Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 286
บทที่ 286 ไม่ใช่ว่าตั้งใจวางแผนมานานแล้ว
“วันนี้คุณมาเช้าจัง?”
“อืม เมื่อคืนผมไม่ได้อยู่กับคุณ วันนี้ต้องชดเชยให้”
เวินจิ้งควรจะดีใจ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ทำให้เธอไม่มีความสุขเลย
“เจอปัญหาอะไรหรอ?”
เวินจิ้งเม้มปาก สักพักเอารายงานออกมาจากกระเป๋าหนึ่งฉบับ “นี่คือการวิจัยพัฒนายาฮาต๋าของบริษัทหลินซื่อก่อนการทดลองสามเดือน ต่างก็มีระดับความรุนแรงของการแพ้ยาที่ไม่เหมือนกัน ฉันหาสาเหตุมันไม่ได้เลย”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ไม่ได้รับไว้
“ยาตัวนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง สุดท้ายฉันก็ไม่ใช่คนของบริษัทหลินซื่อ”
“ก็ใช่ ช่างมันเถอะ” เวินจิ้งส่ายศีรษะ
แม้ว่าเวินจิ้งไม่ได้ถามมู่วี่สิง ที่เมื่อคืนมู่วี่สิงได้รับอีเมลล์ของลู่หวั่น เกี่ยวกับปัญหายุ่งยากของ ฮาต๋า
เวินจิ้งอยู่ข้างกายเขา เห็นอีเมลล์โดยไม่ตั้งใจ
“คุณจะตอบกลับไหม?”
“โครงการนี้ สำคัญสำหรับคุณมั้ย?”มู่วี่สิงถาม
เวินจิ้งเม้มปากไม่ได้ตอบ
เธอยังคงมองในแง่ดีเกี่ยวกับยาตัวนี้ในภายข้างหน้า ท้องตลาดยังไม่มียาแบบเดียวกัน และยาตัวนี้มีคุณค่าความสำคัญอย่างมากสำหรับรักษาเสริมกล้ามเนื้อหัวใจตาย
แต่จริงๆเธอไม่ได้อยากเข้าร่วม ซึ่งความคิดของคุณตาคืออยากให้เธอเข้าร่วมบริษัทหลินซื่อ ทุกอย่างที่ทำในตอนนี้ เพื่อให้เธอเข้ามาบริษัทหลินซื่อบรรยายเนื้อหาได้ดีเด่นในวันข้างหน้า
เวินจิ้งส่ายศีรษะ “ฉันไม่อยากปฏิเสธคุณตาในการเข้าร่วมโครงการนี้ ในเมื่อโครงการนี้บริษัทหลินซื่อเป็นคนวิจัยพัฒนาขึ้นมา ฉันก็ไม่อยากจะมีปัญหา”
ถ้าหากได้มู่วี่สิงมาช่วย ไม่แน่ยาอาจได้วางตลาดก่อนกำหนด
ที่ผ่านมาไม่ต้องสงสัยในพละกำลังของมู่วี่สิงเลย
“ค่าตัวผมแพงมากนะ” ผู้ชายยกริมฝีปากขึ้น
ลู่หวั่นถามเขาแน่ โดยธรรมชาติจะพิจารณาถึงปัจจัยของเวินจิ้ง
ช่วยลู่หวั่น ก็เหมือนช่วยเวินจิ้ง
“ฉันรู้ ถ้าคุณไม่อยากทำ ก็ไม่เป็นไร คุณยุ่งกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็พอแล้ว คุณอย่าหาเรื่องยุ่งยากให้ตัวเองเลย”
พูดจบ เวินจิ้งก็ช่วยเขาลบอีเมลล์ออกทันที
“แน่ใจนะ?” มู่วี่สิงเชยคางของเธอขึ้น พร้อมกับนัยน์ตาสีดำที่มองลงมา
“อืม” เวินจิ้งพยักหน้า
ไม่ทันที่มู่วี่สิงจะตอบ ลู่หวั่นก็โทรเข้ามาแล้ว
มู่วี่สิงกำลังอาบน้ำอยู่พอดี เวินจิ้งไม่ได้รับสายจนกระทั่งมู่วี่สิงเดินออกมา
ผู้ชายไม่ได้สนใจ เช็ดผมที่เปียกชื้นอย่างสง่างาม กอดเวินจิ้งแล้วก็จูบลงมา
เวินจิ้งรีบผลักเขาออก “รีบไปรับสาย!”
มู่วี่สิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ และไม่สนใจ
จูบที่ปากเวินจิ้งอย่างเอาแต่ใจ เขาทับตัวเธอไว้ พูดด้วยเสียงต่ำ “ฟังๆแล้ว คุณหึงผม”
เวินจิ้ง: ……
“ฉันเปล่า”
“คุณหึง”
บังคับความคิดเธอ ไม่ให้เธอแบ่งใจไปให้คนอื่น……
……
สัปดาห์ต่อมา การวิจัยพัฒนาฮาต๋า ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
เวินจิ้งกินข้าวเช้าเป็นเพื่อนหลินเจิ้น รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจของเขา
“ฉันไม่กินแล้ว” หลินจิ้งปัดมือ
เวินจิ้งมองไปดูโจ๊กในชามยังไม่ได้แตะเลย ขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล
คุณหมอบอกว่าไม่กี่วันมานี้หลินเจิ้นแทบจะไม่กินอะไรเลย เพราะผลกระทบทางจิตใจ จำเป็นต้องรีบแก้ไข ไม่งั้น อาจทำให้อาการหนักกว่าเดิม
“คุณตาคะ คุณอยากกินอะไร หนูจะทำให้กิน”
“ไม่ต้องแล้ว เธอไปบริษัทหลินซื่อทางนั้นเลย ตอนนี้ฉันแค่อยากให้ยาฮาต๋า ตัวนี้รีบสำเร็จเร็วๆ” หลินเจิ้นตอบด้วยเสียงต่ำ
“คุณปู่ครับ การวิจัยคืบหน้าได้อย่างราบรื่นมาก ไม่ต้องเป็นห่วง”
ข้างนอก หลิงอี้เดินเข้ามา
เวินจิ้งมองเขาอย่างคาดไม่ถึง ราบรื่น?
ไม่กี่วันนี้เธออยู่ห้องทดลองตลอด เจออุปสรรคเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน
“จริงหรอ?” ในตอนนี้หลินเจิ้นดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
“จริงครับ คุณตา ผมรับรองว่าฮาต๋าจะได้วางตลาดก่อนกำหนด
“เธอพูดอย่างนี้แล้ว ฉันก็วางใจแล้ว”
หลินเจิ้นให้ความสำคัญกับหลิงอี้มานาน ก็เลยเชื่อใจเขา แต่เวินจิ้งกลับไม่เชื่อ
เดินออกมาจากห้อง เธอมองไปที่หลิงอี้ “การทดลองขั้นตอนที่สามไม่ใช่ว่าล้มเหลวแล้วหรอ?”
“อืม แต่ลู่หวั่นได้วิจัยพัฒนายาตัวใหม่แล้ว วันนี้พึ่งจะทดลอง ผลลัพธ์ก็ไม่เลวนะ”
“เร็วขนาดนั้นเลย?” เวินจิ้งสงสัย
แต่เธอกลับไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
เดิมทีคงต้องให้เธอเป็นผู้รับผิดชอบแล้ว
“เกรงว่าคุณตาจะรอนานขนาดนี้ไม่ไหว ผมเลยอยากรีบทำให้สำเร็จก่อนเขาจะจากไป” หลิงอี้ก้มหน้าลง
พอคิดถึงสุขภาพของคุณตาแล้ว สายตาเวินจิ้งเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เธอรู้สาเหตุที่คุณตาอยากให้ฮาต๋ารีบวางตลาดเช่นนี้ และนี่อาจเป็นเรื่องเดียวที่เธอจะช่วยเขาได้
“ไปห้องทดลองกัน”
“ยอมนั่งรถผมแล้ว?” หลิงอี้เลิกคิ้ว
“ไม่ยอม ฉันจะเรียกรถเอง” เวินจิ้งก้มหน้าก้มตาเดินออกไป
หลิงอี้กลับตามหลังเธอ พูดขึ้นว่า “ที่นี่แท็กซี่เข้ามาไม่ได้นะ คุณต้องออกจากเขตนี้ก่อน อย่างน้อยก็หนึ่งชั่วโมง”
“งั้นฉันให้คนขับรถไปส่ง”
“วันนี้รถของตระกูลหลินส่งซ่อมหมดแล้ว” หลิงอี้ยกริมฝีปากขึ้น ยิ่งกว่าคำเชิญที่จัดการไว้แล้ว เชิญเวินจิ้งขึ้นรถ
มองดูความรู้สึกที่ดูสมหวังของหลิงอี้ เวินจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างไม่มีทางเลือก ก็ได้แต่ขึ้นรถไป
“คงไม่ใช่ว่าคุณมีเจตนานี้อยู่แล้วนะ?” เธอรัดเข็มขัดขึ้น
“อาจเป็นไปได้ ในที่สุดก็ได้ส่งคุณไปทำงาน เป็นความโชคดีของผม”
เวินจิ้งหันศีรษะมองไปนอกหน้าต่าง ไม่สนใจเขา
เดิมทีคิดว่าหลิงอี้จะส่งเธอไปห้องทดลอง กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปบริษัทหลินซื่อ
“ตอนนี้ที่ห้องทดลองนั้นกำลังทำการทดลองอยู่ รอผลลัพธ์ออกมาค่อยไปก็ไม่สาย”
“แล้วยังไงล่ะ?” เวินจิ้งรู้สึกโกรธเล็กน้อย
“ไปเดินเล่นที่บริษัทหลินซื่อ ผมจะได้พาคุณเยี่ยมชมพอดี”
ก่อนหน้านี้เวินจิ้งเคยมาบริษัทหลินซื่อแล้วครั้งหนึ่ง แต่เธอก็ยังไม่คุ้นเคย
หลิงอี้ไม่มีตำแหน่งอะไรเลยในบริษัทหลินซื่อ แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าเขาคือคนสำคัญของหลินเจิ้น เลยปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ
เพื่อไม่ให้เพิ่มความใกล้ชิดกับหลิงอี้ เวินจิ้งยอมที่จะขึ้นไปหาคุณแม่
“ดูแล้วคุณชอบหลบผมนะ?” หลิงอี้มาขวางเธอไว้
“คุณหลิงรู้ตัวเองดีนี่” เวินจิ้งแสยะยิ้ม
“คุณหลิงคะ มีเอกสารหลายฉบับรอให้คุณเซ็นชื่ออยู่ค่ะ” เลขาเจอหลิงอี้ ก็รีบเข้ามาหา
หลิงอี้ขมวดคิ้ว กลับเห็นเวินจิ้งถอยกลับไปขึ้นลิฟต์แล้ว “คุณหลิงคะ คุณทำธุระไปก่อนนะ”
พูดจบ ก็กดลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุด
พอรู้ว่าเวินจิ้งมา หลินเวยเลยเลื่อนการประชุมตอนบ่าย
“มาพร้อมหลิงอี้หรอ?” หลินเวยถาม
“ค่ะ ทีแรกเขาจะไปส่งหนูที่ห้องทดลองฝั่งนั้น”
หลินเวยขมวดคิ้ว “เธอมาก็ดีแล้ว คืนนี้มีงานเลี้ยง เข้าร่วมเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะ”
“แต่ วันนี้หนูไม่ได้แต่งตัวเลย”
จริงๆแล้ว เธอไม่ชอบออกงานในโอกาสแบบนี้
ก่อนหน้านี้เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงเป็นเพื่อนมู่วี่สิงอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยากที่จะปรับตัวเข้ากับพวกเขาได้
แต่เดิมก็ไม่ได้อยู่ในแวดวงนี้ ก็เลยไม่มีเรื่องที่จะคุยกับคนรอบข้าง
“อีกสักพักช่างแต่งหน้าจะมา ไม่ต้องห่วงนะ”
“แม่” เวินจิ้งลังเล
หลินเวยมองความคิดเธอออก ตอบอย่างเอาใจว่า “เสี่ยวจิ้งเธอเป็นลูกของตระกูลหลิน ต่อไปจะมีงานเลี้ยงแบบนี้เยอะ เธอต้องชินกับมันนะ”
เวินจิ้งก้มหน้า พยักหน้าอย่างช้าๆ
ตอนแต่งหน้าเวินจิ้งก็ได้บอกเรื่องนี้กับมู่วี่สิงแล้ว
“งานเลี้ยงคืนนี้จบผมจะไปรับคุณนะ”
“ฉันตื่นเต้นเนิดหน่อย” เวินจิ้งสารภาพออกมา
ก่อนหน้ามีมู่วี่สิงอยู่ข้างกายตลอด เธอเลยปล่อยวางได้บ้าง
“ต้องการให้ผมไปเป็นเพื่อนคุณ? ฮึ?”