Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 228
บทที่ 228 ไม่เคยยอมแพ้ในการสืบสวน
ในรถ เวินจิ้งมองมู่วี่สิง การพูดหยุดลง
“มีอะไรก็พูมา” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ลดความเร็วรถลง
“ฉันอยากให้คุณช่วยดูยานี้หน่อย” เวินจิ้งยื่นรูปในโทรศัพท์ให้เขา
ดวงตาแหลมคมของมู่วี่สิงลดลง “ของหลินเวย”
เวินจิ้งพยักหน้าอย่างช้าๆ ดูสีหน้าของมู่วี่สิง ก็ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธไหม
เธอรู้ว่ามู่วี่สิงไม่ชอบให้เธอไปพัวพันธ์กับคนในตระกูลฉี แต่เรื่องนี้…………
“มีอะไรผิดปกติกับร่างกายของเธอ” มู่วี่สิงเสียงอบอุ่นและนุ่มนวล
“ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง ฉันพบว่าอาการของคุณนายฉีหนักเกินไป อยากเช็คดู” เวินจิ้งอธิบาย
รถถูกขับเข้าไปในการ์เด้นมูเจียวาน มู่วี่สิงดูรูปถ่าย สายตากวาดดูที่ฉลากด้านบน
“นี่คือยาทั่วไป ทานยาตามสั่งสามารถควบคุมอาการได้”
เวินจิ้งนิ่งสักพัก นำถุงใสออกมาหนึ่งใบ เธอนำออกมาจากขวดยาของหลินเวย
“อันนี้ คุณช่วยฉันดูหน่อย”
“ถ้าคนไม่รู้จักคงคิดว่าคุณเป็นลูกสาวของตระกุลหลิน” ทันใดนั้นมู่วี่สิงก็ยิ้ม
เวินจิ้งขมวดคิ้ว โอเค เธอฟังออกว่ามู่วี่สิงกำลังหึงเธอ
“หมอมู่ คุณนายฉีดีต่อฉันมาก” เวินจิ้งพูด
“ฉันไม่ดีกับคุณหรือ” มู่วี่สิงหันมา ดวงตาที่ส่องแสง
เวินจิ้งใจอุ่นลง ริมฝีปากยกและยิ้ม “หมอมู่ดีกับฉันที่สุด”
มู่วี่สิงจับที่ท้ายทอยเธอ ใบหน้าหล่อเหลาใกล้เข้ามา บล็อกลมหายใจที่ร้อนของเธอโดยตรง
เวินจิ้งกระซิบ มู่วี่สิงกดเธออยู่ใต้ร่างเขา เขาแข็งแรงมาตลอด ประสานข้อมือของเธอขึ้น เธอไม่สามารถต่อสู้ได้
ผ่านไปสักพัก เวินจิ้งใบหน้าและหูแดงไปหมด มู่วี่สิงพอใจถึงปล่อยเธอ
“รังแกฉันแล้ว ก็ตรวจสอบยานี้ให้ฉันได้แล้วสินะ”
เวินจิ้งจำไว้เสมอ
“พรุ่งนี้มาหาฉันที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป”
กลับถึงการ์เด้นมูเจียวาน มู่วี่สิงเคลียงานที่ห้องทำงาน เกาเชียนรอเขานานแล้ว
“ประธานมู่นี่คือเรื่องที่คุณให้ฉันตรวจสอบ”
มู่วี่สิงเปิดเอกสารออก ในนั้นมีเอกสารของเวินจิ้งที่เกี่ยวกับการสอบสวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
“เรื่องเรการแท้งลูกของหลินเวยเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน ฉันต้องการบันทึกจากห้องผ่าตัด”
“ฉันรู้แล้ว”
ตอนที่เกาเชียนออกไป เวินจิ้งทำอาหารมื้อเย็นมา
โดยปกติก็เห็นเกาเชียนมาเป็นประจำ เวินจิ้งก็คุ้นเคยมานานแล้ว
“ผู้ช่วยเกา คุณทานก่อนค่อยไปนะ” เวินจิ้งถามอย่างมีมารยาท
“คุณนาย ผมควรจะกลับแล้ว ท่านให้ประธานมู่เถอะ”
เกาเชียนผงกหัวเล็กน้อย ก่อนหันหลัง สายตาจ้องมองเวินจิ้ง
เวินจิ้งถูกมองอย่างประหลาด บนหน้าเธอมีอะไรหรือเปล่า
ยืนอยู่หน้ากระจก แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ
ตอนดึกแล้ว เวินจิ้งเข้าไปในห้องหนังสือ มู่วี่สิงยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เงาสูงใหญ่
เธอคิดว่าเขากำลังเคลียงาน เลยไม่เข้ามารบกวน
มู่วี่สิงมีบางสิ่งที่กังวล
เวินจิ้งยืนอยู่หน้าประตู เขาในขณะนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า
“มู่วี่สิง” เธอเรียกเขา
ชายคนนั้นไม่หันมา ดูเหมือนกำลังใจลอย
เวินจิ้งเดินเข้าไป หยุดอยู่หลังเขาครึ่งเมตร มู่วี่สิงสูงมาก สูงประมาณร้อยเก้าสิบ เธอสูงแค่ร้อยหกสิบห้าถึงประมาณไหล่เขา
เธอกอดที่เอวเขา “มีเรื่องกังวลใจหรือเปล่า”
ลองคิดดู มู่วี่สิงเหมือนไม่เคยคุยเรื่องในใจกับเขา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อสองคนอยู่ด้วยกัน บางครั้งรู้สึกถึงความอบอุ่นจริงๆ แต่กลับมาในชีวิตจริง เป็นเพียงการทำสิ่งที่ต้องการ
ระยะห่างระหว่างสองคน มันห่างมาก
สายตาที่เศร้าของเวินจิ้งไม่สามารถปกปิดไว้ได้
“ที่ทำงาน” มู่วี่สิงเบื้องหลัง ความโหดร้ายของเขาถูกซ่อนไว้
เวินจิ้งลืมตาขึ้น รู้ว่าเขาไม่ต้องการที่จะพูด ก็เลยไม่ได้ถามต่อ
วันถัดไป หลังเลิกงานเวินจิ้งก็ตรงไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
แม้ว่าจะมาไม่บ่อยมาก มู่วิ่งสิงเคยสั่งไว้เธอขึ้นไปไม่จำเป็นต้องรายงานก่อน เวินจิ้งมาที่สำนักงานชั้นบนสุดโดยไม่มีข้อจำกัด
ประชันหน้ากับลี่หนานเฉิงที่กำลังเดินออกมา สีหน้าเขาไม่ค่อยดีเลย ทั้งร่างกายมีกลิ่นอายที่เย็นชา
เจอเวินจิ้ง เท้าของเขาหยุดลง
สายตาที่จ้องมองทำให้เวินจิ้งรู้สึกกลัว
“เกิดอะไรขึ้น” เธอรู้สึกว่าลี่หนานเฉิงเหมือนมีอะไรจะคุยกับเธอ
“ฉันไม่รู้ว่าฉืออี้เหิงกำลังคิดจะทำอะไร แต่เขาก็พยายามใส่ร้ายบริษัทการผลิตยาเทียนอีซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนนี้ฉันเป็นประธานบริษัทการผลิตยาเทียนอี ฉันจะไม่ทน”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจความหมายของลี่หนานเฉิง
เขาเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เวินจิ้งตะลึง หยุดอยู่หน้าห้องทำงานของท่านประธาน เกาเชียนเข้าไปรายงาน
มู่วี่สิงกำลังประชุม เวินจิ้งรออยู่ด้านนอก เปิดโทรศัพท์ เห็นข่าวรายงานว่าฉืออี้เหิงออกจากสถานีตำรวจแล้ว
เขายังเปิดเผยต่อหน้านักข่าว เมื่อครึ่งปีก่อนคุณแม่ฉือซินฉือซินเจ็บป่วยกะทันหันและเสียชีวิต ก็เพราะทานยาของบริษัทการผลิตยาเทียนอี ขณะนี้เรื่องนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน
ข่าวนี้เปิดเผยยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไม่น่าแปลกใจที่เธอไม่ได้ข่าวนี้ตอนเธอเลิกงาน
เธอดูรายงานของนักข่าวอย่างละเอียด ฉือซินเสียชีวิตได้ครึ่งปีแล้ว แต่ฉืออี้เหิงก็ยังหาสาเหตุการเสียชีวิตของฉือซินมาโดยตลอด ในที่สุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะถูกจับกุม และส่งหลักฐานล่าสุดให้ตำรวจ
มือของเธอสั่น ข้างหูได้ยินเสียงสิ่งที่ฉืออี้เหิงเคยพูดไว้ “คุณฆ่าแม่ฉัน…”
ที่ผ่านมา เขาไม่เคยยอมแพ้ในการสืบหา
แต่ว่าเรื่องนี้ ทำไมถึงเกี่ยวโยงไปถึงบริษัทการผลิตยาเทียนอี
ในเวลานั้นฉือซินเสียชีวิตเพราะกินยานอนหลับมากเกินไป เธอจำได้ว่าบริษัทการผลิตยาเทียนอีมียานอนหลับอยู่ แต่ว่า ปลอดภัยและเป็นถูกหลักอย่างแน่นอน
“คุณนายมู่ คุณเข้าไปได้แล้ว”
เวินจิ้งดึงสติกลับมา เดินเข้าไปห้องทำงานด้วยหน้าซีด มู่วี่สิงนั่งอยู่ตรงโซฟา บนโต๊ะด้านหน้าเป็นเอกสารหนาๆ
“คุณรู้เรื่องของฉืออี้เหิงแล้วใช่ไหม” เวินจิ้งพูดเสียงสั่นพึมพำ
มู่วี่สิงเกรงหน้า แต่ไม่มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
เขาพยักหน้าอย่างเฉยเมย
“เกิดอะไรขึ้น” ในสมองของเวินจิ้งสับสนมาก
“เขาไม่มีความสามารถในการพลิกคดีขนาดใหญ่ เรื่องนี้ โยงไปถึงอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง”
อำนาจเบื้องหลัง…..
ตระกูลฉินหายไปนานแล้ว นั่นเพราะ…….
นึกถึงฉีเซินวางหมากในการทำงานของบริษัทฉีซื่อกรุ๊ปตลอดมา มันคือฉีเซินจริงๆหรือ
“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ แต่บริษัทการผลิตยาเทียนอีเคยประสบความเสียหายต่อชื่อเสียงก่อนหน้านี้ บวกกับเรื่องยาทำให้เสียชีวิต เรื่องนี้สำหรับบริษัท เป็นผลกระทบที่ร้ายแรง” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว สีหน้าดูแย่
วิธีนี้ของฉืออี้เหิง คิดไม่ถึงจริงๆ
เวินจิ้งเข้าใจความหมายของมู่วี่สิงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ บริษัทการผลิตยาเทียนอีถูกสอบสวน ถ้าสาธารณชนหมดความมั่นใจใน บริษัท ยาของบริษัทนั้นจะไม่สามารถเปิดตลาดได้อีกต่อไป
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครั้งนี้ ที่มีคนตายอีก
ไม่น่าแปลกใจที่ลี่หนานเฉิงโกรธมากขนาดนี้
แต่เรื่องนี้ เธอไม่สามารถคาดเดาได้
เธอเคยสงสัยว่าทำไมฉือซินถึงได้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไร เธอทำได้แค่ยอมรับความจริงนี้เท่านั้น