Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 216
บทที่ 216 รักษาดีๆ
ซูยีนเป็นผู้หญิงที่ฉลาด เข้าใจความหมายในคำพูดของเธอเร็วมาก
แต่งฟ้าผ่า ก็แสดงว่าความรักไม่มีพื้นฐานที่เพียงพอแน่นอน
“คุณหมอมู่เป็นผู้ชายที่ดีมาก คุณต้องรักษาไว้ดีๆ นะ”
คำพูดแบบนี้ อั้ยเถียนก็เคยบอกเธอเหมือนกัน
สีหน้าของเวินจิ้งไม่ค่อยธรรมชาติเท่าไหร่ ก็เนื่องจากความดีเลิศโดดเด่นของมู่วี่สิงนี่เอง ดังนั้นมีหลายครั้งที่เธอรู้สึกทุกข์ใจมาก
อยู่ในงานปาร์ตี้ย่อมมีการดื่มเหล้าอยู่แล้ว มู่วี่สิงเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้ให้เธอ ซูยีนโวยวายไม่อนุญาต แต่ก็ถูกพลังงานในสายตาของเขากดลงมาอยู่ดี
“อย่าไปยุ่งน่า เวินจิ้งเป็นสุดที่รักของเขาไม่รู้หรือไง” ลี่หนานเฉิงไขว่ห้าง น้ำเสียงเย้าแหย่
“ฉันจะดื่มนิดหน่อย ยังไงก็เพื่อนของคุณนิ” เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น ทุกคนล้วนดื่มเหล้ากันหมด ถึงเธอจะดื่มไม่ค่อยได้ แต่คำเดียวสองคำก็ยังพอได้อยู่
“ถ้าเวินจิ้งเมาจริง ยังไงมู่วี่สิงก็จะอุ้มเธอกลับไปอยู่ดี” ซูยีนกะพริบตาให้เธอ
แก้มของเวินจิ้งแดงเล็กน้อย เธอเนี่ยไม่กล้าเมาหรอก
“ดื่มได้แค่คำเดียว” มู่วี่สิงทำหน้าอารมณ์ไม่ดี
“เวินจิ้ง ที่มู่วี่สิงเข้มงวดต่อเธอแบบนี้ หรือว่ากำลังเตรียมตัวตั้งครรภ์อยู่หรอ” เวินจิ้งเพิ่งดื่มเข้าไปคำหนึ่ง เกือบจะทนไม่ไหวแล้วพุ่งออกมา
เตรียมตัวตั้งครรภ์…
เธอรีบส่ายหัวทันที “ฉันกับมู่วี่สิงไม่มีแผนนี้”
“พวกคุณแต่งงานได้ตั้งหนึ่งปีแล้ว มู่วี่สิง คุณปู่ไม่ได้เร่งหรอ”
“ท่านพูดก็ไร้ประโยชน์” มู่วี่สิงพูดเสียงต่ำ
“อย่าให้เวินจิ้งรอนานเกินไปก็แล้วกัน”
“คุณพูดมากจริงๆซูยีน รีบดื่มเหล้าซะ!” ลี่หนานเฉิงเอาเหล้ามาให้ซูยีนเพื่อปิดปากของเธอ
ซูยีนไม่พอใจ อดไม่ได้ที่จะพิงในอ้อมกอดของลี่หนานเฉิง เมื่อสองคนได้สัมผัสกันและกัน ไฟนั้นก็เหมือนกับกำลังเผาไหม้ขึ้นอย่างนั้น แม้กระทั่งแววตาก็ยังไหม้อยู่เหมือนกัน
แต่พอตอนจะจูบกัน ซูยีนอดทนไว้
ผลักลี่หนานเฉิงออกไป เธอก็อาศัยผนังเดินโซเซออกไป
เห็นว่าเหมือนเธออยากจ้ะอ้วก เวินจิ้งก็ไปพยุงเธอไว้ “เราไปห้องน้ำนะ”
พอเดินออกมาจากห้อง ซูยีนหัวเราะออกและยืนติดผนัง เธอเอาบุหรี่ออกมาหนึ่งกล่องด้วยท่าทางเคยชิน
เดิมเธอก็หน้าตาสวยงามน่าหลงใหลอยู่แล้ว มือขาวอันเรียวยาวคีบบุหรี่แท่งยาว คิ้วตาที่ยักขึ้นเล็กน้อยยิ่งปลดปล่อยเสน่ห์ต่างๆ ออกมา
ความสวยของผู้หญิงคนนี้ คือออกมาจากข้างในตัวของเธอ
“ผู้หญิงสูบบุหรี่ไม่ดีนะ” เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น
ซูยีนยิ้มแบบริมฝีปากอ้าขึ้นเล็กน้อย “ในเวลาแบบนี้ ก็มีแต่นิโคตินที่สามารถให้เราควบคุมตัวเองได้”
เวินจิ้งย้อนกลับไปคิดภาพที่เธอกับลี่หนานเฉิงกอดกัน แล้วกลับมาดูซูยีนอีก ลี่หนานเฉิงบอกว่าเขาโสด แต่จริงๆ แล้วซูยีนสนิทกับเขามาก
“คุณดื่มเหล้าไม่ได้หรอ” ซูยีนถามเธอ
“ดื่มไม่ค่อยเป็น”
“งั้นก็มาตั้งใจเรียนรู้กับคุณแม่ละกัน ผู้หญิงจะต้องดื่มเหล้าและสูบบุหรี่เป็น ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่ถูกผู้ชายกดขี่” ซูยีนพูดอย่างตั้งอกตั้งใจมาก
เวินจิ้งหัวเราะ เธอก็ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วย แต่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดแบบนี้
ดูออกได้ว่าซูยีนกับเธอไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกเดียวกันเลย เธอสูงส่ง งดงาม น่าหลงใหลทั้งจากภายในสู่ภายนอก
“ใครบอกล่ะ มีบางสิ่งที่สามารถไม่ไปยุ่งทั้งชีวิตก็ได้ อย่างนั้นก็จะไม่เสพติด” เวินจิ้งพูดด้วยความใจเย็น
ซูยีนหรี่ตาลง “ดูท่าน่าจะเป็นเด็กดี”
“ในโลกของฉัน ทำตามกฎระเบียบมาตลอดก็จริง แต่หลังๆ มาฉันก็ได้สังเกตว่ามันไม่มีประโยชน์เลย เพราะว่าไม่ไปแย่งไปขอ ยังไงปัญหาอยู่ๆ ก็จะตกลงมาจากฟ้าอยู่ดี”
“ไม่ว่าสิ่งไหนล้วนต้องการต่อสู้กันหมด ผู้ชายก็ใช่ ทุกสิ่งทุกอย่างใช่หมดเลย”
สูบเสร็จแล้วหนึ่งคำ ซูยีนยังอยากจะสูบอีก แต่ลี่หนานเฉิงดันออกมาก่อนแล้ว
“ผมเคยบอกคุณไปกี่ครั้งแล้วว่าให้เลิกสูบบุหรี่!” ลี่หนานเฉิงทำสีหน้าที่ใกล้จะระเบิด
ซูยีนหัวเราะ “ทำไมฉันต้องฟังคุณ”
“คุณคือผู้หญิงของผม!” ลี่หนานเฉิงจับแขนของเธอไว้
แต่กลับถูกซูยีนผละออกแรงๆ “มันเป็นแค่อดีตแล้ว”
งานปาร์ตี้ไม่ได้ใช้เวลานานมาก ซูยีนดื่มเหล้าเข้าไปไม่น้อยไม่ได้เมา แต่กลับเป็นลี่หนานเฉิงที่เมาก่อน
เวินจิ้งอยู่ภายใต้การเฝ้าดูของมู่วี่สิงแทบไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เลย แต่มู่วี่สิงมีดื่มบ้าง ฉะนั้นตอนกลับคนที่ขับรถเป็นเวินจิ้ง
ถึงแม้ปกติมู่วี่สิงจะมีคนขับรถ แต่หลายครั้งที่ออกไปข้างนอกสองคน มู่วี่สิงก็จะขับรถเอง
เวินจิ้งก็ชอบโลกสองคนแบบนี้มากกว่า
ก่อนลงจากรถ มือของเวินจิ้งถูกมู่วี่สิงจับไว้ เขาไม่ได้เมา แววตาในเวลานี้ใสสว่างมาก
เวินจิ้งสบตากับสายตาของเขา ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนเขาจูบลงมา ทั้งคนถูกเขากดไว้บนเบาะจนไม่สามารถดิ้นได้เลย
“มู่วี่สิง…” เธอขมวดคิ้วมุ่น มือของผู้ชายกำลังเคลื่อนลงไปข้างล่าง
ตัวของสองคนเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่ผสมด้วยกัน ความไม่พอใจในดวงตาของเวินจิ้งค่อยๆ ซึมเข้ามา
“หืม?” มู่วี่สิงกลับไม่ได้ดำเนินต่อ จับมือน้อยของเธอไว้ อีกมือหนึ่งเอาซองเอกสารออกมาจากลิ้นชักหน้ารถ
เธอมองเขาเต็มด้วยความสงสัย
“ครูวิทยานิพนธ์ของเธอเมื่อห้าปีก่อนผมติดต่อได้แล้ว พรุ่งนี้ก็เอาเอกสารชุดนี้ไปหาเธอ”
แสงไฟในดวงตาของเวินจิ้งสว่างขึ้น ไม่คิดเลยว่ามู่วี่สิงจะสามารถช่วยเธอได้จริงๆ
เอกสารในมือเหมือนจะหนักเป็นพันกิโลเมตร
“มู่วี่สิง คุณทำได้ยังไงอ่ะ” เวินจิ้งถามไปด้วยตัวสั่นไปด้วย
เธอกับอั้ยเถียนสืบมานานมากแล้วก็ยังสืบวิธีติดต่อครูวิทยานิพนธ์ไม่ได้สักที แต่มู่วี่สิงกลับสามารถสืบออกมาได้
ถึงแม้รู้อยู่แล้วว่าฐานะของเขาไม่ธรรมดา แต่เวินจิ้งก็ยังอึ้งมากอยู่ดี
“คุณต้องการรู้แค่ว่า ถ้าตอนนั้นคุณคือถูกทำร้ายจริงๆ ผมก็จะคืนความโปร่งใสให้คุณ”
เวินจิ้งอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอไม่เคยสงสัยคำพูดของมู่วี่สิง
“ขอบคุณจริงๆ นะ”
“จะขอบคุณผมยังไงหรอ” ลูกตาอันวาวดำของเขาหรี่ลง พร้อมกับเสน่ห์อันน่าหลงใหล
อัตราการเต้นหัวใจของเวินจิ้งผิดจังหวะตั้งนานแล้ว เมื่อกำลังเหม่อลอยอยู่ ริมฝีปากก็ถูกจูบอีกครั้งหนึ่ง ท่าทางของมู่วี่สิงเหมือนจะเป็นจังหวะที่จะจัดการเธอตรงนี้เลยอย่างนั้น…
เวินจิ้งมิอาจปฏิเสธได้ ยังดีที่ตรงนี้คือลานจอดรถส่วนตัว แต่เวินจิ้งก็ยังรู้สึกตื่นเต้นมาก…
…
ตอนบ่ายวันที่สอง เวินจิ้งมาตามที่อยู่ที่มู่วี่สิงส่งให้เธอ
เห็นครูวิทยานิพนธ์เย่หย่าของเมื่อก่อน เวินจิ้งมีความตื่นเต้นเล็กน้อย
ในตอนนั้นเธอเคยอ่านวิทยานิพนธ์ของเธอ แต่ว่าเธอไม่ใช่ครูที่สอบวิทยานิพนธ์
“เวินจิ้ง?” เย่หย่าลุกขึ้นมา สำหรับความทรงจำที่มีต่อเวินจิ้งก็ยังมีความลึกซึ้งอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
สมัยนั้นเธออยู่ในชั้นเรียนเป็นนักเรียนดีเด่น ส่วนวิทยานิพนธ์ที่เธอเขียนเธอก็พอใจมากโดยตลอด
แต่หลังจากที่เกิดเรื่องไม่นานเธอก็เกษียณแล้ว เรื่องนี้ก็ค่อยๆ จางหายไปเหมือนกัน
“ครูคะ ท่านยังจำหนูได้หรอ” เวินจิ้งตาเริ่มแดง
“ได้สิ นั่งลงเหอะ หลังจากที่ฉันเกษียณก็ปักหลักอยู่ที่ต่างประเทศมาตลอด กลับมาครั้งนี้เพื่อที่จะมาเยี่ยมญาติ คุณมู่หาฉันได้ บอกว่าใบจบของเธอยังถูกยึดไว้อยู่”
“ใช่ค่ะ ตอนนั้นวิทยานิพนธ์ของหนูที่จะใช้สอบวิทยานิพนธ์ถูกคนเปลี่ยนไปแล้ว ตอนที่หนูสอบวิทยานิพนธ์ซึ่งที่ครูเห็นคืออีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นหนูหวังว่าครูจะสามารถยืนยันกับมหาวิทยาลัยว่าวิทยานิพนธ์ที่หนูส่งตอนนั้นครูเคยอ่านแล้ว และยังตรวจสอบเรียบร้อยแล้วด้วย ซึ่งไม่ใช่วิทยานิพนธ์ที่ครูเห็นตอนสอบวิทยานิพนธ์เรื่องนั้น”
เย่หย่าขมวดคิ้วมุ่น “ถ้าเรื่องนี้ตรวจสอบขึ้นมาจริงๆ ก็ยุ่งยากมากเลยทีเดียว ฉันได้แค่ลองทำดูนะ แต่ว่าใครกันแน่ที่คิดร้ายกับเธอ”
“หนูไม่รู้ค่ะ หนูไม่เคยมีเรื่องกับใครในโรงเรียนเลย ตอนนี้หนูแค่อยากจะพิสูจน์ความโปร่งใสของหนูก็เท่านั้น เอาใบจบกลับมาเพื่อไปสอบปริญญาเอก”
นี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุดของเธอในตอนนี้ ส่วนคนที่ทำร้ายเธอคนนั้นเป็นใคร ถึงแม้ว่าเธอจะแอบเดาออกได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี