Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 251
บทที่ 251 ภายในหนึ่งเดือน ฉันต้องจีบเธอติด
อยู่ในช่วงรอผลการสอบระดับบัณฑิตศึกษา เวินจิ้งทำงานอยู่ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปชั่วคราว
งานก็คือ…เลขาของมู่วี่สิง
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้จัดตั้งห้องสำนักงานเลขา เดิมทีมู่วี่สิงมีแค่เกาเชียนที่เป็นผู้ช่วย
แต่เมื่อเวินจิ้งได้ติดต่อถึงรู้ว่า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ซับซ้อน ปกติประสิทธิภาพในการทำงานของเกาเชียนต้องสูงแค่ไหนถึงจะสามารถทำทุกอย่างให้เสร็จ?
วันแรกที่มาทำงานเธอยุ่งมาก ไม่มีเวลาทานอาหารเที่ยง ยุ่งตลอดทั้งวันจนถึงกลางคืน
กี่วันมานี้มู่วี่สิงประชุมทางวีดีโอคอล เวินจิ้งนอกจากชงกาแฟก็ไม่ได้เข้าไปอีก
ช่วงเย็น ซูยินมาประชุมที่เทียนอี และรวดมาดูเวินจิ้งทำงาน
เวินจิ้งนำงานลงไปห้องพักผ่อนชั้นล่าง และไม่ว่าง
ซูยินมองร่างของเธอที่กำลังยุ่ง ขมวดคิ้ว “มู่วี่สิงยอมให้เธอเป็นทาสได้อย่างไร?”
เวินจิ้งหัวเราะ “งานเยอะมากจริงๆ แต่ฉันกลับรู้สึกว่าค่อนข้างสมบูรณ์”
ซูยินกรอกตาขาว “กลของความรัก…”
“ก่อนหน้านี้เธอกับมู่วี่สิงทำสงครามเย็นกันไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ดีกันแล้วเหรอ?”
เวินจิ้งลดสายตาลง เฮ้อ…เธอก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี
เธอซื่อสัตย์กับความติดของตัวเอง แต่กลับรู้สึกสบายใจกับมู่วี่สิงมากขึ้น
ไม่ได้มีความสงสัยและข้อสงสัยมากมาย
“ไม่ต้องพูดแล้ว เธอกับคุณลี่ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ซูอินจับคางของเธอ ใบหน้าแสดงความหดหู่ “จะยังไงได้ คุณปู่ออกคำสั่ง เดือนหน้าฉันต้องแต่งงานกับหลิงอี้”
เวินจิ้งไม่ค่อยมีความคุ้นเคยเท่าไหร่
แม้ว่าเขาจะหน้าตาหล่อเหลาและสะดุดตา แต่กับมู่วี่สิงก็รู้จักกันมานาน เธอไม่รู้สึกว่าจะมีผู้ชายคนไหนดูดีไปกว่ามู่วี่สิง
“ตอนนี้อยู่ที่หนานเฉิงก็จัดคนมาดูแลฉัน คนของตระกูลลี่ไม่มีวิธีที่จะสามารถจับฉันกลับไปได้ แต่เดือนหน้า คุณปู่ลี่มาด้วยตัวเอง ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
ตอนนี้เธอทำได้เพียงดูหนึ่งก้าวเดินหนึ่งก้าว
“ฉันคิดว่าหลิงอี้คงจะไม่เห็นด้วย แต่ว่า เขาไม่ได้คัดค้านการแต่งงาน”
“ตอนนั้นเขาก็ยื่นข้อเสนอกับฉัน ให้ร่วมมือกับเขา” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
คิดไว้ว่าตอนนั้น หลิงอี้ก็ยอมรับงานแต่ง
“ตอนนี้เขาก็อยู่หนานเฉิง เขาคิดว่าเธอเป็นฉัน ดังนั้นเวินจิ้ง…เขาอาจจะมาหาเธอ” ซูยินหลบสายตาเล็กน้อย “หวังว่ามู่วี่สิงจะไม่โกรธ…”
เวินจิ้งนึกถึงคำพูดของมู่วี่สิง ให้เธอไม่ต้องยุ่งเรื่องของซูยิน
“เขาจะโกรธ” เวินจิ้งขมวดคิ้วสวย และพูดอย่างมั่นใจ
“ดี ฉันเริ่มไปติดต่อหลิงอี้ก่อน เธอเพิ่งจะคืนดีกับมู่วี่สิง ไม่ควรจะทำสงครามเย็นกันอีก” ซูยินพูด
แต่ว่า เธอก็ไม่มีแหล่งติดต่อหลิงอี้ได้ และไม่มีทางไปถามตระกูลลี่
“เวินจิ้ง ถ้าหลิงอี้มาหาเธอจริงๆ เธอต้องบอกตรงๆ ฉันไม่ควรทำให้เธอลำบากใจอีก”
ซูยินพูดซ้ำอีกครั้ง
เดี๋ยวต้องไปประชุม ไม่นานเธอก็ไปที่ห้องประชุม
ตอนนี้รับผิดชอบงานด้านประชาสัมพันธ์ของเทียนอี ซูยินไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก
เวนจิ้งได้รับกำหนดการเดินทางของมู่วี่สิง การประชุมของเขาจะดำเนินจนถึงค่ำ จึงรวดเตรียมของกินไปให้เขา
แต่เพิ่งเดินออกจากร้านอาหาร มีไพลินปอร์เช่มาจอดเฉียงอยู่ข้างกายเธอ
หลิงอี้สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ ด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
เมื่อเห็นเวินจิ้ง เขายกเท้าเดินไปหาเธอ
เวินจิ้งถอยโดยไม่รู้ตัว
การป้องกันตัวของเธออยู่ในสายตาของเขา
“คู่หมั้นของฉัน ทำไม ไม่อยากเจอฉันเหรอ?” น้ำเสียงของหลิงอี้น่าตกใจ
“คุณผู้นี้ ฉันไม่รู้จัก” เวินจิ้งหันตัวเดินจากไป
แต่หลิงอี้หยุดเธอไว้อย่างง่ายดาย “ซูยิน ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับฉัน แต่ว่า ถ้าเธอร่วมมือกับฉันดีๆ ฉันอาจจะสบายใจขึ้น ก็ยื่นข้อเสนอยกเลิกงานแต่งกับทางบ้าน”
เวินจิ้งมองเขาอย่างเย็นชา และไม่เชื่อ
“คำพูดของหลิงอี้อย่างฉันเชื่อถือได้ อีกอย่าง ฉันไม่ชอบการบังคับผู้หญิงมากที่สุด” สองมือของหลิงอี้ใส่ในกระเป๋า น้ำเสียงเย็นชาและหยิ่ง
“ตอนนี้คุณก็กำลังบังคับฉันไม่ฝช่เหรอ?” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา
หลิงอี้ยกริมฝีปาก ท่าทางโกรธของผู้หญิงคนนี้ ค่อนข้างน่าสนใจ
“คบกับฉันเถอะ” เขาโน้มตัวลง น้ำเสียงทำให้ร้อน
เวินจิ้ง: …
“คุณหลิง ทำยังไงคุณถึงจะเชื่อ ว่าฉันไม่ใช่ซูยิน” เวินจิ้งรู้สึกรำคาญมาก
ทันใดนั้นเขาก็จับข้อมือเธอ ดึงเธอเข้ามาใกล้ ฉันอาจจะเชื่อ”
เวินจิ้งโกรธ ยกมือขึ้นผลักเขาออก
แต่ไม่ไกล มีปาปารัสซี่ได้ถ่ายชอตนี้ไว้ได้
หลิงอี้ปล่อยมือออก
“ซูยิน ฉันจะรอคำตอบจากเธอ”
เวินจิ้งมองเขาหันไปขึ้นรถ ลมหายใจในจมูกยังได้กลิ่นอายของคนแปลกหน้า
เธอใบหน้าตึง “คุณมีโรคหลงผิดรึเปล่า ฉันไม่ใช่ซูยิน”
กระจกรถเลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าที่เย่อหยิ่งและหล่อเหลาของเขา “ไม่ว่าเธอจะใช่ซูยินไหม ภายในหนึ่งเดือน ฉันต้องจีบเธอติด”
รถวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เวินจิ้งโกรธ เพิ่งพบว่าในมือมีนามบัตรอยู่หนึ่งแผ่น
เป็นข้อมูลการติดต่อของหลิงอี้
ประธานบริษัทหลิงซื่อ
เธอโยนทิ้งลงถังขยะอย่างไม่คิด
กลับมาถึงบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป มู่วี่สิงประชุมเสร็จ
เมื่อเห็นเวินจิ้ง ความเย็นชาในสายตาของเขาก็ลดลง
“ประชุมเสร็จแล้วเหรอ?” เวินจิ้งแปลกใจ
“อืม กลับบ้าน” มู่วี่สิงเดินมาโอบเธอ
“แต่ว่า งานของฉันยังไม่เสร็จ” เวินจิ้งดันเขา
เธอมาทำงานวันแรก หลายสิ่งหลายอย่างติดต่อครั้งแรก จัดการได้ช้า
“ไม่มีงานอะไรที่จำเป็นต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้” มู่วี่สิงใบหน้าตึง
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ เธอเป็นเลขาของฉัน ไม่ฟังคำพูดของเจ้านาย?” น้ำเสียงของมู่วี่สิงโหดมาก
เวินจิ้งใบหน้าเล็กขมวดคิ้ว เธอรู้ว่ามู่วี่สิงมีน้ำใจกับเธอ
อย่างน้อยตอนนี้ เกาเชียนยังคงทำงานล่วงเวลา
อีกอย่างเธอยังรู้ว่า เกาเชียนทำงานตลอด24ชั่วโมงมาโดยตลอด เป็นแบบอย่างจริงๆ
“ฉันไม่ฟังก็ไม่ได้ คุณบอกให้กลับก็ต้องกลับ” เวินจิ้งไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขา
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ที่หลิงอี้พูด สีหน้าไม่ดีเลย
กลางคืน ซูยินโทรหาเวินจิ้งตลอด
เมื่อเธออาบน้ำออก ก็หลังครึ่งชั่วโมงแล้ว
“เวินจิ้ง เธอรับสายสักที!” น้ำเสียงของซูยินตื่นตระหนกมาก
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ดูข่าวที่ฉันส่งให้เธอ เธอมีข่าวกับหลิงอี้บนเวยป๋อแล้ว วันนี้เธอเจอเขาเหรอ?”
เวินจิ้งเปลี่ยนเป็นใส่หูฟัง และเปิดข่าว สิ่งที่ผ่านตามาคือภาพที่หลิงอี้กอดเธอแถวบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
ไม่พูดไม่ได้ ภาพที่ถ่ายได้จากมุมนี้ดูแล้วช่างอบอุ่นเหลือเกิน
หากไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องกับเธอ ก็คงจะคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนั้นสนิทกันมาก
แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นเธอผลักหลิงอี้ออก
แต่ว่า รูปภาพไม่ได้ถ่ายโดนใบหน้าเต็มของเธอ รายงานเพียงแค่ว่าคู่หมั้นของคุณชายของบริษัทหลิงซื่อถูกเปิดเผย แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร
เธอไม่ถูกเปิดเผย…อย่างนั้นก็ดี
แต่การแต่งตัวในวันนี้ของเธอ มู่วี่สิงรู้ดี
แต่ขอให้เขาไม่เห็น
เวินจิ้งนำเรื่องนี้มาบอกให้ซูยิน อีกอย่างเธอได้บอกตัวตนของตัวเองแล้ว แต่หลิงอี้…เธอมองไม่ออกว่าเขาเชื่อหรือเปล่า
แต่เห็นได้ชัดว่าข่าวนี้ปาปารัสซี่จงใจถ่าย หรือว่าหลิงอี้เป็นคนจัดมา?
ใบหน้าของเวินจิ้งนิ่งลงมา
“ฉันจะไปหาหลิงอี้พูดให้รู้เรื่อง!”