Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน - ตอนที่ 327
ตอนที่ 327 ฉันมีนัด
“คุณไม่ต้องไปคอยดูแลมู่ซือซือเหรอ”
“ส่งวี่มาแล้ว เขาอยู่เป็นเพื่อนซือซือได้”
เวินจิ้งอุทานแค่รับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เธอไม่ได้สนใจเรื่องของตระกูลมู่ จึงเหมือนจะไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกับมู่วี่สิง
“เรื่องวันนี้ รบกวนคุณแล้ว”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว อยากจะบอกเขาเรื่องวันนี้ที่มู่ซือซือดื้อจะออกจากโรงพยาบาล
“ฉันเห็นว่าเขาเป็นคนไข้รายแรกของฉัน ฉันจึงไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเขา”
“น้องของผมคนนี้ขี้หงุดหงิดไปหน่อย แต่จิตใจจริงๆของเขาดี เพียงแต่ถ้าถูกทำร้าย อารมณ์ก็เลยเอาแน่เอานอนกับเขาไม่ได้” เมื่อพูดถึงมู่ซือซือ มู่วี่ซิงก็เริ่มขมวดคิ้ว
นึกถึงเรื่องที่มู่วี่สิงเคยบอกเธอ มู่ซือซือถูกฉีเซินทำร้ายจนเธอเกือบจะฆ่าตัวตาย เวินจิ้งจึงเข้าใจเธอ
คนที่เคยถูกทำร้ายมาก่อน อารมณ์ก็ย่อมจะรุนแรงขึ้น
“ตอนนี้ ก็คงจะต้องพาเขาไปให้ไกลจากคนที่เขาเกลียดก่อน เพื่อจะช่วยให้อาการป่วยของเขาดีขึ้น”
“เขาไม่ยอมออกไปจากหนานเฉิง ใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาต้องการจะได้เห็นคนที่ทำร้ายเขา ค่อยๆพินาศไปทีละคนๆ”
เวินจิ้งเม้มปาก ไม่คิดว่ามู่วี่สิงจะบอกเธอมากขนาดนี้
คนที่ทำร้ายมู่ซือซือ…..คนร้ายคนนั้นก็คือฉีเซิน
และนับรวมมู่เฟิงด้วยที่ทำให้อานเวยต้องถูกจำคุก มู่ซือซือก็ไม่มีวันปล่อยเขา
แต่ก็มีเพียงตระกูลมู่ที่เป็นที่พึงให้เธอได้ ดังนั้นคนที่จะช่วยให้เธอแก้แค้นได้สำเร็จ…..ก็มีเพียงมู่วี่สิง
เวินจิ้งมองไปยังผู้ชายคนนั้น เธอรู้ว่าเขารักและเอ็นดูมู่ซือซือมาก ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นศัตรูกับฉีเซิน และไม่คิดที่จะเห็นหน้ามู่เฟิง
เธอไม่ได้คิดอะไรต่อ เรื่องของตระกูลมู่ เธอไม่ควรจะเก็บมากังวล
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เวินจิ้งต้องกลับไปโรงพยาบาล ส่วนมู่วี่สิงต้องไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
ทั้งสองคนแยกย้ายกันที่หน้าประตู
ตอนที่เธอหันหลังกลับ เวินจิ้งรู้สึกได้ถึงสายตาของมู่วี่สิงที่กำลังจ้องมองเธออยู่ข้างหลัง
เธอรีบเร่งฝีเท้ามุ่งไปยังลิฟต์
แค่เข้ามาในลิฟต์ ก็พบกับเงาร่างของคนสองคน
หลิงอี้และหลิงเหยา
“เวินจิ้ง ทำไมเธอยังอยู่ที่โรงพยาบาล” หลิงเหยามองดูเธออย่างแปลกใจ
“สองสามวันนี้ศาสตราจารย์ไป๋ต้องไปประชุม ฉันก็เลยต้องมาดูแลที่โรงพยาบาล”
“วันนี้ต้องโต้รุ่งเหรอ” หลิงอี้ขมวดคิ้ว
“อื้ม”
“เห้อ นักศึกษาแพทย์ของเราทำไมเจอสภาพแบบนี้ หลังจากนี้คงจะมีแบบนี้บ่อยๆ” หลิงเหยาพูดอย่างเศร้าโศก
“ศาสตราจารย์เพิ่งจะรับเคสผ่าตัดของมู่ซือซือมา ฉันก็เลยต้องมาคอยดูแล ความจริงศาสตราจารย์ไป๋ไม่ได้รับเคสผ่าตัดแบบนี้แล้ว” เวินจิ้งยิ้ม
“ทำไม ตอนแรกก็เห็นเธออยากจะสอบเข้ามาเองนะ ตอนนี้กลัวแล้วเหรอ” หลิงอี้หยอกน้องสาว
“ไม่กล้าๆ” หลิงเหยามองทั้งสองด้วยความมั่นใจ เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งสอง
หลิงเหยาเข้าไปยังห้องผู้ป่วยของมู่ซือซือ เวินจิ้งเดินผ่านไปยังห้องปฏิบัติการ ส่วนหลิงอี้ก็เดินตามเธอไป
“คืนนี้ไม่ได้นอนเหรอ” เขาพูดอย่างกังวล
“อื้ม กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมู่ซือซือ และฉันก็จะได้ทำการบ้านให้เสร็จด้วย” เวินจิ้งนั่งลง
“ไม่งั้น ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณ อยู่คนเดียวคงจะเหงามาก” หลิงอี้มองไปยังห้องทำงานเล็กๆ ซึ่งไม่มีอะไรเลย
“คุณหลิง คุณออกไปเถอะนะ คืนนี้ฉันยุ่งมาก” เวินจิ้งไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว เธอมีงานจำนวนมากมายอยู่เป็นเพื่อน
“งั้นผมนั่งตรงนี้แหละ ไม่รบกวนคุณหรอก” หลิงอี้นั่งลงบนโซฟา หามุมสบายนั่งอยู่เงียบๆ
เป็นเวลาพักใหญ่ เขาเงียบมากๆ ไม่ได้รบกวนเธอเลย
จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงต่อมา โทรศัพท์ของหลิงอี้ดังขึ้น เป็นสายของหลิงเหยา
“พี่ อยู่ที่ไหนหนะ”
“คนขับรถรอเธออยู่ที่ประตู เดี๋ยวเขาจะไปส่งเธอ”
“แล้วพี่หละ”
“ฉัน ……” สายตาของหลิงอี้จ้องมองไปยังเวินจิ้ง “ฉันมีนัด”
เวินจิ้งที่กำลังทำการบ้านอยู่หยุดไปชั่วขณะ เธอขมวดคิ้ว
เงยหน้าขึ้น เธอหันไปมองผู้ชายที่กำลังจ้องเธออยู่ “คืนนี้นายจะอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ”
เธอไม่คิดว่าคุณหลิงผู้ยิ่งใหญ่จะนอนหลับอยู่ที่นี่ได้จริงๆ
“อื้ม ผมง่วงแล้ว มีอะไรก็เรียกผมนะ” หลิงอี้นอนลงอย่างขี้เกียจ ร่างอันสูงใหญ่ของเขาทอดตัวลงบนโซฟา
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ช่างมัน ไม่ต้องสนใจเขาแล้ว
เช้าตรู่ เวินจิ้งงีบหลับอยู่ที่โต๊ะ เสียงกริ่งก็ดังขึ้นมา มันเป็นเสียงเรียกจากห้องของมู่ซือซือ
หลิงอี้ตื่นแล้ว จึงรีบเข้าไปดูกับเวินจิ้ง
“เจ็บมาก….” เสียงของความเจ็บปวดของมู่ซือซือดังขึ้นมา
ส่งวี่ประคองเธอลุกตัวขึ้นนั่ง เมื่อเห็นเวินจิ้ง จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล “แผลของซือซือเหมือนจะอักเสบ”
เวินจิ้งก้มหน้าลง เปิดผ้าพันแผลออก แล้วเปลี่ยนผ้าและทายาชุดใหม่ให้
จากนั้นออกไปหยิบยาแก้อักเสบมาทา “คอยสังเกตอาการอีกคืนก่อน”
“เวินจิ้ง เธอยังเป็นแค่ฝึกหัด แล้วหมอหละ” มู่ซือซือมองไปที่เธอ เขายังไม่ค่อยเชื่อเธอ
เวินจิ้งไม่แยแสใดๆ “เวลานี้หมอเลิกงานหมดแล้ว ส่วนศาสตราจารย์ก็ไปราชการ ดังนั้น ตอนนี้จึงมีเพียงฉัน”
“วางใจเถอะ” เมื่อได้เห็นมู่ซือซือ เวินจิ้งยิ่งขมวดคิ้วแน่น
“ซือซือ เชื่อเวินจิ้งเถอะ” ส่งวี่กอดซือซือ และพยายามปลอบใจเธอ
ผ้าพันแผลถูกพันใหม่จนเรียบร้อย ตอนนี้มู่ซือซือมีเหงื่อออกทั่วตัว
เมื่อเห็นส้งวี่กอดเธออยู่ เธอก็ผลักเขาออกด้วยความโกรธ”
“ใครอนุญาตให้นายมาแตะต้องตัวฉัน”
ส้งวี่ถอยออกมา แต่สายตายังมองอย่างกังวลไม่ขาด
“คุณหนูมู่ คืนนี้อาจจะเจ็บปวดหน่อย ทานยาแล้วนอนหลับสักพักเถอะ”
เวินจิ้งออกไปแล้ว แต่มู่ซือซือได้เรียกเธอไว้
“ฉันต้องการให้เธออยู่เป็นเพื่อน ส้งวี่ นายกลับไปได้แล้ว”
เมื่อเห็นเวินจิ้งยังคงลังเล มู่ซือซือจึงรีบกดลงบนแผลของตัวเองอย่างแรง “เวินจิ้ง เธอไม่อยู่ ถ้าฉันเกิดมีเรื่องอะไรขึ้นมาจะทำยังไง…”
“มู่ซือซือ เธอนี่มันไร้เดียงสาจริงๆ” เวินจริงหันกลับ พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
เขามักจะชอบทำร้ายตัวเองเพื่อข่มขู่ผู้อื่นอยู่เสมอ
“ใช่ ฉันมันไร้เดียงสา” มู่ซือซือยอมรับ แล้วมองไปยังส้งวี่ “นายกลับไปได้แล้ว แล้วพี่หลิงก็ด้วย พี่ก็กลับไปเถอะ”
หลิงอี้อยู่ที่ประตูมาตลอด เพียงแต่ดวงตาจ้องมองไปยังเวินจิ้ง
“ซือซือ เวินจิ้งต้องการพักผ่อน” หลิงอี้เดินเข้ามา
“เธออยู่ในนี้ก็พักผ่อนได้ พวกเราผู้หญิงสองคนสะดวกกว่า”
จริงๆแล้วก็กังวลอยู่ ไม่รู้ว่ามู่ซือซือจะทำอะไรขึ้นมาอีก เวินจิ้งยังคงอยู่ในห้อง ส่วนผู้ชายทั้งสองคนนั้นล้วนออกไปหมดแล้ว
ความเป็นจริง เธอก็ไม่อยากจะอยู่กับหลิงอี้ตามลำพัง จึงเลือกอยู่กับมู่ซือซือดีกว่า
“ทำไมเธอถึงเป็นที่ดึงดูดของผู้ชายอยู่ตลอด” ในห้องผู้ป่วย น้ำเสียงของมู่ซือซือไม่ดีเอามากๆ “ดึงดูดพี่ชายฉันไปคนนึงแล้ว แล้วยังจะหลิงอี้อีก”
มู่ซือซือเคยไปเที่ยวที่บ้านตระกูลหลิงมาก่อนเพื่อไปหาหลิงเหยา หลิงอี้เป็นพี่ชายของเขา
“มู่ซือซือ อย่าพูดเหลวไหล” เวินจิ้งไม่พอใจ
“เธอไม่รู้เหรอว่าทั้งพี่ชายฉันและหลิงอี้ต่างก็ชอบเธอ”
“พี่ชายเธอไม่ได้ชอบฉัน ส่วนหลิงอี้นั่น ฉันไม่ได้ชอบเขา”
“พูดถึงเธอแล้ว ถ้าเธอไม่ใช่พี่สาวของไอ้คนเลวฉีเซินนั่น ฉันก็คงไม่เกลียดเธอมากขนาดนี้”
“คุณหนูมู่ ฉันกับฉีเซินไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันแม้แต่นิดเดียว โปรดวางอคติที่มีต่อฉันซะเถอะ”
เวินจิ้งถอนหายใจ อธิบายไปอย่างอ่อนโยน
มู่ซือซือยังคงไม่เชื่อเธอ “เธอยังจะโกหกฉันอีก นั้นเพราะเธอยังคิดถึงพี่ชายฉันอยู่”
เวินจิ้ง……..