Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 234
บทที่ 234 เป็นที่หนึ่งในใจของฉัน
สามวันต่อมา คดีติดสินบนของมหาวิทยาลัยหนานเฉิงได้ถูกเปิดอย่างเป็นทางการ
มู่วี่สิงมากับเวินจิ้งด้วย
คดีนี้ได้รับการสอบสวนอย่างชัดเจนก่อนหน้าแล้ว เวินจิ้งนั่งอยู่ในที่พยาน โดยไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมา
คดีนี้เพราะเธอเป็นคนเริ่ม แต่ก็เกี่ยวข้องกับการทุจริต และติดสินบนในมหาลัยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คนไม่น้อยที่ที่เป็นศัตรํกับเวินจิ้ง
เธอลดสายตาลง และฟังการตัดสินครั้งสุดท้ายอย่างเงียบๆ
สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือ คดีอาชญากรรมของฉินเฟยถูกตัดสินลงโทษเบาที่สุด จำคุกแค่เพียงหนึ่งปีเท่านั้น
แต่ฉืออี้เหิงถูกยืนยันว่าลอบทำร้ายเวินจิ้งโดยตรง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ และข้อหาหมิ่นประมาท เจ้าหน้าที่และครูที่เกี่ยวข้อง ทุกคน—ถูกตัดสินจำคุก
เมื่อได้ยินว่าฉืออี้เหิงถูกตัดสินจำคุกสามสิบปี
เวินจิ้งรู้สึกอย่างชัดเจนได้ถึงสายตาเย็นชานั้นมองมาที่เธอ
เธอหันหน้าอย่างเฉยเมย เกือบถึงเวลาออกจาก
สำหรับผลลัพธ์เธอเชื่อว่าคำตัดสินของศาล มีข้อคัดค้านไม่มากเกินไป
เมื่อพ้นจากตำแหน่งพยาน ร่างของฉีเซินก็มาขวางทางเธอไว้
“เป็นไม่แปลกใจเหรอ เหตุใดอาชญากรรมทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ฉืออี้เหิง?” ฉีเซินถาม
“ตำรวจได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว
“ตำรวจได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว เป็นเขาที่ตั้งใจให้เจ้าหน้าที่มหาลัยใส่ร้ายฉัน เขามีความผิดมันก็สวมควรแล้ว?”
“ฉืออี้เหิงทำร้ายเธอแรงจูงใจคืออะไร?”
“ฉีเซิน คุณต้องการบอกอะไรกับฉัน?” เวินจิ้งมองเธออย่างระมัดระวัง
“ไม่มีคนอยู่เบื้องหลังของฉืออี้เหิง เป็นเรื่องปกติที่เขาต้องรับผิดชอบ แต่ว่า แล้วฉินเฟยล่ะ?”
“ถ้าหากมีคนต้องการลดโทษให้ฉินเฟย คนนั้นควรเป็นเธอไม่ใช่เหรอ?” ท้ายที่สุด บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปรับช่วงต่อจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ตระกูลฉีกับตระกูลฉินก็สนิทกันมาก
ฉีเซินยิ้ม “เวินจิ้ง ในหนานเฉิงผู้ชายที่ปกคลุมท้องฟ้าด้วยมือเดียว เธอคิดดูว่าเป็นใคร”
มู่วี่สิง
มีชื่อนี้โผล่มาในหัวสมอง แววตาของเขาสับสน
เป็นไปไม่ได้
“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไร”
รู้ว่าเวินจิ้งได้นึกถึงใครแล้ว ฉีเซินไม่ได้พูดต่อ มือทั้งสองใส่เข้าไปในกระเป๋าเขา เขาพูดอย่างเงียบๆ “ฉันก็แค่เตือนเธอ ฉันก็ไม่มีหลักฐาน เธอไม่เชื่อฉันก็ช่วยไม่ได้”
เวินจิ้งเดินอยู่บนทางเดิน มองดูร่างของฉีเซินเดินออกไปไกล
ความเย็นรอบๆปกคลุมเข้ามา เวินจิ้งส่ายหน้า ไม่ เธอไม่สามารถฟังคำพูดของฉีเซิน
แต่ว่า ความสงสัยในใจนั้นเพิ่มขึ้นเหมือนเถาองุ่น สำหรับฉินเฟย หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่เธอ แต่ต่อมาฉืออี้เหิงก็ถูกจับกุม ตอนนั้น เธอด็ได้ยินคำตัดสินของผู้พิพากษา ซึ่งไม่สอดคล้องกับการสอบสวนของตำรวจ
“คุณหญิงมู่” เสียงลึกต่ำได้ดึงสติของเวินจิ้งกลับมา ใบหน้าซีดของเธอตราตรึงในสายตาของมู่วี่สิง
“เหนื่อยไหม?” เขากอดเธอ
เวินจิ้งไม่ได้ตอบอะไร ทันใดนั้นก็ผลักมู่วี่สิงออกอย่างรุนแรง
ความเยือกเย็นในดวงตาของผู้ชายแผ่ออกมา
เวินจิ้งถึงจะตอบสนองกลับมา เหมือนว่าตนเองจะทำเกินไป
“ใช่” เธอพยักหน้า ปิดบังอารมณ์ของตัวเอง
มู่วี่สิงไม่ได้ถามมาก โอบเธอเดินจากไป
แต่คำพูดของฉีเซินยังคงก้องในหัวสมองอยู่นาน
การ์เด้นมู่เจียวาน
เวินจิ้งดูข่าวในอินเตอร์เน็ต วันนี้มีเพียงการตัดสินของบุคลากรเพียงบางคนที่ถูกจัดขึ้นในศาล ทั้งคดีเกี่ยวข้องกันอย่างกว้างขวาง และยังคงอยู่ในระหว่างการสอบสวน
เพราะด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยหนานเฉิงร่วงลงมา
หนานต้าเป็นมหาลัยเก่าของเธอ แม้ว่าเวินจิ้งจะผิดหวังแต่ก็กังวล
ได้รับสายจากอาจารย์ใหญ่เรียกให้เธอไปรับใบปริญญา เวิรจิ้งก็รีบไปในวันถัดไป
หากไม่ใช่อาจารย์ใหญ่ที่ช่วยเธอ เกรงว่าเธอคงไม่ได้รับการตอบกลับอย่างราบรื่น
แต่เบื้องหลังนี้ เธอรู้ได้ตามสัญชาตญาณว่าเพราะมู่วี่สิงด้วย
“เวินจิ้ง นั่งลงสิ ไม่ต้องเกรง” ในห้องสำนักงานอาจารย์ อาจารย์ใหญ่ใจดีและเป็นกันเอง
“ระยะนี้เรื่องของมหาวิทยาลัยหนานเฉิงวุ่นวายเต็มเมือง อาจารย์ใหญ่อย่างฉันอีกไม่นานก็จะต้องลาออกจากตำแหน่งแล้ว”
อาจารย์ใหญ่ก็อายุใกล้หกสิบแล้ว ตอนที่เวินจิ้งกำลังเรียนอยู่เขาก็ดำรงในตำแหน่งแล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนานต้ารุ่งเรืองที่สุด
แต่ว่าเมื่อมองดูตอนนี้แล้ว บางทีอาจเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นฟูความรุ่งเรืองเหมือนก่อนหน้านี้ได้ในระยะสั้น
“อาจารย์ใหญ่ ตอนนี้ทุกอย่างได้ตรวจสอบชัดเจนแล้ว ดีต่อมหาลัยและดีต่อนักเรียนด้วย” เวินจิ้งพูดปลอบ
“ฉันก็คิดเช่นนี้ แต่ว่าเรื่องนี้มีส่วนร่วมมาก ฉันคิดว่าตรวจสอบถึงตอนนี้ ก็พอประมาณแล้ว”
เดิมทีเวินจอ้งก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้สิ่งต่างๆได้ออกมาจากความตั้งใจเดิมแต่แรกของเธอ
“สำหรับเด็กเช่นเธอ ฉันได้พิจารณาแล้ว ให้เธอได้เป็นบัณฑิตวิทยาลัยโดยไม่ต้องสอบเข้า เธอคิดว่าอย่างไร?”
เวินจิ้งรู้สึกประหลาดใจ ปีที่ผ่านมาเธอก็พิจารณาโดยการไม่สอบเข้า แต่การตอบกลับมาว่าไม่ผ่าน โควตานี้คงไม่ตกมาถึงเธอ
ตอนนี้ โอกาสนี้ก็กลับมาอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ หนานต้ากลับไม่ได้อยู่ในวิทยาลัยที่เธอต้องการสอบ
“อาจารย์ใหญ่ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พิจารณาสอบเข้าหนานต้า” เวินจิ้งสารภาพ
แต่สิ่งที่เธอตั้งใจคือ เป็นมหาลัยอีกแห่งหนึ่งที่ดีกว่าในหนานเฉิง
อาจารย์ใหญ่จับคาง สีหน้าบนใบหน้าปรากฏความผิดหวัง
“เมื่อเธอได้พิจารณาดีแล้ว ฉันก็จะไม่โน้มน้าวอีก เหตุการณ์ในครั้งนี้ฉันมีความกดดันต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เวินจิ้ง ฉันก็อยากเตือนเธอ ต่อไปต้องระวังให้มากขึ้น นี่เป็นใบปริญญาของเธอ”
เมื่อมองเวินจิ้งเดินจากไป อาจารย์ใหญ่ขมวดคิ้ว กดโทรเบอร์ของมู่วี่สิง
“มหาลัยที่เวินจิ้งต้องการสอบ ต้องไม่ใช่มหาวทิยาลัยหลินไห่”
เมื่อได้ใบปริญญามาแล้ว เวินจิ้งก็ออกไปจากมหาลัย แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของอาจารย์ใหญ่
เธอนึกถึงคำพูดของอาจารย์ใหญ่ เรื่องราวไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างชัดเจนทั้งหมด
ดังนั้น จะเกิดอะไรขึ้นอีก
เมื่อกลับมาถึงการ์เด้นมู่เจียวาน ไม่คิดว่ามู่วี่สิงจะกลับมาแล้ว และทำอาหารในห้องครัว
ระยะเนี้เป็นแม่บ้านที่ทำอาหาร เธอไม่ได้ทานอาหารที่มู่วี่สิงทำนานแล้ว
เมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว เธอกอดเขาจากด้านหลัง บอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้เขา “ฉันไปพบอาจารย์ใหญ่ แต่คำพูดของเขาฉันไม่ค่อยเข้าใจ”
“หืม? พูดอะไร?” มู่วี่สิงจับหน้าเธอหันมา จูบริมฝีปากสีเชอรรี่
เวินจิ้งไม่สามารถหลบได้ สักพักทั้งสองก็แยกจากกัน
เวินจิ้งพูดอย่างเคร่งขรึม “อาจารย์ใหญ่บอกฉันว่าต่อไปต้องระวังตัว หรือว่า จะมีคนทำร้ายฉันอีก?”
เมื่อได้ยิน ความเย็นชาก็ออกมาจากสายตาของมู่วี่สิง
เขาพูดด้วยเสียงลึก “คนที่ทำร้ายเธอ ฉันจะไม่ปล่อยไว้”
“จริงเหรอ?” เวินจิ้งมองดวงตาสีดำออบซิเดียนของเขา
น้ำเสียงของเธอค่อยข้างไม่แน่ใจ
“ใช่ ความปลอดภัยของคุณหญิงมู่ เป็นที่หนึ่งในใจของฉัน”
เขาพูดอย่างนี้ เวินจิ้งไม่สามทรถสงบลงได้
เธอไม่เคยมองมู่วี่สิงออก
“ต้องการสอบเข้ามหาลัยไหนไหม?” มู่วี่สิงถาม
“มหาวิทยาลัยหลินไห่ คุณคิดว่ายังไง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของมู่วี่สิงเปลี่ยนไป แต่ก็ถูกมู่วี่สิงปิดบังความรู้สึกไว้อย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่เข้าไปยุ่งการตัดสินใจของเธอ แต่ ฉันไม่แนะนำให้เธอสมัครสอบ ฉันต้องการให้เธอสมัครสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยเป่ยเฉิง”
มหาวิทยาลัยเป่ยเฉิงและมหาวิทยาลัยหลินไห่ล้วนเป็นสถาบันการวิจัยที่มีชื่อเสียงมาก ไม่ใช่ว่าเวินจิ้งจะไม่เคยพิจารณา
แต่ถ้าเธอได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเป่ยเฉิง เธอก็ต้องไปเป่ยเฉิง เธอไม่อยากออกไปจากหนานเฉิง
“เพราะอะไร?” เวินจิ้งถาม
“ความแข็งแกร่งของมหาลัยนั้นแข็งแกร่งกว่า แต่ สุดท้ายเธอก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง”
เมื่อมู่วี่สิงพูดเช่นนี้ เวินจิ้งก็ลังเล
แต่สำหรับมหาวิทยาลัยหลินไห่ การยึดถือของเธอค่อนข้างแน่วแน่
สุดท้าย ก็ได้สมัครสอบเข้ามหาลัยนี้
ความไม่พอใจในสายตาของมู่วี่สิงมองไปที่เวินจิ้ง ช่วงนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย