Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 211
บทที่ 211 กลิ่นเหม็นเปรี้ยวแห่งความรัก
เดินออกจากสนามบิน เวินจิ้งก็เห็นอั้ยเถียนตั้งแต่อยู่ไกลๆ แล้ว
ปกติเธอจะแต่งตัวเรียบง่าย ตอนนี้กลายเป็นใส่กระโปรงสีดำที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ลอนผมเป็นทรงดัดลอนใหญ่ การแต่งหน้าบนใบหน้าสวยงามเพอร์เฟค เสน่ห์ของลูกคุณหนูที่อยู่ในตัวลอยออกมาเต็มๆ
“จิ้งจิ้ง กว่าเธอจะมาถึง!” อั้ยเถียนวิ่งมาทันที ควงแขนเวินจิ้งไว้ท่าทางสนิทกันมาก
เวินจิ้งยิ้มร่าและกอดอั้ยเถียน “คิดถึงเธอจะแย่อยู่แล้ว”
“ร้องไห้อยู่ได้ ฉันก็เหมือนกันแหละ”
สองคนพูดคุยกันไปสักพัก อั้ยเถียนจึงจะมองไปที่มู่วี่สิงทักทายตอนนี้ “คุณหมอมู่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“ไม่เจอตั้งนาน ขอแสดงความยินดีกับการแต่งงานนะ” มู่วี่สิงพูดอย่างมีมารยาท บนใบหน้ายังคงเป็นสีหน้าอ่อนโยน
“ขอบคุณนะ”
มู่วี่สิงไม่ได้ไปบ้านตระกูลอั้ยกับเวินจิ้ง ยังเหลืออีกสองวันก็คือวันแต่งงานแล้ว เขาพักที่โรงแรมที่นี่เพื่อจัดการงานของเขา
หลังจากขึ้นรถแล้ว อั้ยเถียนพูดข้างๆ เวินจิ้งอย่างอิจฉา “คุณหมอมู่ดูแลเอาใจใส่จริงๆ เลย”
คงจะรู้ว่าสองวันนี้สองคนนี้ต้องมีเรื่องมากมายที่อยากจะคุยด้วย เขาก็สมัครใจไม่ตามไปด้วย
“เขายุ่งงานมาก”
“ยุ่งแค่ไหนก็มากับเธอแล้วนิ”
ใบหน้าของเวินจิ้งแดงเล็กน้อย ด้านการดูแลเอาใจใส่ มู่วี่สิงไม่มีที่ติสักนิดเลยจริงๆ
รถเก๋งค่อยๆ ขับเข้าไปในวิลล่าสไตล์ยุโรปหลังหนึ่ง เวินจิ้งคุ้นเคยกับที่นี่มาก หลายปีก่อนเธอเคยมาที่นี่หลายครั้ง และก็คุ้นเคยกับพ่อแม่ของอั้ยเถียนอีกด้วย
อั้ยเถียนพาเธอขึ้นไปบนห้องเลย “กี่คืนนี้เธอต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันรอวันนี้มานานมากแล้วนะ”
“ความจริงใจฉันสงบมาก สำหรับฉันแล้วงานแต่งก็คือกระบวนการอย่างหนึ่งแค่นั้นเอง” อั้ยเถียนพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา
เวินจิ้งขมวดคิ้วนั่งลงที่โซฟา “ว่าที่สามีของเธอล่ะ”
“เขาไปปฏิบัติงานนอกสถานที่แล้ว พรุ่งนี้ถึงจะกลับมา”
“อั้ยเถียน พวกเธอรู้จักได้แค่เดือนเดียวเอง เธอแน่ใจหรอว่าตัวเองรู้จักเขาดีแล้ว” เวินจิ้งเป็นห่วงอยู่
“ฉันไม่ได้แต่งงานกับผู้ชายหนึ่งคน แต่คือแต่งงานกับหนึ่งครอบครัวใหญ่ อย่างนี้แล้ว การรู้จักก็ไม่ถือว่าสำคัญมากแล้ว”
“ฉันพาเธอไปดูชุดแต่งงานของฉัน!” ไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อ อั้ยเถียนพาเวินจิ้งเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า
เวินจิ้งรู้สึกเอ็นดูเธอมาก เธอยิ่งเฉยชาแบบนี้ เวินจิ้งก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วง
ตอนกลางคืน เวินจิ้งอาบน้ำเสร็จ มู่วี่สิงก็ได้โทรมา
“พรุ่งนี้มีแผนอะไรไหม”
“พรุ่งนี้…” เวินจิ้งคิดไปคิดมา “เตรียมเรื่องงานแต่งเป็นเพื่อนอั้ยเถียน”
“แสดงว่า เจอคุณไม่ได้แล้ว หึม?” น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความเสียใจเล็กน้อย
“คุณอยากเจอฉันหรอ” เวินจิ้งยืนอยู่ที่ระเบียง ในหัวกำลังวาดโครงร่างของมู่วี่สิงอยู่
เธอคิดถึงเขาแล้ว
“คิดถึง” ลูกผู้ชายยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
รอยยิ้มที่มุมปากเวินจิ้งยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“อีกสองวันก็ได้เจอแล้ว” เวินจิ้งไม่รู้ว่าจะปลอบเขายังไง
ช่วงกี่วันนี้ เธออยากอยู่เป็นเพื่อนอั้ยเถียน
“พักผ่อนเยอะๆ นะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาผม อย่าลืมนะ” มู่วี่สิงกล่าวเตือน
“รู้แล้ว”
วางสายลง รอยยิ้มที่มุมปากเวินจิ้งยังคงโค้งขึ้นอยู่
อั้ยเถียนเดินออกมา หยิบหน้าเล็กของเวินจิ้ง “เฮ้อ ฉันได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวแห่งความรักแล้ว”
“ฉันกับมู่วี่สิงไม่ใช่ความรัก” เวินจิ้งถอนหายใจออกหนึ่งที
“ใครบอกว่าไม่ใช่ ตอนนี้เธอสองคนต่างชอบกันอยู่ ฉันดูออกได้นะ”
ต่างชอบกัน…
เวินจิ้งขมวดคิ้ว มู่วี่สิงไม่ชอบเธอ…มั้ง
“ไม่ใช่หรอก” เวินจิ้งปฏิเสธ
“ยัยโง่นี่ เธอบอกฉันมา เธอชอบหรือไม่ชอบมู่วี่สิง” อั้ยเถียนถามเธออย่างจริงจัง
เวินจิ้งสะเทือนไปสักพัก อยู่ต่อหน้าเพื่อนสนิทแล้ว เธอไม่ได้ปฏิเสธ
เธอชอบมู่วี่สิง
แล้วยังไงล่ะ สักวันพวกเขาก็อาจจะหย่ากันก็เป็นไปได้
“ถ้าเธอกลัวความสัมพันธ์การสมรสของเธอสองจบลง ฉันจะบอกเธอนะ วิธีที่ดีที่สุดก็คือมีลูกคนหนึ่ง” อั้ยเถียนพูดเสียงเบา
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ทุกครั้งของเธอกับมู่วี่สิงทำการป้องกันไว้อย่างดีไม่เว้นสักครั้ง สองคนก็ไม่เคยคุยเรื่องมีลูกกันเลย
“ไม่ได้ ลูกไม่ผิด ความสัมพันธ์ของฉันกับมู่วี่สิงไม่เหมาะที่จะมีลูก” เวินจิ้งพูดอย่างแน่วแน่
“แล้วเธอไม่เคยคิดเลยหรอว่าจะอยู่บ้านตระกูลมู่ตลอดไป”
เวินจิ้งส่ายหัว “ไม่เคยคิด วันหลังเขาอาจจะเจอคนที่เขาชอบก็ได้ อย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเราก็จบลงแล้ว”
“แล้วเธอล่ะ เธอเคยคิดถึงตัวเองบ้างไหม” น้ำเสียงของอั้ยเถียนต่ำลงมา
“เธอว่า ฉันยังจะชอบคนอื่นได้อีกไหม” เวินจิ้งพูดอย่างเศร้าหมอง
แต่งงานกับมู่วี่สิง เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันแบบนี้ ที่เธอชอบเขา
เธอก็อยากควบคุมหัวใจของตัวเองไว้เหมือนกัน แต่ทำไม่ได้
เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เธอได้แต่ดูตัวเองจมเข้าไปทีละก้าวๆ มิอาจถอนออกมาได้
“ไม่” อั้ยเถียนพูดเสียงต่ำ เธอเข้าใจที่สุดแล้ว มู่วี่สิงเป็นคนที่เพอร์เฟคจนไม่มีที่ติเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าชอบเขาแล้วเป็นไปได้ไงที่จะสามารถไปชอบคนอื่นได้อีก
“เวินจิ้ง เธอควรใคร่ครวญเพื่อตัวเอง” อั้ยเถียนพูดด้วยความปรารถนาอย่างจริงใจและจริงจัง
“แล้วเธอล่ะ เธอเคยใคร่ครวญเพื่อตัวเองบ้างไหม เธอไม่ชอบผู้ชายคนนั้น” เวินจิ้งพูดอย่างแน่ใจ
สีหน้าของอั้ยเถียนเปลี่ยนแล้ว กัดริมฝีปากไว้ เธอเงียบไปเนิ่นนาน
“ฉันไม่มีทางอื่นแล้ว ฉันทำสิ่งที่ผิด ก็ต้องทำผิดอีกสิ่งหนึ่งเพื่อไปแก้ไข”
“พูดไปเรื่อย ความจริงเธอสามารถปฏิเสธได้อยู่นิ”
พ่อแม่ของอั้ยเถียนรักเธอมากมาโดยตลอด เคารพความคิดเห็นของเธอ ครั้งนี้ เธอเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะไปนัดบอด
แต่งงาน ถึงแม้ว่าจะมีความคิดเห็นของครอบครัวอยู่ แต่สิทธิ์การตัดสินใจก็ยังอยู่ในมืออั้ยเถียนอยู่ดี
“ไม่ได้แล้ว มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะลืมเขาลงได้” อั้ยเถียนนอนลงมา พอหลับตาลง หน้าหล่อเหลาของเสี้ยวหงก็ลอยขึ้นมาในหัวของเธอ
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน เธอถึงจะลืมเขาลงได้จริงๆ
วันถัดมา เวินจิ้งไปช่วยจัดสถานที่จัดงานแต่งงาน ซึ่งอยู่ที่โรงแรมหกดาวแห่งหนึ่งของประเทศ B
อั้ยเถียนไปรับว่าที่สามีของเธอที่สนามบิน เวินจิ้งอยู่ในโรงแรม สวนดอกไม้ข้างหลังถูกจัดแต่งเป็นทะเลดอกไม้สีฟ้าอ่อน สวยงามและโรแมนติค
การ์ดเชิญแจกออกไปให้หมดแล้ว เวินจิ้งตรวจสอบรายชื่อของแขกก็ได้เห็นชื่อของฉีเซินอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
และยังมีฉินเฟยอีกด้วย
เมื่อจัดการงานทุกอย่างเสร็จก็ถึงเวลากลางคืนแล้ว อั้ยเถียนโทรมาบอกว่าคืนนี้เธอจะทานข้าวกับว่าที่สามีของเธอตรงนั้น เวินจิ้งกลับถึงบ้านตระกูลอั้ยจะมีข้าวเย็นเตรียมเรียบร้อยแล้ว
แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปโรงแรม ข้างหน้าก็มีเงาสองคนที่คุ้นเคยเดินมา
เวินจิ้งไม่หยุดก้าวเท้าต่อ แต่ฉินเฟยดันมาเรียกเธอไว้
“นี่คือเวินจิ้งไม่ใช่หรอ ฉันนึกขึ้นได้แล้ว งานแต่งของอั้ยเถียน เธออยู่แน่นอน” ฉินเฟยเดินมาทางนี้
สายตาของฉีเซินก็มองมาทางนี้ เม้มริมฝีปากทีหนึ่ง “เจอกันอีกแล้ว”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว สองคนนี้เธอไม่อยากทักทายด้วยสักคน
เพียงแต่ว่าเรื่องมารยาทแล้ว เธอพูดอย่างเย็นชา “ฉันยังมีธุระต้องยุ่งอยู่ พวกคุณเชิญตามสบายเลย”
“เฮ้ย นี่ทำตัวเป็นอะไรเนี่ย” ฉินเฟยมองด้านหลังของเวินจิ้ง พูดอย่างอารมณ์เสีย
ฉีเซินแตะปลายคาง ความเย็นชาในดวงตาประกายแวววาว หลังจากที่ส่งฉินเฟยขึ้นห้องเสร็จเขาก็รีบลงข้างล่าง
เวินจิ้งกำลังรอรถอยู่ ฉีเซินเดินเข้ามาดักหน้าเธอไว้
“ถ้าบังเอิญขนาดนี้แล้ว ทานข้าวด้วยกัน?” เขาชวน
“ฉันบอกแล้วว่าฉันยังมีธุระอยู่”
“ธุระอะไร” ฉีเซินต้องถามให้ได้
“ธุระไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ผมไม่ได้หาเรื่องคุณเลยนะ อย่าลืมล่ะ คราวก่อนผมเป็นคนช่วยคุณนะ”
เวินจิ้งนิ่งไปสักพัก เรื่องคราวก่อนเธอไม่อยากไปรื้อฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว
“ฉันเลี้ยงข้าวคุณ กรุณาทีหลังอย่าพูดถึงเรื่องอีกแล้ว ก็ถือว่าฉันขอบคุณคุณละกันนะ” ในที่สุดเวินจิ้งก็หันหลังไป
ฉีเซินเม้มริมฝีปากอย่างพึงพอใจ