันนี้เขาเคยมีการติดต่อ แต่เป็นเบอร์
ต่างประเทศ รายละเอียดของข้อความเวลานี้ยังอยู่ในช่วงตรวจสอบ”
“ผมต้องการแค่บทสรุป” มู่วี่สิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณมีเวลาอีกหนึ่งวัน”
เกาเชียนพยักหน้าแล้วเดินออกไป มู่วี่สิงพิงโซฟา ความเย็นค่อยๆ แพร่กระจายไปรอบตัว
เวินจิ้นนอนหลับจนถึงค่ำ หลังจากตื่นขึ้นมามู่วี่สิงรีบส่งอาหารมื้อค่ำที่จัดเตรียมไว้ให้
เวินจิ้งอาบน้ำเสร็จรู้สึกสบายตัวมาก แต่เรื่องเมื่อคืนก็ยังค้างคาใจอยู่
“คนๆนั้น ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ” เวินจิ้งถามถึง
“เธอจำได้ว่าก่อนขึ้นรถเห็นเกาเชียนกำราบเขาได้แล้ว งั้นหลังจากนั้น จะจัดการเขายังไงหรอ?”
“อยู่ที่โรงพัก” มู่วี่สิงชะงัก ไม่ได้บอกเวินจิ้งว่าคนนั้นตายไปแล้ว
“ตรวจสอบได้มั้ยคะ ว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง” เวินจิ้งมือสั่น นึกถึงตอนแรกที่ถามผู้ชาย
คนนั้น เขาไม่ได้ปฏิเสธว่าเป็น ฉืออี้เหิงเป็นคนบงการ
“เขาไม่ได้พูดอะไร” มู่วี่สิงตอบอย่างหนักแน่น
“ตอนนั้นฉันคิดว่าเป็นฉืออี้เหิง เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“เธอคิดว่าเป็นเขาหรอ?” มู่วี่สิงเลิกคิ้วถาม
“เขาเคยพูดว่าเขาเกลียดฉัน” เวินจิ้งก้มหน้า ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
เธอเข้าใจว่าทำไมฉืออี้เหิงถึงเกลียดเธอ แต่ที่เขาเชื่อ มันไม่ได้เป็นความจริงสักนิด
“ฉันจะคอยสังเกตเขา” มู่วี่สิงชักสีหน้า แต่เมื่อมองไปที่เวินจิ้งสายตาก็ค่อยๆ อ่อนโยนลง
“เรื่องนี้ คุณไม่ต้องคิดแล้ว ให้ผมจัดการเอง”
เวินจิ้งยิ้มเบาๆ “ฉันสร้างความลำบากให้คุณอีกแล้วสินะ”
“เพราะผมไม่ได้ปกป้องคุณให้ดีต่างหาก”
เวินจิ้งทำปากจู๋ ความเอาใจใส่ของผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจจัง
“มือถือของฉันรู้สึกว่าจะทำหล่นไว้ที่ตระกูลฉี” เวินจิ้งนึกขึ้นมาได้ พอพูดจบ เสียงเคาะ
ประตูก็ดังขึ้น เป็นฉีเซิน
เวินจิ้งมองมู่วี่สิง แล้วเดินไปเปิดประตู
เห็นเธอยืนขวางประตู ฉีเซินแสดงสีหน้าไม่พอใจ “ทำไมไม่ให้ผมเข้าไปนั่งล่ะ?”
“คุณเห็นมือถือฉันมั้ย?” เวินจิ้งไม่สนใจเขา แต่กลับถามเลย
ฉีเซินเชิดปากขึ้น “ถ้าผมบอกไม่มี คุณก็คงปิดประตูเลยสินะ”
พูดจบ เวินจิ้งก็ปิดประตูทันที
เธอไม่อยากสนใจเขา
แต่ว่ามือของฉีเซินกลับไวกว่าดันประตูไว้ได้ทัน “ไม่มีมือถือแล้ว ผมให้เครื่องใหม่คุณละกัน”
เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“มือถือของคุณตกน้ำไปแล้ว ซ่อมไม่ได้แล้ว นี่คือเครื่องใหม่ที่ผมชดใช้ให้คุณนะ ซิมการ์ดทำ
ใหม่ให้แล้วด้วย” ฉีเซินยื่นกล่องมาให้หนึ่งกล่อง
เวินจิ้งไม่รับ มู่วี่สิงเดินมาอย่างสง่าจากด้านหลัง
“รบกวนประธานฉีแล้ว โทรศัพท์ของคุณหญิงมู่เดี๋ยวผมซื้อใหม่ให้เธอเอง” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียง
เย็นชา
ฉีเซินยิ้ม “ผมเป็นคนทำให้มือถือเวินจิ้งพัง ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องขอโทษและชดใช้ให้ ถ้าหากคุณ
ไม่รับมือถือเครื่องนี้ไว้ งั้นผมขอเลี้ยงข้าวคุณนะ?”
สายตาของเวินจิ้งมองด้วยความหงุดหงิด “ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่ต้องการ” พอพูดจบ “ปัง” ปิด
ประตูใส่
มู่วี่สิงดันเธอไปที่บานประตู ค่อยๆแสดงสายตาที่อันตรายออกมา
“คุณหญิงมู่ไม่ได้บอกผมเลย ไปตระกูลฉีทำไม?” มู่วี่สิงหรี่ตามอง
“คุณนายฉีเป็นคนเชิญฉันเอง” เวินจิ้งก้มลง
เธอไม่ได้บอก ก็เพราะไม่อยากให้มู่วี่สิงเข้าใจผิด
“คุณทำมือถือหล่นได้ไง?”มู่วีสิงถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เวินจิ้งหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าทำมือถือหล่นตั้งแต่เมื่อไรกัน
มือถือของเธออยู่ในกระเป๋าตลอด แทบจะไม่ได้หยิบออกมาเลย แต่พอเดินเข้าประตูไป ก็มีคนใช้มาเอากระเป๋าไปเก็บแล้ว เธอแทบจะไม่ได้แตะมือถือเลย
ดังนั้น มือถือของเธอจะตกน้ำได้ยังไง?
เมื่อกี้กลับลืมนึกถึงจุดนี้ พอมู่วี่สิงพูดขึ้น เธอถึงได้สติ
“หรือว่าจะเป็นฉีเซิน?”
“ยังมีใครที่ไปตระกูลฉีอีกบ้าง?” มู่วี่สิงถาม
“ฉีเซินมารับฉันจากที่สนามบิน หลังจากนั้นฉันก็นั่งคุยกับหลินเวยตลอด จากนั้น….ฉินเฟยก็มา”
“วันหลังก็ระวังเธอให้มากนะ” มู่วี่สิงแสดงสีหน้าที่อึมครึมมาก
เวินจิ้งพยักหน้าอย่างว่าง่าย เธอไม่เคยมีความรู้สึกดีต่อฉินเฟยเลย
“ดังนั้น ครั้งนี้คุณมาที่นี่เพื่อฉันโดยเฉพาะหรอคะ?” เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น ในดวงตามีแสง
ระยิบระยับ
มู่วี่สิงพยักหน้า แล้วโอบไหล่เธอไว้ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่งั้น ใครจะสามารถทำให้ผม
ทิ้งงานได้ล่ะ” เวินจิ้งแก้มแดง “แต่ว่า ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปยังมีงานอีกเยอะเลยสิ”
ปกติมู่วี่สิงก็ต้องทำงานล่วงเวลาตลอดเลย เขาอยู่ที่นี่น่าจะจัดการธุระไม่ค่อยสะดวก?
“บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปที่ เมืองB ก็มีสาขาย่อยอยู่ ไม่เสียงานหรอก”
“คุณพูดอะไรก็ตามนั้นแล้วกัน” เวินจิ้งยิ้ม พร้อมเขย่งเท้าขึ้น เป็นฝ่ายจูบปากมู่วี่สิงก่อน