Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 287
บทที่ 287 เต้นรำเป็นเพื่อนฉันหน่อย
เวินจิ้งรีบปฏิเสธ เธอรู้ว่าคืนนี้มู่วี่สิงมีงานเลี้ยง เขาคนนี้เป็นคนยุ่งมาก……
“ไม่ต้อง ฉันไปคนเดียวได้ แม่ฉันก็อยู่”
“มีเรื่องไรโทรมาหาผมได้ทุกเมื่อ ผมจะรีบไปหาทันที”
เวลาพลบค่ำ เวินจิ้งกับหลินเวยมาถึงโรงแรมหกดาวที่อยู่ใต้บังคับบัญชาบริษัทหลินซื่อ
เวินจิ้งกับชุดกระโปรงผ้าโปร่งสีขาวบริสุทธิ์ ออกแบบเกาะอกเผยให้เห็นไหปลาร้าที่บางงดงาม เกล้าผมขึ้น อวดใบหน้าเรียวรูปไข่ที่งดงาม
“แม่ นี่คืองานเลี้ยงอะไรคะ?” เวินจิ้งถาม
นอกจากนักการเมืองที่ออกทีวีบ่อยๆ ยังมีดาราเข้าร่วมกันไม่น้อย ฉากข้างหน้าดูแวววาวครึกครื้นมาก
“นี่คืองานเลี้ยงวันเกิดของคุณหนูบริษัทหลิงซื่อ ตระกูลหลินกับบ้านหลิงคบหากันมาหลายชั่วคน เด็กคนนี้ ฉันเองก็คอยเฝ้ามองเขาเติบโต
“บริษัทหลิงซื่อ?”
งั้นไม่ใช่ว่าหลิงอี้ก็อยู่ในงานแล้วสิ
จริงอย่างที่คิด เวินจิ้งพอเดินเข้าประตูก็เจอหลิงอี้ที่สวมชุดสูทสีขาว โดนคนไม่น้อยรุมล้อมไว้ ฐานะสูงส่งมีอำนาจและมีอิทธิพล
“คุณหญิงหลิน”หลินเหยาน้องสาวของหลิงอี้ เดินเข้ามาทักทายอย่างสุภาพ
เธอเป็นคนสำคัญของวันนี้ กระโปรงผ้าโปร่งที่อยู่บนตัว คาดไม่ถึงว่าจะออกแบบเป็นทรงเกาะอก กระโปรงลากยาวถึงพื้น พันเอวร่างบาง คล้ายกับชุดที่เวินจิ้งใส่ไม่น้อย
“เหยาเหยา นี่ลูกสาวฉันเอง เวินจิ้ง”
“คุณหนูหลิง สุขสันต์วันเกิดนะ” เวินจิ้งยิ้มอ่อน
“ขอบใจนะ คืนนี้เที่ยวให้สนุกนะ” หลิงเหยากระพริบตาอย่างซุกซน
พูดจบ เธอเดินไปที่ข้างกายหลิงอี้ โอบเขาอย่างสนิทสนม
ฐานะของหลินเวยค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงนี้ กลุ่มผู้หญิงสูงศักดิ์อยู่ด้วยกัน หัวข้อที่คุยกันเวินจิ้งล้วนไม่อยากฟัง
เธอเดินตรงไปหามุมของตัวเองทันที รอเวลาอีกไม่นานก็จากไป
ในเวลานี้เอง หน้าประตูก็มีเสียงขึ้นมา ผู้หญิงหน้าตาสละสลวย นั่งอยู่บนรถเข็นเข้ามา เธอใส่กระโปรงยาวสีดำ บุคลิกดูลุคนิ่งๆสวยสง่าโดดเด่น
มู่ซือซือ?
เวินจิ้งชะงัก เธอรู้ว่ามู่ซือซือเกลียดแค้นเธอมาก
แต่ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ล่ะ?
ครู่เดียวหลิงเหยาก็เข้ามา ชัดเจนว่าเธอกับมู่ซือซือสนิทกัน เธอเริ่มเข้าไปช่วยเขาเข็นรถเข็น “ซือซือ ให้เธอมาโดยเฉพาะ ฉันรู้สึกเกรงใจจริงๆ”
“ปาร์ตี้วันเกิดของเธอฉันจะพลาดได้ไงล่ะ นี่คือของขวัญจากฉัน เหยาเหยา”“จุ๊บ เธอดีที่สุดแล้ว……”
เวินจิ้งหันหลังให้กับพวกเขา แต่ว่ามีสตรีที่มีชื่อเสียงสองสามคนยืนอยู่ข้างๆ
เสียงพูดคุยแว่วมาไม่หยุด
“นั่นไม่ใช่มู่ซือซือ ฉันจำได้เขาพลาดงานเลี้ยงวันเกิดหลิงเหยามาหลายปีแล้ว ที่แท้ก็เป็นอัมพาตแล้ว”
“เธออย่าพูดเสียงดังฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นโรคจิตนะ ไม่แน่อาจจะบ้าขึ้นมาได้ทุกเมื่อ”
“ไม่หรอกมั้ง”
“จริงแท้แน่นอน ไม่งั้นทำไมตระกูลมู่ถึงปิดข่าวหล่อนไว้ตลอดล่ะ”
“หลินเหยาทำไมถึงเป็นเพื่อนกับหล่อนได้นะ เป็นฉันไม่กล้าใกล้ชิดกับคนบ้าคนนั้นหรอก”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว พอเงยหน้าขึ้นมา กลับเจอเงาที่อยู่ตรงหน้า
“คุณมาแล้ว งั้นมู่วี่สิงก็อยู่ด้วย?” ส้งวี่ขมวดคิ้ว
เวินจิ้งชะงัก “มู่วี่สิงไม่ได้อยู่ที่นี่”
เธอมองไปทางมู่ซือซือ “ฉันจำได้ว่าเธอถูกกักบริเวณ ทำไมถึงมาได้?”
“หลินเหยาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เธออยากมาอวยพรวันเกิด” ส้งวี่ตอบ
แม้ว่าจะถูกกักบริเวณ แต่เขาพามู่ซือซือออกมาอย่างง่ายดาย เขาไม่อยากให้เธอถูกขังตลอด
แต่ถ้าหากให้มู่ซือซือรู้ว่าเวินจิ้งอยู่ที่นี่ แน่นอนมันจะทำให้กระทบกระเทือนต่อโรคของเธอ
“ผมว่า คุณไม่เหมาะจะอยู่ที่นี่” ส้งวี่พูดอย่างเคร่งขรึม
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอก็ไม่ได้อยากอยู่นัก
เมื่อครู่คุณแม่ได้แนะนำให้เพื่อนให้เธอรู้จักไม่น้อย คิดว่าเป้าหมายของเธอก็สำเร็จแล้ว
พอวางแก้วเหล้าลง ข้างหน้าก็มีคนยื่นแก้วเหล้าให้แก้วนึง
ใบหน้าอันหล่อเหลาของหลิงอี้สะท้อนเข้ามาอยู่ในม่านตา
“พึ่งมาก็จะกลับแล้วหรอ?” หลิงอี้มองทะลุปรุโปร่งถึงความคิดเธอ
“ฉันไม่ค่อยชินกับสถานที่แบบนี้” เวินจิ้งพูดตามความจริง
นี่ไม่ใช่สังคมตั้งแต่เด็กของเธอ อยู่ที่นี่ เลยเข้ากับเขาไม่ได้สักอย่าง
“อยู่ข้างผม ผมจะพาคุณคุ้นเคยเอง” หลิงอี้เริ่มงอแขนขึ้น
ส่งสัญญาณเป็นนัยๆให้เวินจิ้งจับแขนเขา
เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างเย็นชา ไม่ขยับอะไร
“คุณหลิง วันนี้เป็นวันเกิดน้องสาวคุณ คุณควรจะไปอยู่ข้างเธอถึงจะถูก”
หลิงอี้ยิ้ม “น้องสาวผมมีเพื่อนเยอะแยะไปหมด เขาจะไม่ชอบที่ผมเข้าไปวุ่นวาย”
“ ฉันมีธุระ ขอตัวกลับก่อน” เวินจิ้งไม่อยู่พูดร่ำรี้ร่ำไรกับเขา
หลิงอี้ชักสีหน้า แต่เวลานี้เอง เสียงเพลงเต้นรำก็ดังขึ้น เขารีบก้าวเท้าไล่ตามเวินจิ้ง โค้งตัวลงเก้าสิบองศาพร้อมยื่นมือขวาออกมา ขอเธอเต้นรำ
“เต้นรำเป็นเพื่อนผมสักเพลง ผมคิดว่าข้อเรียกร้องนี้คงไม่เกินไปนะ?”
ริมฝีปากเรียวบางของหลิงอี้เข้าใกล้เธอ พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
หลิงอี้เป็นเหมือนเทพบุตร ในงานเลี้ยงมีผู้หญิงมากมายจ้องอยากจะได้เขา แต่ดูเหมือนว่าคืนนี้เขาจะอยู่แต่รอบๆเวินจิ้งเท่านั้น
“หลิงอี้ ฉันเต้นไม่เป็น”
“ผมสอนคุณ”
พูดจบ ก็มีแขนมาโอบที่เอว หลิงอี้พาเธอเข้าฟลอร์เต้นรำ
เวินจิ้งดิ้นออกอย่างแรง ผลักเขาออก
แต่เขากลับแข็งกร้าวมาก จับมือเธอไว้ พาเธอมาถึงฟลอร์เต้นรำ
“หลิงอี้!”
“ฮึ่ม?”
“คุณอย่าให้มันมากเกินไป!”
เวินจิ้งเหยียบบนรองเท้าหนังแบรนด์หรูของเขาอย่างแรง
“คุณเหยียบผม ไม่เกินไปงั้นหรอ?” สีหน้าของหลิงอี้บึ้งตึงมาก แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าเขาขนาดนี้มาก่อน
“คุณบังคับฉับก่อน ฉันเต้นรำไม่เป็นจริงๆ ได้แต่ทำให้คุณขายหน้า”
ในท่วงทำนองไม่กี่จังหวะนี้ เวินจิ้งแทบจะเหยียบโดนเท้าหลิงอี้ตลอด แต่สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนเลยตั้งแต่เริ่ม
“ผมไม่ถือ”
เวินจิ้งกัดปากอย่างโมโห แต่ดันผลักผู้ชายไม่ออก
มู่ซือซือกับหลินเหยามาจากโต๊ะอาหารฝั่งนั้น ส้งวี่เห็นมู่ซือซือ รีบไปดักเธอไว้ ทันที
“ซือซือ พวกเราควรกลับได้แล้ว” ส้งวี่ชักสีหน้า
“รีบอะไร นี่งานยังไม่จบนะ? อีกอย่างฉันยังอยากอยู่เป็นเพื่อนหลินเหยาอีกพัก” มู่ซือซือตอบ
พูดจบ ก็ไปที่ฟลอร์เต้นรำฝั่งนั้น
ส้งวี่ไม่ฟังที่เธอพูดพร้อมผลักเธอไปที่หน้าประตู
“ส้งวี่!” มู่ซือซือจ้องเขา “คุณหมายความว่าไง!”
“อีกสักพักพี่ชายคุณอาจจะมา ถ้าหากให้เขารู้ว่าคุณแอบหนีออกมา ผลจะเป็นยังไงคุณก็รู้ชัดเจน”
“ห้ามพูดถึงพี่ชายฉัน ตอนนี้ในสายตาเขานอกจากผู้หญิงต่ำต้อยนั่น ไหนละจะมีน้องสาวคนนี้” มู่ซือซือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เธอโกรธจนผลักส้งวี่ออก เข็นรถเข็นเข้าไปในท่ามกลางกลุ่มผู้คน
ส้งวี่จะตามไป แต่กลับถูกหลินเหยาขวางไว้
“นายโจง ยากที่ซือซือจะได้ออกมาอิสระ ให้เธอเล่นอีกสักพักนะ” ส้งวี่ค่อยๆขมวดคิ้ว มองดูมู่ซือซือที่ยิ่งเข้าใกล้เวินจิ้งเรื่อยๆ
เขาทำได้เพียงโทรศัพท์หามู่วี่สิง
ขณะนี้ จบไปหนึ่งเพลง หลินอี้ยังคงจับมือเวินจิ้ง
แต่มู่ซือซือ ก็เห็นเวินจิ้งเข้า
สีหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที เธอกรีดร้อง “นี่ นางผู้หญิงชั้นต่ำ เธอกำลังทำอะไร! พี่ชายฉันไม่อยู่ เธอก็อยู่ที่นี่ออกเที่ยวไปทั่ว?” เสียงของมู่ซือซือไม่เบาเลย แทบจะทั้งฟลอร์หันมองมาทางนี้
เวินจิ้งใบหน้าตกใจ หันหน้ามา มู่ซือซือที่กำลังป่วยเป็นโรคประสาท อาการกำเริบโผล่ขึ้นมาในแววตา
ตอนที่หลิงอี้กำลังว่อกแว่ก เวินจิ้งรีบใช้เเรงสะบัดเขาออกทันที