Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 285
บทที่ 285 ทำไมถึงอยากให้ผมแต่งกับคนอื่นขนาดนี้
ในห้องนอนเวินจิ้งกำลังนั่งดูหนังสือวิชาการแพทย์อยู่ เป็นเพราะง่วงทนไม่ไหวทำให้หาวตลอด
มองดูเวลา เกือบตี1แล้ว กำลังคิดว่าจะโทรหามู่วี่สิง เขาก็กลับมาพอดี
พอเห็นเวินจิ้งยังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา แสดงแววตาที่ไม่พอใจทันที
“รอผมหรอ?”
“อืม ไหนๆก็ยังไม่ง่วง” ทันใดนั้นก็ทนไม่ไหวหาวออกมาทันที
มู่วี่สิงยกริมฝีปากขึ้น จูบลงบนริมฝีปากเธอ อย่างพลิกไปมา
“ลำบากคุณหญิงมู่ของผมแล้ว” เขาพูดเสียงต่ำ
“อึ่ม ฉันไม่ได้รอคุณจริงๆนะ”เวินจิ้งปากแข็ง ไม่อยากให้มู่วี่สิงดูออกว่าเธอคิดยังไง แต่ก็ไม่สามารถปิดบังสายตาเขาได้ เขาเชยคางเธอขึ้น นัยน์ตาที่ดำสนิทค่อยๆหรี่ตาลง
“กล้าหลอกผมหรอ?”
“ไม่กล้าๆ คุณรีบไปอาบน้ำ”
เวินจิ้งผลักเขา
แต่ท่าทางมู่วี่สิงกลับยิ่งเอาแต่ใจ ทิ้งตัวทับลงมา
เธอถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน
“อาบเป็นเพื่อนผม หืม?” เขาพูดด้วยนิ่มนวลไพเราะมีเสน่ห์
เวินจิ้งหน้าแดงไปจนถึงใบหู
เธอรีบหันศีรษะหนี “ฉันอาบแล้ว”
“งั้นคุณช่วยผม….”
“คนบ้า…..”
“…….”
“วันนี้ฉันเจอลู่หวั่น”
“อืม ผมก็เจอ วันนี้เขารออยู่หน้าประตูบริษัทผม ดึกแล้ว ผมเลยส่งเขากลับบ้าน”
“อึ่ม เขาช่างอาลัยอาวรณ์คุณซะเหลือเกิน” เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงหึงหวง
“ผมจะตัดความรู้สึกที่เขามีต่อผมให้เด็ดขาด”
เวินจิ้งเอียงศีรษะมองผู้ชาย แล้วถามขึ้นทันที “ตอนแรกทำไมคุณไม่แต่งกับลู่หวั่นล่ะ เขาโตมาจากตระกูลมู่ตั้งแต่เด็ก ตระกูลมู่ทุกคนก็ยอมรับเขาหนิ? อีกอย่างระหว่างคุณกับเขาก็สนิทสนมกัน”
ถ้าหากมู่วี่สิงต้องการภรรยาสักคน ลู่หวั่นน่าจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด
“คุณหญิงมู่ทำไมถึงอยากให้ผมแต่งกับคนอื่น?” มู่วี่สิงหรี่ตาด้วยความไม่พอใจ
เวินจิ้งอยู่ข้างกายเขามานาน ก็พอจะรู้สึกได้ว่าวินาทีนี้เขาเริ่มโมโหแล้ว
“ฉันก็แค่หวังดีกับคุณนะคะ” เวินจิ้งพูดพึมพำ
“ถ้าให้ผมพูด คุณต่างหากที่ถูกชะตามากกว่า?” มู่วี่สิงถาม
เวินจิ้งอึ้ง ถูกชะตา?
เธอก็รู้ดีว่ารูปร่างหน้าของตัวเอง ไม่ได้สวยสักเท่าไหร่ แต่ก็แค่ผิวพรรณเนียนใสมองแล้วสบายตามากกว่า
“อ๋อ เพราะฉะนั้นฉันควรดีใจ?”เวินจิ้งทำหน้าบึ้งตึง
มู่วี่สิงยิ้ม ประคองหน้าเธอขึ้นมาจูบอีกครั้ง
เร่าร้อน ดุเดือดเช่นนี้ เหมือนอยู่ในความฝัน แต่ก็เป็นเรื่องจริง
……
วันต่อมา เวินจิ้งตื่นแต่เช้าเพื่อไปที่ห้องทดลอง
หลิงอี้ก็ทำงานอยู่ที่นั่น เสนอจะไปส่งเวินจิ้ง
เวินจิ้งขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่มู่วี่สิงที่ยืนอยู่ข้างๆ
เธอรู้ว่าถ้ามู่วี่สิงจะไปส่งเธอ ก็คงไม่สะดวกเพราะไม่ใช่ทางเดียวกัน
“ไม่รบกวนคุณหลิงหรอก” เวินจิ้งยกมือปฏิเสธ
หลิงอี้มองมู่วี่สิง ไม่ได้อ่อนข้อให้
แน่นอนมู่วี่สิงจะให้เธอขึ้นรถ แต่เวินจิ้งไม่ยอมขึ้น “คุณไม่ได้ไปทางเดียวกันกับฉัน เดี๋ยวฉันนั่งรถไปเองค่ะ”
“เข้ามา” มู่วี่สิงไม่ลดละดึงแขนเธอเข้าไปในรถ เธอไม่สามารถขัดขืนได้
“มู่วี่สิง” เวินจิ้งมองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ผมยินดีที่จะอ้อม”
เวินจิ้ง: ……
พอไปถึงห้องทดลอง เวินจิ้งเข้าประตูก็เจอหลิงอี้พอดี
“จุจุ ตั้งใจที่จะให้มู่วี่สิงขับรถอ้อมแต่ก็ไม่ยอมนั่งรถมากับผม”หลิงอี้พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“อืม ฉันไม่อยากให้คุณหลิงใกล้ชิดฉันไปมากกว่านี้ค่ะ” เวินจิ้งพูดอย่างเรียบเฉย หลิงอี้ชินกับน้ำเสียงแบบนี้มานานแล้ว “แต่พวกเราไม่สามารถเลี่ยงได้เพราะต้องเจอกันทุกวัน ผมรู้สึกว่าคุณหนูเวินควรจะเปลี่ยนทัศนคตินะ” เวินจิ้งไม่ได้สนใจเขา มุ่งไปที่งานทดลองทันที
“ลู่หวั่นล่ะ?” เวินจิ้งถามเพื่อนร่วมงานข้างๆ
“หาฉันมีธุระอะไร?”
ลู่หวั่นกลับมาพอดี ได้ยินเสียงเวินจิ้งจึงเดินเข้ามาหา
“ฮอร์โมนตัวนี้ตอนนี้มีส่วนประกอบที่ผสมสารก่อมะเร็ง ฉันไม่แนะนำให้ใช้ยาในตัวนี้ค่ะ”
ลู่หวั่นขมวดคิ้ว นั่งลง เปิดดูรายงานที่ผ่านมาของก่อนหน้านี้ “แม้ว่ามีส่วนผสมสารก่อมะเร็ง แต่ปริมาณที่ฉันใช้ลดลงต่ำสุดแล้ว ไม่มีผลกระทบ”
“แต่ว่าส่วนใหญ่ในด้านการตรวจรักษาโรค ถึงแม้จะใช้ปริมาณน้อย ก็มีผลข้างเคียง ปัจจุบันหลายประเทศห้ามใช้ฮอร์โมนตัวนี้แล้วนะคะ”
เพียงแต่แถลงการณ์นี้ประกาศออกมาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ระยะห่างจากยาตัวนี้ที่เริ่มวิจัยพัฒนาก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว
แต่ในเมื่อยาตัวนี้ยังไม่ได้วางตลาด ทุกอย่างยังปรับเปลี่ยนได้
“งั้นหรอ? ถ้างั้นเวินจิ้งคุณคิดว่า ใช้อะไรมาทดแทนฮอร์โมนตัวนี้ดีกว่าล่ะ?” ลู่หวั่นยิ้มอย่างเย็นชา
เพื่อรับประกันประสิทธิภาพของยาตัวนี้ การเพิ่มฮอร์โมนนี้เป็นสิ่งจำเป็น
“ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“งั้นหากคุณคิดไม่ออกตลอดไปล่ะ กระบวนการทดลองก็ต้องยืดเวลาออกไปเรื่อยๆใช่มั้ย?” ลู่หวั่นพูด “เวินจิ้ง ฉันจำได้ว่าท่านหลินเคยสั่งไว้ว่า ยาตัวนี้ต้องวางตลาดภายในปีนี้นะ”
“ฉันจะหาฮอร์โมนตัวอื่นมาแทน”เวินจิ้งใช้ความคิด
“คุณคิดว่าฉันไม่เคยคิดหรอ เพียงแต่มีแค่ฮอร์โมนตัวนี้ที่สามารถต้านvinblastine ผลลัพธ์ของยาตัวนี้ถึงจะมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด”
“แต่ทดลองถึงสามรอบก็มีปัญหา ที่ขจัดออกไปไม่ได้ก็คือปัญหาของฮอร์โมน”
“อืม ตอนนี้คุณเป็นผู้รับผิดชอบ งั้นคุณคิดขั้นตอนต่อไปเถอะ” ลู่หวั่นหันหลังไปอย่างเย็นชา
“ลู่หวั่น ฉันว่าคุณสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้” เวินจิ้งขวางเธอไว้
ความสามารถในด้านนี้เธอสู้ลู่หวั่นไม่ได้ เรื่องการวิจัยพัฒนา สุดท้ายก็เป็นลู่หวั่นที่ทำสำเร็จ
“ฉันรู้สึกไม่มีปัญหา คุณอยากให้ฉันทำอะไร”
“เวินจิ้ง คุณรู้สึกว่าตัวเองมีความอดทนสูงไม่ใช่หรอ? งั้นคุณก็ทำการทดลองให้เสร็จเลย พอดีฉันก็จะได้เคลียร์เวลามาจัดการงานบริษัทบ้าง เรื่องยาตัวนี้ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ใช่งานที่ฉันต้องสนใจ” ลู่หวั่นพูดด้วยเสียงราบเรียบ
ที่เขายอมเข้าร่วมด้วย ก็เพราะว่าบริษัทที่เปิดใหม่ของตัวเองลงทุนด้วย ถ้าหากราบลื่น ก็สามารถเปิดตลาดประเทศB
“คุณไม่อยากให้ฉันเข้าร่วมการทดลองครั้งนี้ใช่มั้ย?” เวินจิ้งชักสีหน้า
เจตนาของลู่หวั่น เธอรู้อย่างชัดแจ้ง
“แน่นอน” ลู่หวั่นชะงัก “เปล่าๆนะ”
“ในเมื่อคุณทำสัญญากับบริษัทหลินซื่อแล้วงานทดลองครั้งนี้คุณก็ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด ไม่งั้นก็ล้มเลิกข้อสัญญา”
“คุณขู่ฉันหรอ?” ลู่หวั่นแทบจะระเบิด แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยทนกับการโดนข่มขู่จากใครทั้งสิ้น
“ใช่แล้วยังไง เชิญคุณพยายามทำการวิจัยพัฒนาครั้งนี้ให้สำเร็จเถอะ ตอนนี้การทดลองระยะที่สามมีปัญหา รบกวนศาสตราจารย์ลู่รักษากิริยามารยาท แล้วร่วมมือกับฉันแก้ไขปัญหานี้ดีกว่า”
“ศาสตราจารย์ลู่” ไม่รู้ว่าหลิงอี้เข้ามาตั้งแต่เมื่อไร
“การวิจัยพัฒนาครั้งนี้กระชั้นชิดมาก อย่าปล่อยให้เสียเวลาไป เวินจิ้งก็มีประสบการณ์ด้านนี้ พวกคุณร่วมมือกันดีๆ ผมเชื่อว่ายาตัวนี้สามารถวางตลาดได้อย่างราบรื่น”
ลู่หวั่นมองหลิงอี้ ยกริมฝีปากเชอร์รีขึ้น
“ฉันรู้แล้วค่ะ”
พูดจบ ก็กลับไปที่ห้องทดลองของตัวเอง
เวินจิ้งก็ทำงานของตัวเองต่อ เพียงแต่ครั้งก่อนเธอทำการทดลองอยู่ข้างๆมู่วี่สิง ส่วนใหญ่มู่วี่สิงจะเป็นคนตัดสินใจ แต่ครั้งนี้ เป็นช่วงการทดลองที่ยากมาก
ครึ่งค่อนวันยังไม่มีอะไรคืบหน้า เธอกลับแต่เช้า
ออกจากตึกทดลอง รถของมู่วี่สิงจอดอยู่ข้างนอก
พอดีมือถือของเวินจิ้งก็ดังขึ้น
เธอไม่ได้รับ เดินตรงไปขึ้นรถของมู่วี่สิง