Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 263
บทที่ 263 อยู่ๆ ก็คิดถึงคุณ
รอบๆ มีนักศึกษาหลายคนเริ่มมุงเข้ามา ถ้าทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้นไม่มีผลดีต่อใครเลยทั้งนั้น
“ทุด มู่วี่สิง อย่าให้ฉันได้เห็นแกอีกล่ะ ฉันเคยบอกแล้ว เห็นแกหนึ่งครั้งก็ตีแกหนึ่งครั้ง!” เย่เฉียวพูดด้วยความร้ายกาจ
มู่วี่สิงสีหน้ายังคงเหมือนเดิม ตอนอยู่ต่อหน้าเวินจิ้งอ่อนโยนเหมือนปกติ
แต่ในดวงตาลึกๆ แล้ว กลับเป็นความเยือกเย็นที่ไม่สิ้นสุด
รถยนต์ค่อยๆ วิ่งออก เวินจิ้งยังวิตกกับการกระทำของเย่เฉียวเมื่อกี้อยู่
เหลือบไปมองเห็นหลังมือของมู่วี่สิงกำลังเลือดไหลอยู่ เธอจับมือเขาไว้อย่างกังวลมาก
“มู่วี่สิง คุณไม่ต้องขับรถแล้ว”
“ไม่เป็นไรนะ” มู่วี่สิงสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมานิดหนึ่ง
“ฉันทำแผลให้คุณหน่อย เดี๋ยวให้ฉันขับรถนะ” เวินจิ้งเอ่ยพูด
แล้วเธอยังสังเกตได้ว่าอารมณ์ของมู่วี่สิงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
กลับมาถึงการ์เด้นมูเจียวาน มู่วี่สิงได้รับบาดเจ็บ เวินจิ้งให้เขานั่งรอดีๆ วันนี้เธอจะทำข้าวเย็นเอง
คนรับใช้ซื้อวัตถุดิบกลับมาแล้ว เวินจิ้งต้มซุปหนึ่งหม้อ เห็นมู่วี่สิงไม่ได้อยู่ในห้องรับแขก ต้องทำงานอยู่ในห้องอ่านหนังสืออีกแล้วแน่นอน
สักพักเกาเชียนก็ได้มารายงานเรื่องของบริษัทให้มู่วี่สิงรู้
เวินจิ้งยกซุปให้เขาถ้วยหนึ่ง
เกาเชียนรีบโบกมือ เขากล้าที่ไหน…
เวินจิ้งดูออกว่าทำไมเขาปฏิเสธ ยิ้มพูดว่า “ฉันกับมู่วี่สิงก็ดื่มไม่หมด คุณก็ช่วยหน่อยเถอะนะ”
ถึงจะพูดแบบนี้ เกาเชียนก็ยังไม่กล้าอยู่ดี…
เวินจิ้งขมวดคิ้ว คิดว่าน่าจะเพราะเกรงกลัวมู่วี่สิง
“คุณไม่ดื่ม แสดงว่าไม่ให้หน้าฉันคนนี้ที่เป็นคุณหญิงมู่ใช่ไหม” เวินจิ้งจงใจทำท่าทางโกรธ
เกาเชียนขนหัวลุก bossอยู่ในห้องอ่านหนังสือ ซุปถ้วยนี้ถ้าเขาไม่ดื่มเขาก็น่าจะเข้าไปไม่ได้แล้ว…
เห็นเกาเชียนในที่สุดก็ยอมแล้ว เวินจิ้งยิ้มอย่างพึงพอใจ ไปยุ่งในห้องครัวต่อแล้ว
สองคนคุยเรื่องงานเสร็จ ไม่นานเกาเชียนก็จากไปแล้ว
เมื่อมู่วี่สิงออกมาก็เห็นถ้วยซุปที่ว่างเปล่าอยู่บนโต๊ะอาหาร
“คุณหญิงมู่ดีกับลูกน้องมากเลยน้อ” ริมฝีปากบางของมู่วี่สิงมีรอยยิ้มด้วย
เวินจิ้งกำลังหั่นผักอยู่ พอได้ยินเสียงก็เหลือบตาขึ้นมา “อืม ยังไงเขาก็เป็นคนที่ทำงานให้คุณ แล้วคุณยังชอบทำหน้าดุอีกด้วย รู้สึกมีระยะห่างมากเลยอ่ะ”
เวินจิ้งหันหน้ามา เอามือขึ้นมาบีบหน้าหล่อของมู่วี่สิง
สมัยตอนที่มู่วี่สิงยังเป็นคุณหมออยู่ก็ไม่ชอบยิ้มอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นbossแล้วก็ยิ่งเคร่งขรึมกว่าเดิม
ตอนทำหน้าจริงจังรู้สึกเคร่งเครียดแปลกๆ ยังไงไม่รู้
แต่วินาทีต่อมา มือกลับถูกมู่วี่สิงกุมไว้ เขาเม้มริมฝีปากบาง “ผมไม่ชอบคนอื่นมาเข้าใกล้ผม”
“แล้วฉันหรอ” เวินจิ้งเอ่ยปากพูดออกมา
“นอกจากคุณหญิงมู่” เขามองไปข้างล่าง ผลักเบาๆ เวินจิ้งก็ถูกเขาผลักไปที่ผนัง จากนั้นจูบอันเร่าร้อนก็กดลงมา…
…
ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนก็ถึงวันแต่งงานแล้ว เมื่อเวินจิ้งมีเวลาว่างก็จะไปปราสาทโบราณหาคุณตา
ร่างกายของคุณตาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหลือเวลาอีกไม่เยอะแล้ว ทุกครั้งที่นึกถึงความจริงนี้ อารมณ์ของเวินจิ้งก็อ้างว้างมาก
ยังไงก็เป็นญาติของเธอ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน แต่เวลานี้ เธออยากจะอยู่กับคุณตาผ่านครึ่งปีสุดท้ายนี้
หลินเวยก็มาบ่อยมาก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลินเจิ้นไม่ใช่ดี ที่มาก็เพราะคุยเรื่องงานแต่งของเวินจิ้ง
รากฐานของบ้านตระกูลหลินอยู่นอกประเทศ หลายปีนี้ที่หลินเวยดูแลบริษัทหลินซื่อ อุตสาหกรรมก็ย้ายกลับมาหนานเฉิงเรื่อยๆ แล้ว
แต่ศูนย์กลางก็ยังคงอยู่นอกประเทศอยู่
เวินจิ้งไม่สนใจอุตสาหกรรมของบ้านตระกูลหลิน แต่หลินเวยก็จะบอกเลศให้ตลอด
“วันหลังทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณตาก็จะตกเป็นของเธอ รวมทั้งบริษัทหลินซื่อ เสี่ยวจิ้ง ฉันรู้ว่าเธอเตรียมตัวจะเรียนปริญญาโทแล้ว แต่อีกกี่ปีข้างหน้า ฉันก็หวังว่าเธอจะเรียนรู้รับช่วงบริษัทหลินซื่อ” หลินเวยด้วยความปรารถนาอันลึกซึ้ง
เวินจิ้งตะลึง บริษัทหลินซื่อ…
เธอรู้สถานะและสถานการณ์ของตัวเองดี มีบางเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
เธอไม่ใช่หลานสาวหนึ่งเดียวในบ้านตระกูลหลิน หลินเวยยังมีฉีเซินลูกอีกหนึ่งคน แต่ทำไมทรัพย์สมบัติของหลินเจิ้นแบ่งให้เธอแค่คนเดียว
เวินจิ้งสงสัยเลยเอ่ยปากถาม
สีหน้าของหลินเวยเปลี่ยนไป พูดอย่างลึกซึ้งว่า “ฉีเซินไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของฉัน”
“ตอนนั้นบ้านตระกูลฉีเพื่อที่จะให้ฉันสามารถครองบริษัทหลินซื่ออยู่ในมือ ก็เลยเอาลูกของสามีฉันและภรรยาเก่าของเขามาให้ฉันเลี้ยง”
“แม่ ฉีเซินรู้เรื่องไหม” เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น
นึกถึงปกติฉีเซินจะเรียกเธอคำว่า “พี่สาว” ตลอดเวลา ยังเน้นย้ำความสัมพันธ์เป็นญาติกันของเธอสองคน เขาน่าจะไม่รู้ความจริงนี้
หลินเวยส่ายหัว “ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานเขาก็จะสืบถึงเรื่องนี้เอง ฉันรับปากกับบ้านตระกูลฉีแล้วก็จะไม่กลับใจ เขาจะเป็นลูกชายของฉันตลอดไป”
เวินจิ้งเงียบกริบ เธอไม่ค่อยรู้จักกับบริษัทหลินซื่อเท่าไหร่ แต่เธอเลือกเรียนบัณฑิตวิทยาลัยด้านการแพทย์แล้ว การวางแผนอาชีพในอนาคตก็จะไม่เกี่ยวกับวงการค้าขายเลย
ส่วนหลินเวยก็รู้อยู่แล้วแน่นอน
“ตอนนี้เธอยังไม่ได้เริ่มเรียน เสี่ยวจิ้ง ฉันหวังว่าเธอจะพิจารณาให้ดี เธอคือหลานสาวเพียงคนเดียวของบ้านตระกูลหลิน แม่ก็ไม่อยากกดดันเธอ แต่นี่คือทางที่บ้านตระกูลหลินปูให้เธอเรียบร้อยแล้ว”
หลินเวยทานข้าวเที่ยงเสร็จก็ไปแล้ว คุณตากำลังตรวจร่างกายอยู่ เวินจิ้งนั่งอยู่ในห้องรับแขกคนเดียว
ในมือคือเอกสารทั้งหมดของบริษัทหลินซื่อ บริษัทหลินซื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับการบริการทางการแพทย์ระดับสูง ซึ่งอุตสาหกรรมมีอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะพื้นที่นอกประเทศ
ในตอนนี้หลินเวยเป็นคนดูแลอุตสาหกรรมของหนานเฉิง ส่วนสายอุตสาหกรรมของนอกประเทศอยู่ในมือหลินเจิ้นทั้งหมด
แต่ในอนาคต เวินจิ้งจะเป็นคนรับช่วงต่อทั้งหมดนี้
ความกดดันบนไหล่อยู่ๆ ก็หนักขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
ตลอดจนถึงตอนบ่าย สมองของเวินจิ้งก็เหมือนกับถูกผูกปมไว้อย่างนั้น ดูเวลา มู่วี่สิงยังไม่ได้เลิกงาน คิดถึงเขามาก…
ก็ไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเองเลย
พนักงานแผนกต้อนรับส่วนหน้ารู้จักเธอ เวินจิ้งขึ้นไปที่ชั้นบนสุดอย่างราบรื่น
ตรงครึ่งทางลิฟต์หยุดที่ชั้นที่ยี่สิบสาม ลู่หวั่นเดินเข้ามาต่อหน้า
“คุณเวิน” ลู่หวั่นทักทายอย่างมารยาท
เวินจิ้งสีหน้าเฉยเมย รู้สึกไม่ค่อยพอใจสำหรับคำเรียกของเธอ
“มาหาประธานมู่หรอ” เธอถาม
“ก็ใช่สิ” เวินจิ้งยิ้มอ่อนๆ
“พอดีมากเลย ฉันก็เหมือนกัน”
ลู่หวั่นมาหามู่วี่สิงเพราะเรื่องงาน และก่อนหน้านี้ก็ได้จองร่วงหน้าแล้ว ก็เลยเข้าไปออฟฟิศก่อนแล้ว
เกาเชียนอยู่ข้างนอก พอเห็นเวินจิ้งก็เข้าไปหาอย่างเกรงกลัวเล็กน้อย “คุณหญิง ต้องรอสักครู่นะครับ”
“อืม” เวินจิ้งนั่งลงตรงที่นั่งทำงานเก่าของตัวเอง ไม่อยากรบกวนมู่วี่สิง
สำหรับเรื่องงานแต่งหลินเวยจัดการเรียบร้อยแล้วส่วนใหญ่ ชุดแต่งงานมู่วี่สิงเป็นคนจัดการ ส่วนเธอคนนี้ที่เป็นเจ้าสาวกลับไม่มีอะไรที่ต้องใส่ใจเลย
คุยโทรศัพท์กับอั้ยเถียนไปสักพัก แจ้งเรื่องงานแต่งให้เธอรู้ อั้ยเถียนตื่นเต้นมากเลย
“ในที่สุดคุณหมอมู่ก็ฉลาดขึ้นแล้วหรอ เสียดายที่ฉันแต่งงานแล้ว เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เธอไม่ได้”
“ก็เพราะว่าความต้องการของคุณตาเยอะไง เวลาของเขาก็มีไม่เยอะแล้ว ฉันก็ถือว่าสมความปรารถนาของเขา สำหรับมู่วี่สิง เขายอมทำตามฉัน ฉันก็รู้สึกอึ้งมากเหมือนกัน”
“คุณหมอมู่เขาชอบเธอไง ยอมแน่นอนอยู่แล้วแหละ”
“เขา…” เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น “เพราะว่าฉันเป็นคุณหญิงมู่ก็แค่นั้นเอง”
“เธอก็อย่าคิดไปเรื่อยแล้ว เตรียมงานแต่งให้พร้อม แล้วการสอบปริญญาโทของเธอเป็นไงบ้างแล้ว” อั้ยเถียนถามด้วยความห่วงใย
“ผลสอบรอบที่สองพรุ่งนี้ก็ออกแล้ว น่าจะไม่มีปัญหา ฉันคิดว่าฉันทำได้ดีอยู่” เวินจิ้งพูดอย่างมั่นใจ
“ฉันก็เชื่อเธอเหมือนกัน ถึงเวลานั้นฉันไปหาเธอเรามาฉลองกันดีๆ เลย!”
วางสายลง ลู่หวั่นก็ออกมาจากออฟฟิศแล้วเหมือนกัน
เกาเชียนรีบเข้าไปทันที “ประธานมู่ครับ คุณหญิงมาแล้ว”
บนตารางงานอีกสักพักประธานมู่จะไปทำวิจัยกับลู่หวั่น แต่ตอนนี้เวินจิ้งมาแล้ว
“หืม?” มู่วี่สิงยักคิ้วอย่างคาดคิดไม่ถึง