Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 261
บทที่ 261 ที่แต่งงานกันคือจริงจัง
“แต่ว่า อย่างนั้นความสัมพันธ์ของเราก็จะถูกเปิดเผยแล้วอ่ะสิ”
เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น ถึงแม้ว่าคนรอบข้างจะรู้ความสัมพันธ์ของเธอและมู่วี่สิงกันหมดแล้ว แต่ถ้าจัดงานแต่งขึ้นมาจริงๆ เรื่องมันก็จะยิ่งแพร่ออกไปแน่นอน
เธอรู้ว่าแฟนคลับของมู่วี่สิงน่ากลัวขนาดไหน
“ผมไม่แคร์หรอก ก็ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่า คุณคือคุณหญิงมู่ ห้ามใครมามีความคิดอย่างอื่นกับคุณ” มู่วี่สิงพูดด้วยความครอบงำ
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะขำออกมา “อืม คำพูดนี้ฉันควรจะเป็นคนพูดมากกว่านะ”
มู่วี่สิงหน้าตาดี หล่อเหลาขนาดนี้ ผู้หญิงที่อยากได้เขามีเยอะแยะจะตาย
…
วันเวลาของงานแต่งงานถูกกำหนดได้แล้วอย่างรวดเร็ว
อยู่อีกสองเดือนต่อมา เป็นช่วงเวลาที่เธอสอบปริญญาโทรอบสองเสร็จไม่นาน
แต่ถ้าจะจัดงานแต่งแล้ว ก็ไม่ใช่มีแค่บ้านตระกูลหลินที่ต้องเตรียมเพียงบ้านเดียว บ้านตระกูลมู่ก็ต้องทำเหมือนกัน
เวินจิ้งไม่รู้ว่ามู่วี่สิงคิดอย่างไร นอกจากคุณปู่คนเดียวแล้วเธอไม่เคยเจอคนอื่นๆ ในบ้านตระกูลมู่เลยสักคน มู่วี่สิงคิดจะเชิญพวกเขามาไหมนะ
“คิดอะไรอยู่” เห็นเวินจิ้งดูรูปชุดแต่งงานนิ่งๆ มู่วี่สิงเดินมากอดเธอ
เวินจิ้งหันหน้าไป รอยยิ้มที่ใบหน้าหยุดชะงัก
“ในงานแต่งงาน นอกจากคุณปู่แล้ว บ้านตระกูลมู่ยังมีใครจะมาเข้าร่วมอีกไหม”
“คุณปู่ และน้องสาวของผม มู่ซือซือ”
“น้องสาว? ฉันไม่เคยรู้เลยว่าคุณยังมีน้องสาวด้วย” เวินจิ้งทำหน้าอึ้งอย่างจงใจ
“เธอร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง” ความหนาวเย็นลอยผ่านตาของมู่วี่สิง
เวินจิ้งตะลึง ไม่คิดว่าจะสัมผัสโดนเรื่องเศร้าของมู่วี่สิง
เธอยิ้มและพูดว่า “น้องสาวของคุณต้องสวยแน่ๆ เลย เพราะพี่ชายหล่อขนาดนี้”
“ก็เพราะว่าเธอ…สวยเกินไปแล้ว ชีวิตเลยไม่ราบรื่น” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเยือกเย็นกว่าเดิมแล้ว
เวินจิ้งไม่ถามต่ออีกอย่างรู้ทัน เปลี่ยนเรื่องพูด “ชุดแต่งงานนี้ฉันคิดว่าไม่มีปัญหา ฉันชอบมาก”
มู่วี่สิงมองลงไปข้างล่าง นี่คือเขาเป็นคนออกแบบเอง ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขาจดทะเบียนกับเวินจิ้ง เขาก็เริ่มเตรียมการแล้ว
“ชุดแต่งงานจะทำการขนส่งทางอากาศจากยุโรปในสัปดาห์หน้า แล้วก็ชุดราตรีอื่นๆ คุณก็เลือกทีเดียวได้เลย”
รอยยิ้มที่ใบหน้าของเวินจิ้งยิ่งลึกเข้าไปอีก “มู่วี่สิง คุณนี่มีการวางแผนตั้งแต่แรกจริงๆ เลยนะ ฉันกลับไม่เคยรู้อะไรบ้างเลย”
“แต่งงานกับคุณ ผมจริงจังเสมอ” มู่วี่สิงเชยหน้าเล็กของเธอขึ้นมา คำพูดอย่างเร่าร้อน
เวินจิ้งตั้งสติไว้ดีๆ ที่แต่งงานกันคือจริงจัง
แล้วความรักล่ะ?
…
ตอนบ่าย เวินจิ้งไปที่บ้านฉี หลินเวยสนใจเรื่องของงานแต่งมาก บ่นให้เวินจิ้งมาคุยต่อรองเรื่องนี้ตลอด
คุณตาอายุเยอะแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการเอง เลยให้หลินเวยเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด
“เสี่ยวจิ้ง ฉันคิดว่าจะจัดงานแต่งที่ปราสาทโบราณตระกูลหลิน ส่วนพื้นหลังที่ตกแต่งเธอชอบแนวไหนหรอ”
นักวางแผนที่อยู่ข้างๆ หลินเวยเอาแท็บเล็ตมาให้ บนหน้าจอคือรูปทัศนียภาพหลายรูป
เกี่ยวกับงานแต่งแล้ว เวินจิ้งไม่เคยคิดภาพว่ามันจะเป็นยังไงเลย
เมื่อก่อนที่คบกับฉืออี้เหิงไม่เคยคิดมาไกลขนาดนี้
ส่วนหลังจากที่แต่งงานกับมู่วี่สิงแล้ว ก็ยิ่งไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย
เห็นว่าเวินจิ้งเหมือนจะสับสนมาก หลินเวยยิ้ม “เธอคิดว่าคอนเซ็ปต์ ‘เจ้าหญิง’ เป็นไงบ้าง ตกแต่งเป็นทะเลสีขาวบริสุทธิ์ ฉันว่าฉันชอบมากนะ”
“อย่างนั้นก็ตามความเห็นของคุณนายฉีเลยค่ะ”
“เสี่ยวจิ้ง เรียกฉันว่า ‘แม่’ ได้ไหม” หลินเวยมองเวินจิ้งอย่างคาดหวัง
เรียกแต่คำว่าคุณนายฉีตลอด รู้สึกว่ามันไม่สนิทกันเลย
เวินจิ้งมองลงไปข้างล่าง เนิ่นนานกว่าจะเรียกเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง “แม่”
หลินเวยยิ้มออกมา กอดเวินจิ้งไว้แน่นๆ “แม่เป็นคนผิดเอง เสี่ยวจิ้ง แม่ขอโอกาสได้ชดเชยเธอจะได้ไหม”
เวินจิ้งสีหน้าเรียบเฉย เธอไม่ได้รู้สึกว่าการใช้ชีวิตในเมื่อก่อนมันลำบากขนาดไหน แต่พออยู่ในบ้านตระกูลหลิน เธอกลับรู้สึกอึดอัดทุกที่เลย
แต่ถ้านี่ก็คือชีวิตของเธอ เธอก็พร้อมที่จะไปยอมรับ
เธอยิ้มอ่อนๆ “แม่ ชีวิตในเมื่อก่อนของฉันมีความสุขมาก ท่านไม่ต้องขอโทษหรอกนะ”
สีหน้าของหลินเวยมืดลง “เธอควรจะเป็นเจ้าหญิงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
เวินจิ้งมองลงไปข้างล่าง เธอหวังว่าเธอเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งมากกว่า
“เฮ้ย นี่พี่สาวของผมไม่ใช่หรอ” ตอนฉีเซินเข้ามาเวินจิ้งกำลังคิดว่าจะไปแล้ว
พอเห็นฉีเซินสีหน้าของเธอมืดลงมาทันที นึกถึงคราวก่อนเขาจงใจพาเธอไปขังไว้ในคลับ เธอพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ฉีเซิน นายจงใจทำให้ฉันกับหลิงอี้ถูกขังไว้ในคลับใช่ไหม”
“โกรธแล้วหรอ” ฉีเซินยักคิ้ว สีหน้านิ่งเฉย
“ใช่ นายทำแบบนี้ทำไม หรือว่านายหลอกใช้ฉันตั้งแต่แรกแล้ว”
ฉีเซินหัวเราะ “หลอกใช้? เวินจิ้ง เราคุยกันไว้ตั้งแต่แล้วนะว่าใช้ประโยชน์ร่วมกัน อีกอย่าง คืนนั้นหลิงอี้ก็ไม่ได้เซ็นสัญญากับผมด้วย ดังนั้นข้อตกลงของเราก็ไม่สามารถไปต่อได้แล้วเหมือนกัน”
“นายมันขี้โกง…ฉีเซิน ฉันตาบอดไปแล้วจริงๆ ถึงได้เชื่อคำพูดของนาย”
“ที่ผมพาคุณไปก็แค่หวังว่าหลิงอี้จะเห็นหน้าคุณบ้างร่วมงานกับผม แต่ตอนนี้เขาปฏิเสธแล้ว ผมว่าคุณก็ไร้ประโยชน์เหมือนกันนะเนี่ย” ฉีเซินพูดอย่างเลือดเย็น
เห็นเวินจิ้งโกรธกว่าเดิม น้ำเสียงของฉีเซินก็อ่อนลงมานิดหน่อย “พี่สาว ความสัมพันธ์ของคุณกับแม่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วไม่ใช่หรอ บางครั้งมีหลายเรื่อง ไม่รู้จะดีกว่านะ”
“ฉีเซิน นายไม่คิดจะบอกฉันเรื่องพวกนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เวินจิ้งทำหน้าเคร่งเครียด
“ผมส่งคุณกลับไปเหอะ คุณผู้หญิงคนเดียวไม่ปลอดภัย” ฉีเซินออกไปกับเธอด้วยกัน ไม่มีการตอบกลับ
เวินจิ้งไม่ได้สนใจเขา “อยู่ข้างๆ คุณนี่แหละอันตรายที่สุด”
ฉีเซินหรี่ตาลง ไม่ได้บังคับ
เขาไม่คิดจะบอกเรื่องพวกนั้นให้เวินจิ้งรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สำหรับเธอมันโหดร้ายเกินไปแล้ว
…
ทำงานที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปได้ครึ่งเดือนแล้ว เวินจิ้งค่อยๆ ปรับได้แล้ว จัดการเรื่องงานขึ้นมาก็ราบรื่นมาก
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเลขานุการ แต่ส่วนมากแล้วก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับแผนกอื่นๆ รับผิดชอบแค่จัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของมู่วี่สิงอย่างเดียว
เกาเชียนยุ่งกว่าเธอตั้งหลายเท่า ทำให้เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามู่วี่สิงแอบลดงานให้เธอน้อยลงไม่น้อยเลย
สัปดาห์หน้าก็คือการสอบรอบที่สองของมหาวิทยาลัยหลินไห่ ปกติเวินจิ้งเลิกงานแล้วก็จะกลับไปอ่านหนังสือ
บางครั้งที่เจอปัญหาอยากจะถามมู่วี่สิง แต่ช่วงนี้เขามีงานเลี้ยงอาหารค่ำเกือบทุกคืน พอกลับมาถึงเวลาก็ดึกมากแล้ว
ความง่วงนอนมาเยือน เวินจิ้งฟุบลงบนโต๊ะ คิดว่าจะหลับครู่หนึ่งค่อยตื่นมาทบทวน แต่จนถึงมู่วี่สิงกลับมาตอนกลางคืนเธอก็ยังไม่ตื่น
มู่วี่สิงเดินเข้าไปห้องอ่านหนังสือ ภาพที่ส่งเข้ามาในตาคือหน้าตาของเวินจิ้งที่นอนหลับอย่างสงบ
รอบๆ มือของเธอวางเต็มไปด้วยเอกสารทบทวน เขาอุ้มเธอขึ้นมา
เวินจิ้งลืมตาขึ้นอย่างงงงัน พอเห็นมู่วี่สิง ในน้ำเสียงมีการตำหนิเล็กน้อย “ทำไมดึกขนาดนี้อ่ะ”
แล้วอีกอย่าง เธอยังได้กลิ่นเหล้าที่ตัวของมู่วี่สิง
ในขณะนั้นก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจแล้ว
ผู้ชายขมวดคิ้วมุ่น อุ้มเวินจิ้งกลับไปที่ห้องนอน พูดด้วยเสียงต่ำว่า “งานเลี้ยงอาหารคืนนี้ได้ดื่มเหล้านิดหน่อย”
“อืม ฉันรู้” เวินจิ้งกอดคอเขาไว้
เธอเข้าใจว่าบางครั้งมู่วี่สิงต้องมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้โกรธ
“ช่วงนี้คุณก็ทบทวนอยู่ในบ้าน รองานแต่งจบแล้วคุณค่อยมาบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป หืม?” มู่วี่สิงบอก
เวินจิ้งก็ได้ตอบกลับ
ช่วงนี้เธอเตรียมสอบรอบที่สอง หลังสอบเสร็จไม่นานก็คืองานแต่งแล้ว เหมือนว่าจะไม่ค่อยมีเวลาอะไรแล้วด้วย
“ทำไมคุณไม่จัดห้องเลขานุการห้องหนึ่งล่ะ ปกติคุณมีงานตั้งเยอะตั้งแยะ เกาเชียนเหนื่อยมากเลยนะ”
คำพูดเพิ่งจบลง ปลายคางกลับถูกมู่วี่สิงเชยไว้ทันที “เป็นห่วงผู้ชายคนอื่นหรอ”